Thai VI

เงินสดที่เราค้างไว้ในพอร์ต โบรกสามารถนำไปปล่อยมาร์จิ้นได้ใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้น โบรกก็เป็นลูกหนี้เรา สมมติว่าโบรกล้มละลาย เงินตรงนี้เราจะไม่ได้คืนใช่ไหมครับ

เงินสดที่เราค้างไว้ในพอร์ต โบรกสามารถนำไปปล่อยมาร์จิ้นได้ใช่ไหมครับ
ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าใช่


ถ้าอย่างนั้น โบรกก็เป็นลูกหนี้เรา สมมติว่าโบรกล้มละลาย เงินตรงนี้เราจะไม่ได้คืนใช่ไหมครับ
ไม่ว่าจะนำไปปล่อยมาร์จินหรือไม่ โบรกก็เป็นลูกหนี้เรา ถ้าล้มจริงเราก็ได้คืนก่อนเจ้าหนี้ครับ แต่จริงๆถ้าล้มก็คงสูญละครับ


แต่ผมเข้าใจว่าตอนนี้มีกองทุนคุ้มครองลูกค้าของโบลกเกอร์ หรือนักลงทุน ในเรื่องนี้ ประมาณ 1 ล้านบาท แต่ไม่แน่ใจในรายละเอียด หรือมีการจัดตั้งเรียบร้อยแล้วหรือไม่ เงินที่มาลงในกองทุนก็ใช้การสมทบจากทุกโบล็ก

โบร๊กต้องให้ดอกเบี้ยขั้นต่ำเราครับ

ถ้าโบร๊กล้มละลาย เราจะมีสภาพเป็นเจ้าหนี้ครับ
มีสิทธิ์ได้เงินส่วนนี้คืน "ก่อน" ผู้ถือหุ้น

แต่ไม่แน่ใจว่าอยู่ในลำดับเท่าใดในหมู่เจ้าหนี้

บริษัทที่จะล้มละลาย สภาพคล่องมักจะหมดแล้ว

สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของโบรกเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องสูงทั้งสิ้น

ดังนั้นเมื่อล้มละลายแล้วแบ่งทรัพย์กัน โอกาสที่จะได้รับส่วนแบ่งในฐานะเจ้าหนี้คงมีน้อยมาก (ผู้ถือหุ้นยิ่งไม่ต้องหวังใหญ่)  :(


แต่หุ้นในพอร์ตของเราคงปลอดภัย เพราะอยู่กับศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ โบรกเกอร์แตะต้องไม่ได้

ผมก็เข้าใจเช่นนั้น บัญชีของนักลงทุนส่วนใหญ่ก็คงเป็นแบบ Non Deposit Account ดังนั้นเงินสดของเราก็จะอยู่ในธนาคาร แต่หุ้นก็จะถูกฝากไว้ที่ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ โบรกเกอร์จึงแตะต้องเงินสดหรือหลักทรัพย์ของเราไม่ได้

ยกเว้นผู้ที่มีบัญชีแบบ Cash Deposit ที่ต้องฝากเงินก่อนถึงจะซื้อได้ หากโบรกเกอร์ล้มละลาย เงินส่วนนั้นคงจะมีปัญหา ส่วนกรณีที่เราฝากหุ้นกับโบรกเกอร์แล้วโบรกเกอร์เอาไปให้คนอื่นยืม เข้าใจว่าหลักทรัพย์ตรงนั้นน่าจะมีปัญหาเหมือนกัน

บ.หลักทรัพย์ไม่สามารถนำเงินลูกค้าไปใช้ได้ ............ ผิดกฏ
โดยจะมีการแยกบัญชี เงินฝากเพื่อลูกค้า......... ได้ดอกเบี้ยไม่เกินที่ธนาคารพาณิชย์ให้

ดังนั้น ถ้าบริษัทล้ม ....... เงินก็ยังเป็นของลูกค้า ยังได้ความคุ้มครองอยู่ โดยมีหน่วยงานที่คอยดูแลและควบคุมอยู่

บ.หลักทรัพย์ไม่สามารถนำเงินลูกค้าไปใช้ได้ ............ ผิดกฏ
โดยจะมีการแยกบัญชี เงินฝากเพื่อลูกค้า......... ได้ดอกเบี้ยไม่เกินที่ธนาคารพาณิชย์ให้

ดังนั้น ถ้าบริษัทล้ม ....... เงินก็ยังเป็นของลูกค้า ยังได้ความคุ้มครองอยู่ โดยมีหน่วยงานที่คอยดูแลและควบคุมอยู่

ลองเข้าไปค้นข้อมูลเพิ่มเติม ในฐานข้อมูลของ กลต. มีหมวดที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงกล่าวไว้ว่า

กลุ่มที่ 3 ฉ้อโกง
1. ร่วมมือกับผู้บริหาเพื่อถ่ายเททรัพย์สินออกนอกบริษัทหลักทรัพย์
2. เบิกถอนทรัพย์สินของลูกค้า โดยลูกค้าไม่ได้ยินยอมหรือสั่งการ
3. ปลอมแปลงเอกสารหรือลายมือชื่อของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าเพื่อยักยอทรัพย์สินของลูกค้า
4. ร่วมมือกับลูกค้าในการปั่นหุ้น หรือในการปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมายอื่น
5. ใช้บัญชีหรือทรัพย์สินของลูกค้าโดยทุจริตหรือฉ้อโกง

อาจจะมีข้อกฎหมายที่ตรงกว่านี้นะครับ  

ลองสรุปใหม่ว่า
- ลูกค้าโดยทั่วไปคงไม่ใช่เจ้าหนี้ เพราะโบรกเกอร์ไม่สามารถนำทรัพย์สินของเราไปใช้ประโยชน์ได้โดยปราศจากการยินยอม
- ทรัพย์สินที่ปล่อย margin เป็นทรัพย์สินของโบรกเกอร์ ไม่ใช่ทรัพย์สินของลูกค้า
-  สินทรัพย์ของลูกค้าได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย หากโบรกเกอร์ล้ม ลูกค้าก็จะได้รับสินทรัพย์เหล่านั้นคืน

แต่ผมค้นไม่เจอว่าหน่วยงานใดเป็นผู้ดูแล ข้อกฎหมายเยอะมากๆ

ถ้าเป็นแบบนี้ กรณีปิด 56 Finance ตอนฟองสบู่แตก ลูกค้าก็ต้องได้รับทรัพย์สินคืนครบถ้วน ถูกต้องมั้ยครับ (ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย)

ถ้าเข้าใจผิดพลาดตรงไหน ผู้รู้ช่วยแก้ให้ด้วยครับ

ถ้ากลัวในจุดนี้ ลองเปิดซื้อขายเป็นระบบ ATS (ตัดบัญชีธนาคาร) ก็ได้หนิครับ พอขายได้ เงินก็เข้าบัญชีเราโดยอัตโนมัติ

ผมเปิดกับ Seamico ใช้ระบบตัดบัญชีอัตโนมัติกับธนาคารกสิกรไทย โดยทางSeamico จะให้วงเงินในการซื้อขาย เช่น 1 ล้านบาท พอเราซื้อหุ้นไป อีก3 วันก็จะตัดบัญชีอัตโนมัติ ..ตอนขาย 3 วันก็โอนเงินเข้าบัญชีเราโดยอัตโนมัติ