Thai VI

ผมอ่านหนังสือของ d.r. นิเวศน์ ปีที่เกิด เครื่องบินชนตึก ปี 44 ท่านได้กำไรตั้ง 72 % เป็นไปได้ไงอะครับ การลงทุนแบบ value ทนไฟ ทนระเบิด ทนวินาศกรรมได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ใครอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นบ้างครับ เล่าประสบการณ์ให้ฟังหน่อยครับ ว่าท่านทำอย่างไร short port หรือว่า ไปกู้เงินชาวบ้าน มาถัวเพิ่ม หรือว่าตอนนั้นท่านถือเงินสด หรือว่ายังไม่ได้ทุนคืน เผื่อพรุ่งนี้มีอีกผมจะได้หนีได้บ้าง

ตอนนั้นดัชนี 200 กว่าๆ

8) ผมเคยลองสร้างพอร์ตจำลองนะครับ
    วันที่มีผู้ก่อการร้ายวางระเบิดรถไฟใต้ดินที่อังกฤษ
    ที่ฮือฮากันไปทั้งโลก เมื่อประมาณ08092005
    ผมซื้อ AH,BIGC,CMO,MINT,PTL,PTT,PTTEP,
    SCC,SE-ED,SEAFCO,SNC,SSC,TICON,TR,UMSและWG
    โดยซื้อเป็นจำนวนหุ้นอย่างละเท่าๆกันโดยไม่สนใจราคา
    แต่ก็มีบางตัวมาปรับพอร์ตเล่นแต่มีผลกระทบน้อยมาก
    หลักๆก็มาจากวันที่ระเบิดลง
   
    ปรากฏว่าเมื่อตอนอ่านกระทู้นี้จึงไปเปิดพอร์ต
    ที่เซทไว้ในเซทเทรดดูเล่นๆ

    อูยย..มีกำไรมากพอสมควร 23 เปอร์เซนต์แน่ะ...
    ตัวพอร์ตจริงยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย
    ฮุ...ฮุ...

ไม่แปลกครับ
ต้นปี 44 ดัชนีอยู่ที่ 269 สิ้นปี 303.85
ตอนนั้น p/e ของหุ้นที่เรียกกันว่าหุ้น VI จะต่ำกว่า หุ้น BIG CAP มาก
หุ้นสภาพคล่องต่ำหลายตัวให้ dividen yield มากกว่า 10%
ถือเป็นยุคทองของ VI เลยครับ แต่ตอนนั้นมี VI น้อยมาก
ใครพูดเรื่องหุ้นปันผลในบอร์ดมักจะถูกเหน็บว่าซื้อหวังปันผล ระวังราคาที่ลงจะไม่คุ้มปันผล

ดัชนีก่อนวันเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ 3 วันครับ

11/9/2001 330.37
13/9/2001 308.17
14/9/2001 288.10
17/9/2001 270.61

จำได้ว่าวันนั้นประมาณ 9 โมงเช้า
ก่อนออกไปทำงาน ผมเปิด CNBC ทีวีหุ้นของเมกา
เห็นตึกเวิลเทรดไฟใหม้ คิดว่าดูผิดช่องหรือเปล่า
ทีวีก็ถ่ายทอดสดไปเรื่อยๆ
รู้ว่ามีเครื่องบินชนตึก พิธีกรก็ยังไม่แน่ใจในสาเหตุ
มีประชาชนโทรเข้ามา พูดว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุอย่างแน่นอน
พูดไม่ถึง 5 นาที ก็มีเครื่องบินอีกลำบินมาชน คาจอ
คราวนี้แตกตื่นกว่าเดิม เพราะรู้แล้วว่าประเทศโดนโจมตี
สักพักก็มีข่าวว่ามีกลุ่มควันที่ตึกแพนตากอน

หากจำไม่ผิด วันนั้นตลาดหุ้นเมกาสั่งปิด
ผมคิดดูแล้ว น่าจะเป็นเรื่องชั่วคราว
พอตลาดไทยเปิด หุ้นตกมาก ผมสั่งซื้อ rcl ราคาประมาณ 3.2 บาท จำได้เลยว่ามาร์ถามย้ำ ว่าแน่ใจหรือที่จะซื้อ มีแต่คนเค้าสั่งขาย
ก่อนหน้านั้นราคา rcl ประมาณ 3.6-3.8 บาท. แต่ผมมองโลกในแง่ดีคนเดียว เพราะตลาดกลับตกไปอีก 2 วัน rcl ราคาตกไปต่ำสุดประมาณ 2.5-2.8 บ.
แม้ตลาดจะกลับมาไม่นานนัก แต่ก็ได้บทเรียนหลายข้อ

- มองหาประโยชน์จากการมองสั้นๆ ของนักลงทุนคนอื่นๆ หากแน่ใจว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องชั่วคราว อย่าขาตาย

- แต่สำหรับตลาดไทย ต้องเผื่อเอาไว้มากๆ เพราะตลาดเคลื่อนไปตามฝูงชน รอให้เข็มตกถึงพื้นก่อนก็ยังไม่สาย

- หากลงทุนระยะยาว ต้องพร้อมเสมอสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพราะในระยะยาวจะมีความเสี่ยงสูง (เหมือนตราสารระยะยาว จะให้ yield สูงกว่าระยะสั้น รวมถึงความสูงก็สูงด้วย -yield สะท้อนความเสี่ยง)