หน้า 1 จากทั้งหมด 1
งบVNTที่ผมรอคอย ออกมาแล้วครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 23, 2006 9:04 pm
โดย BigBoat
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.ประจำปี(F45-1)
บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน)
ตรวจสอบ
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม
งวด 1 ปี
ปี 2548 2547
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 2,390,413 1,358,591
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 2.39 1.43
งบVNTที่ผมรอคอย ออกมาแล้วครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 23, 2006 9:05 pm
โดย BigBoat
เรื่อง : คำอธิบายและการวิเคราะห์งบการเงินของฝ่ายจัดการ (MD&A) สำหรับปี 2548
เรียน: กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัทฯ ขอเรียนเสนอคำอธิบายและการวิเคราะห์ผลประกอบการและสถานะทางการเงินของฝ่ายจัดการ (MD&A)
สำหรับปี 2548 เพื่อให้นักลงทุนสามารถทำความเข้าใจงบการเงินที่ตรวจสอบแล้วของบริษัทฯ ได้ดียิ่งขึ้น
การวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน
ในระหว่างปี 2548 ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมพีวีซียังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อุปสงค์ของ
พีวีซี ภายในประเทศไทยยังคงเติบโตในอัตราที่สูง สาเหตุจากอุตสาหกรรมการก่อสร้างและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นของ
ภาครัฐบาลในโครงการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การส่งออกในตลาดต่างประเทศยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี
จากปัจจัยต่างๆนี้เองมี ผลให้บริษัทฯมีผลประกอบการจากการดำเนินงานโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากและเป็นปีที่ดี
เยียมสำหรับบริษัทฯ การดำเนินการด้านการผลิตและการขายบรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ แม้ว่าจะต้องประสบ
ผลกระทบจาก ภาวะเศรษฐกิจที่ตึงตัว เนื่องจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ความไม่สงบ
ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังรุนแรง การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกที่ยังคงอยู่ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้ม
สูงขึ้น รวมทั้งราคาวัตถุดิบและสาธารณูปโภคต่างๆที่สูงขึ้นมาก แต่บริษัทฯก็ได้มีการปรับแผนการดำเนินงานและ
การจัดการ จนสามารถมีผลการประกอบการออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
วิเคราะห์รายได้
ในปี 2548 บริษัทฯ มีรายได้รวม 9,446 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการขาย 8,438 ล้านบาท โดยราย
ได้จากการขายนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 894 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 11.9 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้จากการ
ขายเพิ่มขึ้นได้แก่ ปริมาณขายของพีวีซีที่เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 6.0 ถึงแม้ว่าราคาขายเฉลี่ยของพีวีซีลดลงเล็กน้อย
ขณะเดียวกันราคาขายเฉลี่ยของโซดาไฟที่สูงขึ้นมากถึงร้อยละ 64.4 ถึงแม้ว่าปริมาณขายลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.7
ซึ่งโดยปกติราคาขายพีวีซีและโซดาไฟภายในประเทศเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาในตลาดโลก การที่บริษัทฯได้มีการ
ขยายกำลังการผลิตแบบขยายคอขวดในปี 2548 รวมทั้งการดำเนินการผลิตอย่างเต็มกำลังการผลิตและต่อเนื่อง
ยังผลให้การผลิตพีวีซีเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ในขณะที่การผลิตโซดาไฟเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 24 เมื่อเปรียบเทียบ
กับปีที่ผ่านมา
บริษัทฯมีรายได้อื่นรวม 1,008 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามาก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากการขายเงินลงทุน
ในหุ้นสามัญบริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน))
จำนวน 888 ล้านบาท และเงินปันผลรับ 67 ล้านบาท
ยอดขายพีวีซีในปี 2548 คิดเป็นร้อยละ 81.8 ของยอดขายรวมของบริษัทฯ ขณะที่บริษัทฯมียอดขายโซดาไฟคิด
เป็นสัดส่วนร้อยละ 17.4 ของยอดขายรวม ส่วนรายได้รวมจากการขายพีวีซีเป็นการขายภายในประเทศร้อยละ 63
ขณะที่โซดาไฟที่บริษัทฯ ผลิตได้ขายในตลาดภายในประเทศทั้งหมด
วิเคราะห์ต้นทุนและค่าใช้จ่าย
(1) ต้นทุนขายในปี 2548 เป็นจำนวน 6,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 810 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ
15.1 สาเหตุหลักเนื่องจากปริมาณการขายพีวีซีที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา รวมทั้งต้นทุนต่อหน่วย
ของเอธิลีนสูงขึ้นร้อยละ 8.0 ซึ่งเป็นผลมาจากความเกี่ยวเนื่องระหว่างราคาน้ำมันและแก๊ซที่สูงขึ้นรวมทั้งปัญหา
การขาดแคลนเอธิลีนที่ยังคงอยู่ ต้นทุนต่อหน่วยของ ค่าไฟฟ้า ค่าเกลือและสาธารณูปโภคอื่นๆต่างก็เพิ่ม
สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
(2) ในปี 2548 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารจำนวน 707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73 ล้านบาท
หรือร้อยละ 11.4 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2547 สาเหตุหลักที่ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร
รวมในปี 2548 เปลี่ยนแปลงจากปี 2547 มีดังนี้
- ค่าขนส่งเพิ่มขึ้นตามปริมาณการขายและการส่งออกที่เพิ่มขึ้น +23 ล้านบาท
- ค่าที่ปรึกษาทางการเงินและ กฎหมายเพิ่มขึ้น +17 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร +13 ล้านบาท
- ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ +9 ล้านบาท
- ค่าสิทธิจ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น +8 ล้านบาท
(3) ดอกเบี้ยจ่ายในปี 2548 จำนวน 116 ล้านบาท ลดลงค่อนข้างมากจากปี 2547 เป็นจำนวนถึง 74 ล้านบาท
หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.2 ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการที่บริษัทฯ มียอดหนี้ค้างชำระลดน้อยลงจาก
การชำระคืนหุ้นกู้อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าบริษัทฯจะมีเงินกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้น 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการ
ขยายการผลิต บริษัทจะชำระคืนหุ้นกู้คงค้างได้ทั้งหมดตามกำหนดภายในเดือนสิงหาคม 2549
สรุปผลประกอบการ
ผลประกอบการในปี 2548 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 2,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 75.9 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน
มาซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 1,359 ล้านบาท ซึ่งผลกำไรที่สูงขึ้นนี้ได้รวมกำไรจากการขายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท
ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 888 ล้านบาทตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น หากไม่รวมกำไรจากรายการดังกล่าว
บริษัทฯจะมีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 1,502 ล้านบาทเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10.6 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่
ผ่านมา กำไรสุทธิที่สูงขึ้นดังกล่าวนี้เป็นผลมาจากปริมาณการขายของพีวีซีที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยโซดาไฟที่สูงขึ้น
แม้ว่าราคาเฉลี่ยของวัตถุดิบหลักคือเอธิลีนและค่าสาธารณูปโภคอื่นๆ จะสูงขึ้นมากในปี 2548 นี้ก็ตาม แต่การที่บริษัทฯ
สามารถขยายกำลังการผลิตแบบขยายคอขวด รวมทั้งการดำเนินการผลิตเต็มกำลังการผลิตและต่อเนื่อง ก็เป็นส่วน
สนับสนุนให้บริษัทฯมีกำไรขั้นต้นที่น่าพอใจที่อัตราร้อยละ 26.8 นอกจากนี้ ค่าดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
มีส่วนช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้นด้วย ดังนั้นอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมจึงสูงขึ้นจากร้อยละ 17.9 ในปี 2547
เป็นร้อยละ 25.3 ในปี 2548 เราสามารถกล่าวได้ว่าปี 2548 นี้เป็นปีที่ดีเยี่ยมของบริษัทฯ โดยมีกำไรสุทธิสูงสุด
นับจากอดีตที่ผ่านมาเนื่องจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นและการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย ทั้งนี้นับเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน
ที่บริษัทฯประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
การวิเคราะห์ฐานะการเงิน
วิเคราะห์สินทรัพย์
บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ทั้งสิ้น 15,435 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 3,008 ล้านบาท
หรือคิดเป็นร้อยละ 24.2 สินทรัพย์ของบริษัทฯ และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมีดังนี้
(1) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 2,842 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 2,809 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวน 32 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 ซึ่งเกิดจากการเพิ่มทุน
เพื่อโครงการขยายกำลังการผลิตและการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย
(2) เงินฝากเพื่อการชำระคืนหุ้นกู้เพิ่มขึ้น 332 ล้านบาทซึ่งเป็นการฝากเงินจำนวนเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นไปตาม
มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2548 ที่ให้ความยินยอมแก่บริษัทฯ สามารถจ่ายเงินปันผลเป็นเงิน
สดจากผลประกอบการของบริษัทฯประจำปี 2547 จำนวนไม่เกิน 332 ล้านบาท
(3) สิ้นปี 2548 บริษัทฯ มียอดลูกหนี้จำนวน 1,616 ล้านบาท เปรียบเทียบกับจำนวน 1,346 ล้านบาท ณ สิ้นปี
2547 ลูกหนี้เพิ่มขึ้น 270 ล้านบาทส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่มีปริมาณการขายพีวีซีที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งราคา
ขายเฉลี่ยของโซดาไฟสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้ปรับปรุงระบบงานด้านสินเชื่ออย่างต่อเนื่องเพื่อ
ควบคุมระดับยอดคงเหลือของลูกหนี้
(4) บริษัทฯ มียอดสินค้าคงเหลือสุทธิสิ้นปี 2548 จำนวน 953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 184 ล้านบาทจากจำนวน 769
ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 สินค้าคงเหลือส่วนใหญ่ประกอบด้วยสินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบ และ อะไหล่และวัสดุ
สำหรับเครื่องจักร ราคาของสินค้าสำเร็จรูปและ วัตถุดิบหลักได้เพิ่มสูงขึ้นระหว่างปี 2548
(5) บริษัทฯ ได้เพิ่มเงินลงทุนซึ่งเป็นการเข้าถือหุ้นในบริษัทที่เป็นผู้ขายวัตถุดิบหลักให้บริษัทฯ คือบริษัทเกลือพิมาย
จำกัด เป็นจำนวนเงิน 194 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2548 รายการเงินลงทุนมีมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 378
ล้านบาท
(6) ในปี 2548 บริษัทฯได้ขายเงินลงทุนทั้งหมดในหลักทรัพย์เผื่อขายของบริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน)
ซึ่งมีมูลค่าเมื่อสิ้นปี 2547 จำนวน 1,503 ล้านบาท
