Thai VI

ผมอยากทราบว่าในฐานะนักลงทุนรายย่อยเราสามารถซื้อหุ้นในตลาดต่างประเทศ เช่นเราต้องการซื้อ Toyota ในตลาด NIKKEI, Google ใน NASDAQ หรือ อาจจะเป็น Coca Cola ใน NYSE เราสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไรครับ อยากทราบเป็นความรู้ครับ  :roll:

อยากซื้อจริงๆ หรือเปล่า

1. ไปทำบัตร Be1st ที่ธนาคารกรุงเทพ ระบุว่าต้องการเบิกเงินสูงสุดวันละ 1.5แสนบาท

2. ไปสิงคโปร์ แล้วใช้บัตร Be1st เบิกเงินออกมาวันละ 1.5 แสน จนกว่าจะได้จำนวนเงินที่ต้องการเล่น

3. เปิดบัญชีโบรกแบบบัญชีอินเตอร์เนตในสิงคโปร์ที่สามารถเทรดในอเมริกาได้ และได้รับเงินปันผลแบบโอนเข้ามาในพอร์ตเลย

4. กลับมาเมืองไทย

ทำแบบนี้น่ะครับ

และ ที่สำคัญ มาจิ้น กันกระจาย เงินจิ๊ดเล่นได้แบบเหอๆๆๆๆๆ

แถมเล่น Derivative + Forex อีกโหยย อัตราทดกี่เท่าหว่า .... ไม่ รวย ก็ ซวย ละครับงานนี้...

สุมาอี้ เขียน:อยากซื้อจริงๆ หรือเปล่า

1. ไปทำบัตร Be1st ที่ธนาคารกรุงเทพ ระบุว่าต้องการเบิกเงินสูงสุดวันละ 1.5แสนบาท

2. ไปสิงคโปร์ แล้วใช้บัตร Be1st เบิกเงินออกมาวันละ 1.5 แสน จนกว่าจะได้จำนวนเงินที่ต้องการเล่น

3. เปิดบัญชีโบรกแบบบัญชีอินเตอร์เนตในสิงคโปร์ที่สามารถเทรดในอเมริกาได้ และได้รับเงินปันผลแบบโอนเข้ามาในพอร์ตเลย

4. กลับมาเมืองไทย

ทำแบบนี้น่ะครับ

ง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอครับ  :shock:  แล้วเค้าไม่ตรวจสอบหรือครับ ถ้าเรากดหลายวันวันละเต็มที่แบบนี้  :?:

คงตรวจสอบได้ยาก เพราะลองคิดถึงพวกไฮโซที่ไปช้อปปิ้งในตปท.สิ การเบิกเงินแค่นี้นับว่าน้อยมากๆ

Blueblood เขียน: ง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอครับ  :shock:  แล้วเค้าไม่ตรวจสอบหรือครับ ถ้าเรากดหลายวันวันละเต็มที่แบบนี้  :?:

บัตร Be1st เป็นบัตร ATM นะครับ
ที่เบิกก็เงินเรา เราก็บอกได้ว่าเอาไปซื้อของ จิปาถะ

นายขโมย เขียน:บัตร Be1st เป็นบัตร ATM นะครับ
ที่เบิกก็เงินเรา เราก็บอกได้ว่าเอาไปซื้อของ จิปาถะ

ของจิปาถะ เช่น Toyota, Microsoft, Coca Cola, Google

ฟังดูแล้วมีประเด็นข้อสงสัยเพิ่มดังนี้ครับ

1.ที่ทราบแน่ๆคือถ้าเราลงทุนผ่านกองทุนที่มีนโยบายลงทุนต่างประเทศ สามารถทำแบบเปิดเผยได้แน่นอน แต่ถ้าจะไปซื้อเอง เท่าที่ฟังดูความคิดเห็นในที่นี้แล้วเหมือนทำแบบเปิดเผยไม่ได้ ยังไงไม่รู้ ถ้าเช่นนั้นแสดงว่ามีกฎหมายห้ามหรือครับ? และถ้ามีกฎหมายห้ามเช่นนั้นจริงๆ แสดงว่าเจตนาของกฎหมายต้องการให้เงินตราต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุน (ต่างชาติซื้อหุ้นไทย) แต่ไม่ต้องการให้เงินบาทไหลออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยต้องการให้ไหลเวียนอยู่ภายในประเทศเท่านั้นเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ผมเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า?

