Thai VI

ผมก็พอมีความรู้งูๆปลาๆเรื่องเรือบ้าง
ผมเข้าใจว่า จริงๆแล้วBDI เนี่ยมันกระทบพวกTTA PSLไม่ใช่หรือ
ธุรกิจของRCL น่าจะจัดแยกออกจากเรือเทกอง
ผมรอวันนี้มานานแล้ว วันที่จะได้เห็นราคาRCLใกล้ๆBook Value
ผมคงเล่นทางซื้ออย่างเดียวครับ เฉพาะRCLเท่านั้น

 :?:  :?:

ดูเหมือน BDI จะกระทบ RCL ตรงๆ มากกว่านะครับ

เห็นราคารูดลง น่าสน

แต่ตกอีกเหอะ ลบไปอีกซัก 3 บาท

การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลก่อนลงทุนนะครับ

หากสนใจ rcl ลองไปที่ alphaliner ดูนะครับ
มีข้อมูลแทบทุกอย่างของเรือตู้ที่ต้องการ

1. เรือต่อใหม่/เรือเก่า แยกตาม cap
2.ท็อบ 25 liner ท็อบ 100 liner บอกทั้งจำนวนเรือ capacity แยกเรือของตัวเอง เรือเช่า
3.ข่าวสารเรือ liner (เรือตู้) ค่าเช่าเรือ  การสั่งเรือใหม่ การรับมอบเรือใหม่
4.บทความเรือตู้

พี่ครับ

ขอให้ใจเย็นๆหน่อยดีกว่าครับ
เห็นเพื่อนๆผมบอกว่าพีคซีซั่นที่ผ่านมาเรือยังไม่ค่อยเต็มเลยครับพี่

บางสายเรือดูท่าจะเล่นเกมส์รับเต็มที่เผื่อเหตุการณ์คับขันจริงๆจะได้มี fixed cost ต่ำ ผมว่าเค้าน่าจะมองลงมากกว่ามองขึ้นนะครับ

ตอนปี 2003 RCL ราคาก็ต่ำกว่า book value นะครับ ผมจำได้

21 บาทแล้วคับ  :D

เอ ไม่รู้คิดอย่างนี้ถูกรึเปล่านะครับ โดยส่วนตัวเห็นรายคนแยก เรือเทกอง เทตู้ หรือ เททิ้งทั้งลำ อะไรทำนองเนี่ยอะ แล้วก็บอกว่าตัวนี้กระทบ ตัวนี้ไม่กระทบ    

ผมว่าเรื่องของการแข่งขันในโลกเสรีเป็นประเด็นหลักมากกว่า สมมติ ถ้าเรือลำนี้ใช้ค่า BDI คำนวนค่าระวางแล้ว รายได้ลดลงก็จริง แต่คนก็หันมาใช้เรือลำนี้มากขึ้นด้วย ตาม demand supply เลยนะ ส่วนเรือลำไหนไม่ลดค่าระวางลง ก็คงไม่ได้เพราะยังไงก็ต้องรักษาฐานลูกค้าไว้บ้าง ท้ายสุดก็ต้องลดราคาค่าระวางลงมาใกล้เคียงกันอยู่ดี  

สรุป ไม่ว่าเรือเทกอง เททิ้ง เทคว่ำ ยังไงก็ต้องอิงกับ BDI อยู่ดีนะครับผมว่า

เออคือถ้าความเห็นนี้ทำให้ใครไม่สบายใจหรือไม่เห็นด้วยต้องขอโทษนะครับ ส่วนตัวความรู้น้อยก็วิเคราะห์แบบงู ๆ ปลา ๆ ไม่ค่อยรู้จริงเท่าไหร่ครับ

ขอบคุณมากครับ

[quote="น้ำครึ่งแก้ว"]เอ ไม่รู้คิดอย่างนี้ถูกรึเปล่านะครับ โดยส่วนตัวเห็นรายคนแยก เรือเทกอง เทตู้ หรือ เททิ้งทั้งลำ อะไรทำนองเนี่ยอะ แล้วก็บอกว่าตัวนี้กระทบ ตัวนี้ไม่กระทบ

What are the Baltic indices?
The Baltic indices are an assessment of the price of moving the major raw materials by sea. The indices are based on assessments of the cost of transporting various bulk cargoes, both wet (eg crude oil and oil products) and dry (eg coal and iron ore), made by leading shipbroking houses located around the world on a per tonne and daily hire basis. The information is collated and published by the Baltic Exchange. The Baltic is the only source of independent and quality freight market data and information. The principal indices are: the Baltic Exchange Capesize Index (BCI); Baltic Exchange Panamax Index (BPI); and the Baltic Exchange Supramax Index (BSI).They are combined in the Baltic Exchange Dry Index (BDI). The Baltic Exchange International Tanker Routes (BITR) reports on 19 international oil routes and makes up the Baltic Exchange Dirty Tanker Index (BDTI) and the Baltic Exchange Clean Tanker Index (BCTI). The Exchange also publishes a daily fixture list, an LPG route assessment, the Baltic Exchange Sale & Purchase Assessment (BSPA), forward curves (Baltic Exchange Forward Assessment) and Forward Freight Agreement (FFA) settlement prices.