(7) ณ สิ้นปี 2548 บริษัทฯ มีมูลค่าสุทธิของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ จำนวน 8,587 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 677
ล้านบาท หรือร้อยละ 8.6 เปรียบเทียบกับสิ้นปี 2547 มูลค่าที่เพิ่มขึ้นสุทธิมีสาเหตุหลักจากการขยายกำลัง
การผลิตแบบขยายคอขวด รวมทั้งโครงการขยายการผลิตวีซีเอ็ม คลอรีน และอีดีซีที่เริ่มก่อสร้างเมื่อกลางปี
2548
วิเคราะห์หนี้สิน
บริษัทฯ มีหนี้สินรวม ณ สิ้นปี 2548 จำนวน 3,020 ล้านบาท ลดลง 718 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 19.2 เมื่อ
เปรียบเทียบกับปี 2547 โดยมีการเปลี่ยนแปลงในหนี้สินที่สำคัญคือ ยอดหุ้นกู้คงเหลือได้ลดลงเป็นลำดับ เนื่องจากบริษัทฯ
ได้ชำระหนี้หุ้นกู้เป็นประจำจำนวน 1,362 ล้านบาทต่อปี บริษัทฯจะชำระคืนหุ้นกู้คงค้างที่เหลืออยู่ทั้งหมด 1,362
ล้านบาท ได้ตามกำหนด ภายในเดือนสิงหาคม 2549 ทั้งนี้บริษัทฯมีเงินกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้นจำนวน 500 ล้านบาท
สำหรับใช้ในโครงการขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ
วิเคราะห์ส่วนของผู้ถือหุ้น
ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 มีจำนวน 12,415 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปี 2547 จำนวน 8,689
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,726 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 42.9 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในส่วนของผู้ถือหุ้น มีดังนี้
* ทุนออกจำหน่ายและชำระเต็มมูลค่าแล้วเพิ่มขึ้น 1,422 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มทุนชำระแล้ว
* มีการบันทึกบัญชีส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 1,304 ล้านบาท เนื่องจากการขายหุ้น (ราคาพาร์ 6 บาท)
ให้แก่บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน)ในราคา 11.50 บาทต่อหุ้น
* การโอนรายการกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของเงินลงทุนในหลักทรัพย์เผื่อขาย
จำนวน 1,055 ล้านบาทออก เนื่องจากมีการขายหลักทรัพย์ดังกล่าว
* บริษัทฯ มีกำไรจากผลประกอบการในปี 2548 จำนวน 2,390 ล้านบาท ซึ่ง บริษัทฯ ได้จัดสรรกำไรเป็น
สำรองตามกฎหมายเป็นจำนวน 120 ล้านบาท ที่เหลือเป็นผลกำไรที่ยังไม่ได้จัดสรรจำนวน 2,270 ล้านบาท
* บริษัทฯ มีการจ่ายเงินปันผล สำหรับผลประกอบการในปี 2547 จำนวน 332 ล้านบาท
การวิเคราะห์การแสเงินสด
งบกระแสเงินสด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดทั้งสิ้น
2,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวน 32 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2547 แหล่งที่มาและใช้ไปซึ่งเงินทุนมี
ดังนี้
(1) เงินสดสุทธิที่ได้มาจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจำนวน 113 ล้านบาท จากจำนวนเงินสดสุทธิจากการ
ดำเนินงาน 1,447 ล้านบาท ในปี 2547 เป็นจำนวน 1,560 ล้านบาทในปี 2548 คือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8
(2) เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมการลงทุนมีจำนวน 50 ล้านบาทในปี 2548 เปรียบเทียบกับเงินสดสุทธิ
ที่ใช้ไปในกิจกรรมการลงทุนจำนวน 121 ล้านบาทในปี 2547 โดยมีรายการสำคัญคือเงินสดรับจาก
การจำหน่ายเงินลงทุนจำนวน 1,337 ล้านบาท ซื้อสินทรัพย์ถาวรในปี 2548 เป็นจำนวน 1,088 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 958 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นการลงทุนในส่วนการขยายกำลังการผลิต และรายการ
เงินลงทุนเพิ่มในบริษัทร่วม 194 ล้านบาท
(3) ในปี 2548 เงินสดสุทธิที่ได้มาจากกิจกรรมจัดหาเงินรวมทั้งสิ้น 1,199 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยเงินสด
รับจากการเพิ่มทุน 2,726 ล้านบาท และเงินสดรับจากเงินกู้ระยะยาว 500 ล้านบาทเพื่อไว้ใช้สำหรับ
โครงการขยายกำลังการผลิต เงินจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ 1,362 ล้านบาท การจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด 332
ล้านบาทรวมทั้งเงินฝากเพื่อการชำระคืนหุ้นกู้เพิ่มขึ้น 332 ล้านบาท
บทสรุป
ปี 2548 นี้ถือเป็นปีทองอีกปีหนึ่งที่บริษัทฯ มีผลการประกอบการที่ดีเยี่ยม โดยมีกำไรสุทธิที่นับเป็นสถิติสูงสุดของ
บริษัทฯ ความสำเร็จในผลประกอบการที่ดีเลิศนี้มาจากกลยุทธ์และการวางแผนจัดการทางธุรกิจที่ดี บริษัทฯ
สามารถชำระหนี้หุ้นกู้โดยอาศัยเงินรับที่ได้จากการดำเนินงาน รวมทั้งการที่บริษัทฯมีการขายเงินลงทุนใน
หลักทรัพย์เผื่อขายดังกล่าว ยิ่งทำให้บริษัทฯมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในปี 2548
นี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น คือ อัตราร้อยละ 22.7 เทียบ
กับอัตราร้อยละ 16.8 ในปี 2547 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 บริษัทฯ มีอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์รวมเฉลี่ยสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่องเป็นร้อยละ 17.2 จากปีที่ผ่านมาคืออัตราร้อยละ 11.0 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นก็ดีขึ้น
เป็นลำดับจากอัตราร้อยละ 0.43 ในปี 2547 เป็นอัตราร้อยละ 0.24 ณ สิ้นปี 2548
จากทิศทางของอุตสาหกรรมพีวีซีในตลาดโลกที่อาจขยายตัวต่อไปได้ รวมทั้งความต้องการภายในประเทศที่ยังคง
เติบโตอย่างต่อเนื่องสืบเนื่องจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล บริษัทฯ คาดว่าปี 2549 ผลการดำเนินงานยัง
จะคงอยู่ในเกณฑ์ดีแต่อาจจะไม่ดีเยี่ยมเท่าผลการดำเนินงานในปี 2548 เนื่องจากเป็นช่วงการลงทุนในโครงการขยาย
การผลิต อย่างไรก็ตามคาดหวังได้ว่าเมื่อบริษัทฯขยายการผลิตเสร็จสมบูรณ์ก็น่าจะเป็นโอกาสที่บริษัทฯจะสามารถ
สร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป
ขอแสดงความนับถือ
(นาย กุนเธอร์ วิลแฮล์ม นาโดนี่)
กรรมการผู้จัดการ
งบVNTที่ผมรอคอย ออกมาแล้วครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 23, 2006 9:07 pm
โดย BigBoat
อ่านแล้ว แสดงถึงศักยภาพในอนาคตดีนะครับ
ผมลองคำนวณหักที่กำไรจากการขายเงินลงทุนออก
ก็ยังโตกว่าปีก่อน
แต่สำหรับTPCกลับลดลง มันกำลังบอกอะไรเราอยู่เหรอครับ
งบVNTที่ผมรอคอย ออกมาแล้วครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 25, 2006 12:14 am
โดย Oatarm
อ่านแล้ว แสดงถึงศักยภาพในอนาคตดีนะครับ
ผมลองคำนวณหักที่กำไรจากการขายเงินลงทุนออก
ก็ยังโตกว่าปีก่อน
แต่สำหรับTPCกลับลดลง มันกำลังบอกอะไรเราอยู่เหรอครับ
ถึงทั้งสองบริษัท จะเป็นผู้ผลิต PVC เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง TPC จะใช้ทั้ง EDC และ เอธิลีน เป็นวัตถุดิบ ของ VNT ใช้แต่ เอธิลีน
VNT มีโซดาไฟ เป็นผลพลอยได้จากการผลิต ซึ่งราคาสูงมากในปีนี้
TPC ปีทีแล้ว กำไรโตผิดปกติ เนื่องจากการ สต็อก เอธิลีนต้นทุนต่ำ ใน Q1/47 ซึ่งราคา PVC ขณะนั้นสูงมาก ทำให้กำไรในไตรมาสนั้นสูงมากๆ ฉะนั้นในปีนีการที่กำไรหดเป็นเรื่องไม่แปลกใจนัก
ปีนี้ ผมมองปัจจัยสำคัญ คือ ราคาเอธิลีน จะปรับตัวลดลงมากตามคาดหรือไม่ และเมื่อไร เนื่องจากจะมีอุปทานใหม่ๆเพิ่มขึ้นมามาก ส่วนราคา PVC ถูกคาดเดาว่าคงลดลงจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในจีน เช่นกัน
งบVNTที่ผมรอคอย ออกมาแล้วครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 25, 2006 9:56 am
โดย Hero_man
ไม่ใช่แค่คุณ BigBoat รอคนเดียวนะครับ ผมเองก็ตั้งตารอดูเป็นเพื่อนอยู่เหมือนกัน 8)