2.แล้วที่ได้ยินว่านักการเมืองขนเงินออกไปสิงคโปร์แล้วให้สิงคโปร์เข้ามาซื้อหุ้นในฐานะ Nominee เนี่ย เขาเอาเงินออกนอกประเทศอย่างไร หรือว่าหอบเงินสดขึ้นเครื่องบินไปเลย?

3.สมมติว่ามีคนทำแบบที่คุณได้สุมาอี้ post ไว้จริงๆ หากมีการตรวจสอบเจอภายหลัง ถือว่าเป็นความผิดหรือเปล่า? และถ้าทำจริงแสดงว่าต้องมีการแลกเปลี่ยนเงินบาทไทยเป็น Singapore Dollar (SGD) แล้วฝากไว้กับ Broker ที่สิงคโปร์ จากนั้นหากซื้อหุ้นที่ America ก็ต้องทำการแปลงจาก SGD เป็น USD แล้วจึงสามารถซื้อได้ เป็นเช่นนี้หรือเปล่าครับ?

ประเทศไทยยังไม่มีเสรีภาพเรื่องเงินทุนครับ คนในประเทศยังมี capital control อยู่ การนำเงินออกนอกประเทศสามารถทำได้แต่ต้องเป็นธุรกรรมผ่านระบบธนาคารและต้องชี้แจงเหตุผลของการใช้เงินด้วย ซึ่งถ้าเป็น portfolio investment คิดว่าคงได้รับการปฏิเสธ

แต่การเบิกเอทีเอ็มในต่างประเทศ ก็ไม่ต่างอะไรกับการรูดบัตรเครดิตในต่างประเทศ ผมเองซื้อหนังสือ Amazon.com ด้วยบัตรเครดิตเป็นประจำ สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีการแจงเหตุผลเพราะดูจากพฤติกรรมก็อนุมานได้อยู่แล้วว่าเอาไปซื้อสินค้าและบริการ ใช้วิธีนี้เบิกเงินแล้วเอาไปลงทุนอันนี้ไม่ทราบว่าจะกฏหมายบังคับไปถึงว่าห้ามนำเงินที่เบิกไปลงทุนด้วยหรือไม่

เงินนักการเมืองต้องอาศัยธุรกรรมบางอย่างแอบแฝงครับ เป็นการฟอกเงินไปด้วยในตัว

การเบิกเอทีเอ็มในสิงคโปร์ คุณจะได้รับเงินสดเป็นเงินเหรียญสิงค์โปร์อยู่แล้วครับแม้ว่าเงินในบัญชีธนาคารกรุงเทพจะเป็นเงินบาทก็ตาม เมื่อนำเงินที่ได้ไปฝากเข้าพอร์ตในสิงคโปร์ Broker ก็คงจะแปลงเงิน SGD เป็น USD ให้อีกทีครับ

อ้อ เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง  
ขอบคุณ คุณสุมาอี้มากๆครับ

แต่สงสัย(อีกแล้ว) คือว่าเคยมีหัวหน้าเป็นคนอินเดีย แต่ตอนนี้เค้าย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศแล้ว ตอนเค้าทำงานที่เมืองไทยเค้าก็ถามๆเหมือนกันตอนผมเปิด port ใหม่ๆ ว่าตลาดไทยเป็นไง แต่จากนั้นไม่นานเค้าก็ไปเปิด port ใน USA ใช้ Broker ที่นั่น

แสดงว่าการควบคุมตรงนี้ครอบคลุมเฉพาะคนไทย ไม่รวมต่างชาติที่ทำงานเมืองไทยเหรอครับ (ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาได้รับเงินเดือนเป็นบาทหรือ USD)