เห็นน้องเริ่มมืออยู่ไม่สุขบ้างแล้วค่ะ
บอกว่าจาก 39 เหลือราคานี้ก็
ลงมาจะประมาณ 50%
ลุ้นดับ หรือ ลุ้นเด้ง เดี๋ยวดูกัน

เมื่อเช้าฟังผู้บริหาร TTA บอกว่าปี 48 เป็นปีที่มีรายได้มากที่สุด
และเริ่มแบ่งเงินไปลงทุนใน บ.MERMAID ซึ่งลงทุนในเรือขุดเจาะน้ำมัน....น่าจะเป็นการลดความเสี่ยงจากการบริหาร
......ลุ้นด้วยคน..เผื่อปันผล .....

ขอบคุณครับ คุณ Blue blood  กับ คุณ Nan chan
แต่ก่อนเข้าใจไม่กระจ่างเรื่องเรือ เท่าไหร่ครับ แต่ได้ผู้รู้
ช่วยเติมความรู้ให้กระจ่างขึ้น ขอบคุณมากครับ

น้ำในแก้วเพิ่มขึ้นมาหน่อยแล้วครับ

(แต่อาจมีบางอย่างเช่น ข้าว เคยได้ยินว่าทำได้ แต่ก็ไม่น่ามีจำนวนมากนะครับ)

ข้าวส่วนใหญ่ที่ไปเรือตู้จะเป็นข้าวแพ็คถุงครับมีเยอะเหมือนกันครับ

ส่วนเรือต้องแยกให้ดีครับ

สำหรับเรือตู้ ช่วงนี้ผมอยากให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ก่อนครับให้มันเย็นกว่านี้ค่อยสนใจดีกว่าครับ

ผมมีมุมมองเรื่องธุรกิจเรืออย่างนี้ครับ

1. เป็นธุรกิจที่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่มมากตลอดเวลา เนื่องจากมีเรือลำใหญ่ ๆ ที่ประหยัดต่อขนาดเพิ่มตลอดเวลา ซึ่งจำเป็นเพราะเป็นจุดแข็งของการเดินทาง mode นี้

2. ธุรกิจเรือก็เป็นธุรกิจที่ราคาค่าขนส่งมีแต่จะลดลงเรื่อย ๆ เหมือนสายการบิน ผมมองดูแล้ว ในความเห็นส่วนตัวในระยะยาวจะมีแต่สายเรือใหญ่ ๆ ที่อยู่รอด และอาจจำเป็นต้องมีการผูกขาดโดยกลาย ๆ พร้อม ๆ กับท่าเรือ

3. สำหรับสายเรือเล็ก ๆ เดินทางภายในทวีป (เช่นบริษัทในไทย) ผมว่าลำบากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะในอนาคตอาจถูก mode อื่น ๆ แย่งไป เช่นทางรถและทางเรือ ตัวอย่างที่เด่นชัดมากคือโครงข่ายถนนในอินโดจีน พาดไปถึงจีน ใกล้จะเสร็จในไม่ช้า ผมดูระบบ logistic ของเอเชียในอนาคตแล้วรถยนต์และรถไฟมาแรงมาก และรถไฟก็กำลังมาจับเข่าคุยกันเรื่องมาตรฐานราง ฯลฯ ปัจจุบันหลายบริษัทเริ่มเล็งจะเปลี่ยน mode การขนส่งแล้วครับ เพราะถูกกว่า

ผมไม่ค่อยเห็นอนาคตที่สดใสของบริษัทเรือเล็ก ๆครับ ถ้ามีผู้ไม่เห็นด้วย ต้องขอโทษด้วยครับ

ผมดูระบบ logistic ของเอเชียในอนาคตแล้วรถยนต์และรถไฟมาแรงม

เห็นด้วยครับแต่ ถ้ารถไฟใช้ได้จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากครับ แต่รถยนต์มีต้นทุนสูงกว่ามากครับ ที่ผมเห็นว่าน่าจะไปได้ดีคือ Barge ครับในอินโจนและจีนตอนใต้ ผมเคยเอาเรื่องนี้ไป present ครั้งนึงที่บริษัทเก่าผม (บริษัทเรือคอนเทนเนอร์ลูกครึ่งอมเริกัน เทมาเซค) ไม่รู้ว่าต่อมาเค้าสนใจแค่ไหนครับ

ในอเมริกา การขนส่งผ่านรถไฟ (ดับเบิลสแตค) ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากเลยครับ และประหยัดเวลากว่าเรือนิดหน่อยครับ

ถ้าดูเป็นภูมิภาคนี้ เราอาจจะทำได้เหมือนกันครับแต่เป็นอนาคตที่ไกลมากเนื่องจากไม่ได้เป็นประเทศเดียวกันอย่างอเมริกา

บริษัทเรือเล็กๆอย่าง RCL อาจจะอยู่รอดด้วยความ nimble ครับ call ใน port ที่เป็น niche จริงๆแต่การผูกขาดเป็นไปได้ยากมากครับ เพราะ ทั้ง port และ เรือ ก็ต้องการ economies of scale เหมือนกัน คงจะหา case แบบ IRSL ของอิหร่านยากครับ

MERMAID น่าจะเป็นเรือทำงานกับท่อแก๊สใต้น้ำ หรือ ทำอะไรซักอย่างที่ไม่ใช่ขนส่งล่ะครับ

ส่วนเจ้า Barge เป็นแพขนาดใหญ่น่าจะเอาไว้บรรทุกสิ่งของหรือสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นแท่นเจาะน้ำมัน ไม่น่าจะเหมือนกับเรือบรรทุกทราย ที่เห็นในแม่น้ำเจ้าพระยานะครับ

เรือขนาดเล็กที่ขนคอนเทนเนอร์ได้ 1-2ตู้ก็เรียก Barge เหมือนกันครับ