ผ่าชำแหละแนวการลงทุนของ"ทุนสิงคโปร์"แบบ reverse-en
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 25, 2006 11:30 am
จากบทความ 'ทุนสิงคโปร์'ฮุบธุรกิจไทย ลงในหน้า A2 ของ BizWeek ฉบับ 20-26 ม.ค. 49 หากพวกเราชาว VI มาช่วยกันผ่าชำแหละแนวการลงทุนของกองทุนสิงคโปร์และช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์ออกความเห็นกัน ผมว่าพวกเราคงได้ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์กันไม่มากก็น้อยครับ
เราลองมาวิเคราะห์วิธีการลงทุนว่าเขาใช้แนวไหน ผมว่ากองทุนนี้เขาใช้วิธี ของ Value Iืnvesting ชัดๆเลย หรืออีกนัยคือยึดหลักแนวคิดของเหล่า Value Investors ระดับแนวหน้าของโลกทั้งหลาย ได้แก่ Ben Graham, Warren Buffett, Philip Fisher, Bill Miller ฯลฯ เป็นต้น
เหตุผล: หลักของเขา คือ ลงทุนระยะยาวในบริษัทที่มีคุณภาพเพียงไม่กี่บริษัท ในที่นี้จะเห็นว่าเขาลงทุนในหุ้น ADAVANCE, LH, PTT และ KBANK 85,670.8 ล้านบาท จากยอดเงินทุนทั้งหมด 108,476.62 ล้านบาท (79% โดยประมาณ - หมายเหตุ เป็น % by market value , VI ท่านใดมีข้อมูล 5 ปีก่อนช่วยคิดเป็น % by cost ด้วยจะดีมากเลย เพราะผมไม่มีข้อมูลและเป็นมือใหม่มากๆในตลาดหุ้น) เท่ากับว่าเป็น Concentraed Portfolio ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นอื่นๆอีก 23 ตัวอย่างละเล็กอย่างละน้อย (เพื่อเอาไว้ศึกษาติดตาม ?)
ข้อสังเกตจังหวะที่เข้ามา: เขาเข้ามาในจังหวะที่ Mr Market อยู่ในอารมณ์เศร้าสร้อย หวาดกลัว เมื่อ 5 ปีก่อน จึงทำให้ได้ของดีราคาถูก จากนั้นเก็บถือยาวมาจนปัจจุบัน
ผลลัพธ์: ได้ทั้ง capital gain และ dividend ในจำนวนเยอะมาก สามารถเอามาซื้อกิจการ Shin ที่เป็น Holding ได้เกือบทั้งหมด -- ได้ของฟรี -- เพราะเอาอัฐยายซื้อขนมยาย
หากนำไปพิจารณาประกอบกับคำบรรยายของ ท่าน Buffett แก่นักศึกษา mba ของมหาวิทยาลัยฟลอริดา มันก็ตรงกับที่ท่านพูดจริงๆ
" But time is the friend of the wonderful business; it is the enenmy of the lousy business. If you are in a lousy business for a long time, you will get a lousy result even if you buy it cheap. If you are in a wonderful business for a long time, even if you pay a little bit too much going in you will get a wonder ful result if you stay in a long time."
ข้อสำคัญ: เราต้องเรียนรู้ศึกษาเพื่อวิเคราะห์ให้รู้ว่าบริษัทใดเป็น Wonderful Business ซึ่งก็ไม่น่าจะง่ายและไม่น่าจะยาก :lol:
เราลองมาวิเคราะห์วิธีการลงทุนว่าเขาใช้แนวไหน ผมว่ากองทุนนี้เขาใช้วิธี ของ Value Iืnvesting ชัดๆเลย หรืออีกนัยคือยึดหลักแนวคิดของเหล่า Value Investors ระดับแนวหน้าของโลกทั้งหลาย ได้แก่ Ben Graham, Warren Buffett, Philip Fisher, Bill Miller ฯลฯ เป็นต้น
เหตุผล: หลักของเขา คือ ลงทุนระยะยาวในบริษัทที่มีคุณภาพเพียงไม่กี่บริษัท ในที่นี้จะเห็นว่าเขาลงทุนในหุ้น ADAVANCE, LH, PTT และ KBANK 85,670.8 ล้านบาท จากยอดเงินทุนทั้งหมด 108,476.62 ล้านบาท (79% โดยประมาณ - หมายเหตุ เป็น % by market value , VI ท่านใดมีข้อมูล 5 ปีก่อนช่วยคิดเป็น % by cost ด้วยจะดีมากเลย เพราะผมไม่มีข้อมูลและเป็นมือใหม่มากๆในตลาดหุ้น) เท่ากับว่าเป็น Concentraed Portfolio ส่วนที่เหลือลงทุนในหุ้นอื่นๆอีก 23 ตัวอย่างละเล็กอย่างละน้อย (เพื่อเอาไว้ศึกษาติดตาม ?)
ข้อสังเกตจังหวะที่เข้ามา: เขาเข้ามาในจังหวะที่ Mr Market อยู่ในอารมณ์เศร้าสร้อย หวาดกลัว เมื่อ 5 ปีก่อน จึงทำให้ได้ของดีราคาถูก จากนั้นเก็บถือยาวมาจนปัจจุบัน
ผลลัพธ์: ได้ทั้ง capital gain และ dividend ในจำนวนเยอะมาก สามารถเอามาซื้อกิจการ Shin ที่เป็น Holding ได้เกือบทั้งหมด -- ได้ของฟรี -- เพราะเอาอัฐยายซื้อขนมยาย
หากนำไปพิจารณาประกอบกับคำบรรยายของ ท่าน Buffett แก่นักศึกษา mba ของมหาวิทยาลัยฟลอริดา มันก็ตรงกับที่ท่านพูดจริงๆ
" But time is the friend of the wonderful business; it is the enenmy of the lousy business. If you are in a lousy business for a long time, you will get a lousy result even if you buy it cheap. If you are in a wonderful business for a long time, even if you pay a little bit too much going in you will get a wonder ful result if you stay in a long time."
ข้อสำคัญ: เราต้องเรียนรู้ศึกษาเพื่อวิเคราะห์ให้รู้ว่าบริษัทใดเป็น Wonderful Business ซึ่งก็ไม่น่าจะง่ายและไม่น่าจะยาก :lol: