Thai VI

... ตามความเข้าใจของผม ...
... ผู้ที่ออมเงินโดยเลือกลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว ...
... นอกจากจะยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่งแล้วเนี่ย ...
... ก็น่าจะเป็นผู้ที่ไม่รีบร้อน ให้เงินลงไปนอนนิ่งๆยาวๆ ...
... แล้วกินเงินปันผลทบกับเงินต้นเอา ...
...
... แต่ไม่เข้าใจครับ ว่าถ้าเป็นแบบไม่มีเงินปันผลเนี่ย ...
... จะทำกำไรได้จากไหน ...
... จากส่วนต่างราคาหน่วยลงทุนอย่างเดียวเหรอครับ ? ...
...
... หรือผมเข้าใจอะไรผิดไป รบกวนพี่ๆชี้ทางสว่างให้หน่อยครับ  :P ...



... อีกนิดครับ คือผมเพิ่งเริ่มลงทุน ...
... และไม่มีเวลาตามหุ้นมากนัก และมี plan จะไปเรียนต่อสักปีสองปีด้วย ...
... ก็เลยคิดว่าจะแบ่งเงินเก็บเย็นๆที่มี เป็นสองกอง ...
... ไปหย่อนไว้ในกองทุนหุ้นทุนระยะยาว ...
... กับกองทุนตราสารหนี้อย่างละครึ่ง ...
... พี่ๆว่าเข้าท่าหรือไม่ครับ รบกวนชี้แนะ เสนอแนะแนวทางให้ผมหน่อยนะครับ ...
... ขอบคุณครับ ...

ส่วนต่างราคาเมื่อขายครับ

เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินสัก 20 ปี
ซื้อเรื่อยๆ ซื้ออย่างเดียว

เมื่อเกษียณ ก็สามารถขายหน่วยลงทุนสักกึ่งหนึ่ง
เอามาฝากประจำสามเดือนหรือฝากออมทรัพย์ธรรมดา
ใช้เป็นค่าใช้จ่าย

เมื่อกองทุนมีกำไร และไม่ปันผล NAV ก็จะสูงขึ้นครับ
และกองทุนก็ซื้อขายตามราคาของ NAV

หากยังอายุไม่มาก น่าสนใจลงทุนในกองทุนหุ้นครับ
เน้นว่าเป็นกองทุนหุ้นระยะยาว เพราะจะผันผวนน้อยกว่ากองทุนหุ้นทั่วไป
ถ้าเป็นกองทุนตราสารหนี้ อย่างมากก็ได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากนิดหน่อย ไม่ทำให้พอร์ตเราเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

เรื่องเงินปันผลของกองทุนรวมเนี่ยเป็นเรื่องที่ตลกมาก

กองทุนรวมได้เปรียบคนเล่นหุ้นตรงที่เงินปันผลที่กองทุนรวมได้รับจากบมจ. จะได้รับการยกเว้นภาษี

แต่ถ้ากองทุนรวมจ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วย ผู้ถือหน่วยจะต้องเสียภาษี

ดังนั้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดของกองทุนรวมคือ "ไม่จ่ายเงินปันผล" ถ้าผู้ถือหน่วยต้องการเงินปันผล ก็ให้ขายคืนหน่วยลงทุนบางส่วนออกมาเอง

แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจจุดนี้ จึงมองว่ากองทุนรวมที่ปันผลดีกว่าไม่ปันผล ทำให้บลจ.ต้องออกกองทุนรวมที่จ่ายเงินปันผลออกมาเพื่อดึงดูดใจลูกค้าทั้งๆ ที่ลูกค้าเสียประโยชน์

ตอนหลังกองทุนรวมปิ๊งไอเดียใหม่ ออกกองทุนแบบ auto redemption ขึ้นมา คือเมื่อ NAV สูงถึงระดับหนึ่งจะขายคืนหน่วยบางส่วนให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ถือหน่วยได้ความรู้สึกเหมือนกับการได้รับเงินปันผลเช่นเคย แต่คราวนี้ไม่ต้องเสียภาษี

... คุณ CK ขอบคุณมากครับ ...
... ตั้งใจจะเน้นถือยาวๆอยู่แล้วครับ ...
... เดี๋ยวจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกทีครับ ขอบคุณมากๆ ...


... ขอบคุณครับ คุณลูกอิสาน ...
... ผมวางแผนว่าจะฝากแบงค์แค่พอใช้พอน่ะครับ ...
... ก็เลยจะเอาส่วนหนึ่งลงในกองทุนตราสารหนี้ที่ความเสี่ยงน้อยๆไว้ด้วยน่ะครับ ...
... เพราะคิดว่า ยังดีกว่าฝากแบงค์น่ะครับ ...


... ขอบคุณ คุณสุมาอี้ มากครับ กระจ่างเลยครับ ...
... เรื่องภาษีนี่ไม่ได้คิดมาก่อนเลยครับ ถ้าแบบนี้แบบไม่ปันผลดีกว่าจริงๆด้วย ...
... ส่วนกองทุนแบบ auto redemption นี่ผมเคยได้ยินครับ ...
... น่าสนใจมากๆเลย สงสัยต้องไปหาข้อมูลเพิ่มซะแล้ว ...


...
... ขอบคุณพี่ๆมากเลยครับ ...
... ถ้ามีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมอีก ก็ยินดีนะครับ ...
...  :D ...
...

^
^
... แก้ไขนิดนึงครับ พิมพ์ตกไป ...
... กองทุนแบบ auto redemption ผมเพิ่งเคยได้ยินเนี่ยครับ ...

เลือกกอง LTF หรือ RMF ที่เป็นหุ้น สิครับ

ส่วนบริษัทกองทุนรวมมีเยอะแยะ ลองดูครับ ดูผลการดำเนินงานระยะยาวนะครับ เน้นสม่ำเสมอ เพราะเราลงทุนนาน

ผมก็เป็น fund lover เหมมือนกันครับ เริ่มลงทุนมาแล้ว 1-2 ปี เรียกว่าไม่ผิดหวังเลย เดี๋ยวนี้กองทุนต่างๆ แข่งกันออกกองทุนมามากมาย มีหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองกับความต้องการ และความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ หากยังไม่มีเวลาลงทุนเองสมควรมากครับที่จะลงทุนในกองทุนรวม ส่วนจะเลือกกองทุน ตราสารหนี้ หรือกองทุนหุ้นนั้น แล้วแต่ความชอบครับ ผมว่าidea จะแบ่งเงินอย่างละครึ่งเข้าท่าดีนะครับ หากช่วงนี้เราไม่มีเวลาเฝ้า ถ้าจะซื้อที่ risk free เลยก็น่าจะลองกองทุนพันธบัตรระยะสั้นครับ ปัจจุบัน มีตั้งแต่ 3,6,12 เดือน ได้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝากประจำแน่นอน ส่วน LTF ผมก็ประทับใจเหมือนกันครับจากการลงทุนมา 2ปีนี้ ผมซื้อของ SCBAM ซึ่งไม่ปันผล และของ TMBAM ซึ่งปันผล ผมลองเปรียบเทียบดู ของ TMBAM  performace ดีกว่าครับ NAV ก็ขึ้นเร็วกว่า ทั้งที่มีการปันผลด้วย ความผันผวนของ LTF ก็ไม่มาก(ส่วนใหญ่จะเกาะดัชนี)  นอกจากนี้ยังมีแต้มต่อที่ได้ลดภาษีนะครับ แต่แนะนำว่าอย่าซื้อเกินวงเงินที่เป็นสิทธิ์การหักภาษีนะครับเพราะจะไม่คุ้ม เราอาแบ่งเงินซื้อกองทุน SET50 ก็ได้ครับ เพราะค่าทำเนียมบริหารกองทุนมักจะต่ำและเราสามารถไถ่ถอนหน่วยลงทุนออกมาเมื่อไหร่ก็ได้ ขอให้โชกดีครับ

... ขอบคุณครับคุณ CopyWriter ...
... ผมมอง LTF ไว้ครับ เพราะ RMF ที่บริษัททำให้พนักงานอยู่แล้วครับผม ...


... คุณ drchatri ขอบคุณคุณหมอมากครับ ...
... LTF นี่ ผมมองของไทยพาณิชย์ไว้เป็น choice หนึ่งเหมือนกันครับ ...
... ส่วนพันธบัตรระยะสั้น ฟังคุณหมอแล้ว ผมชักสนใจขึ้นมาแล้วสิ ...
... เดี๋ยวไปลองหาข้อมูลเพิ่มดูก่อนครับ เพราะผมค่อนข้างใหม่จริงๆ ...


... ขอบคุณทุกท่านมากๆเลยนะครับ ...
... ได้ความรู้ และ แรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ ...

ผมว่าผลตอบแทนจาก scbam ไม่ดีนัก เท่าที่ติดตามมา1ปี
ไม่ได้บอกว่าบริหารไม่ดีนะครับ

คือกองทุนเนี่ยมันต้องดูยาวๆอยู่แล้ว

เพราะหุ้นบางตัวมันอาจไม่ใช่เวลาของมันก็ได้


คงมาจากการเลือกหุ้นและการลงน้ำหนัก
คือมักแพ้ตลาดเวลาตลาดบวกมากๆ แต่จะชนะตลาดเวลาลบแบบเล็กๆ

ผมมีของ scbam อยู่ 5 กอง

ltf      2
rmf     1
open fund 2
ตอนนี้ขายเกือบหมดแล้วเตรียมย้าย บลจ

สรุป คือผมชอบ บลจ อื่นมากกว่าอย่าง tmbam ซึ่งเน้นหุ้นใหญ่จะไปได้ดีกว่าเวลาที่ฝรั่งบุก

ส่วนที่ผลตอบแทน fantastic เสมอมาหลายปีแล้ว คือ aberdeen

ปีที่แล้วผลตอบแทน 30+%
ผู้จัดการกองทุนบอกว่าปีแล้วเน้นกลุ่มค้าปลีกมากเป็นพิเศษ
ผลตอบแทนเลยดีกว่า set มาก

เห็นด้ววยกับน้อง Chansaiw มากครับผมเคยคิดจะซื้อ ของกสิกร ด้วยเพราะเห็นขายดี มีรุ่นพี่ซื้อด้วยแต่ตอนหลังก็มารู้ว่าได้สุดยอดขายกองทุนเก่งแต่ performan ไม่ดี ผมอยากซื้อของ อเบอร์ดีนด้วยแต่ติดตรง ไม่มีตัวแทนขายใน จังหวัดผมครับ (กองนี้ปีที่แล้ว ได้อันดับ 1LTF) ตอนนี้เลยใช้ของ TMBAM ครับ อยู่อันดับแถวๆ ที่ 4-6 แต่ผมก็พอใจครับ บริการดีมาก มีกองทุนให้เล่นหลากหลายครับ  ก็เป็นแค่ข้อมูลนะครับ คงต้องลองศึกษารายละเอียดครับ เราต้องลองเข้าไปในเวป ของแต่ละกองทุนแล้วเข้าไปดูรายละเอียดต่างๆโดยเฉพาะแนวทางการคัดเลือกหุ้น และ portforlio ของกองทุน ว่าเราชอบหรือไม่ และกองทุนที่ปีก่อนดี ปีต่อไปก็ไม่จำเป็นว่าจะดีเหมือนเดิมต้องคอยติดตามบ้างครับ อย่างน้อยก็ ทุก 1-2 สัปดาห์ ขอให้โชคดีครับ
 สำหรับน้อง Chansaiw ขอบคุณมากครับที่เข้ามาช่วยออกความเห็น การแชร์ประสบการณ์กันจะช่วยให้เรามีความรู้กว้างขึ้น(ตอนนี้พยายามทำตัวเป็นแก้วน้ำที่ไม่เต็มพร้อมจะดูดความรู้จากทุกท่าน  :twisted: )
 ปล.น้อง Chansaiw ครับ ขอรบกวนถามว่า อ่านว่าอย่างไรครับตกภาษาอังกฤษหน่ะครับแฮ่ :lol:

555พี่หมอชาตรีครับ

เป็นชื่อผสมนามสกุลได้มาตอน ccme ให้มาครับพี่

เลยใช้มาตลอดเพราะคนฟังแล้วงงว่าอ่านอะไร

พี่ชาตรีเราน่าจะหาโอกาสคุย mกันบ้างนะครับ