หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 23, 2006 11:52 am
โดย hongvalue
อเมริกามีหนี้เยอะถ้าประธาน fed คนใหม่ตัดสินใจพิมพ์เงินแล้วจะทำให้หนี้ต่างประเทศลดเหรอครับ และจะทำให้ bond มี value ลดลงด้วยเหรอครับ ท่านแม่ทัพพอจะเข้าใจไหมครับว่าเพราะอะไร
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 23, 2006 1:05 pm
โดย สุมาอี้
ทุกวันนี้สหรัฐฯ พิมพ์ธนบัตรโดยไม่มี asset-backed อยู่แล้ว เขาใช้คำว่า "backed by the full faith of the U.S. Government" :D
การพิมพ์แบงก์ออกมามากๆ จะทำให้เงินเฟ้อครับ เวลาเงินเฟ้อหนี้จะมีมูลค่าลดลง in real terms ครับ ดังนั้นจึงเป็นวิธีการชักดาบอย่างหนึ่ง และเงินเฟ้อก็ทำให้ nominal interest rate เพิ่มด้วย ซึ่ง when interest rates go up, bond price goes down อยู่แล้วตามที่เราท่องจำกันมา :D
แต่สหรัฐฯ จะทำอย่างนั้นก็ต่อเมื่อถึงจุดจบแล้วเท่านั้น เพราะการที่วินัยทางการเงินดีทำให้เจ้าหนี้อุ่นใจ ที่ผ่านมาสหรัฐฯ จึงพยายามให้สัญญาใจว่าเงินเฟ้อสกุลดอลล่าร์จะต่ำ เพื่อให้ชาวต่างชาติยอมเก็บ wealth ของพวกเขาเอาไว้ในรูปของเงินดอลล่าร์ครับ
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 23, 2006 1:27 pm
โดย ขงเบ้ง
เงินเฟ้อตํามาก ระวัง debt deflationนะครับ :lol: :lovl: :lovl:
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 24, 2006 8:35 am
โดย hongvalue
ทำไมพิมพ์เงินเพิ่มแล้วเงินถึงเฟ้อล่ะครับ ขอเหตุผลขยายความหน่อยครับ และถ้าราคา bond ลงแต่ไม่ขายยังไงก็ยังได้ yield อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 24, 2006 8:44 am
โดย CK
hongvalue เขียน:ทำไมพิมพ์เงินเพิ่มแล้วเงินถึงเฟ้อล่ะครับ ขอเหตุผลขยายความหน่อยครับ และถ้าราคา bond ลงแต่ไม่ขายยังไงก็ยังได้ yield อยู่ดีไม่ใช่เหรอครับ
:lol:
Everything is relative ครับ
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 24, 2006 10:07 am
โดย สุมาอี้
ปริมาณเงินที่เปลี่ยนมือไปมาในระบบเศรษฐกิจในช่วงเวลาหนึ่งจะมีค่าเท่ากับมูลค่าของสินค้าและบริการที่ระบบเศรษฐกิจนั้นๆ ผลิตและจำหน่ายได้
Money x Velocity of Money = Price x Quantity produced
ใน short run, V เปลี่ยนไม่ได้ ส่วน Q ก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะความสามารถในการผลิตของประเทศมีขีดจำกัด ถ้าต้องการเพิ่มจะต้องลงทุนเพื่อขยายอัตราการผลิตก่อน ซึ่งต้องอาศัยเวลา
ดังนั้นอยู่ดีๆ ถ้า M เพิ่มขึ้น ตัวเดียวที่จะเพิ่มได้เพื่อให้สมการสมดุลย์ก็คือ P เงินก็เลยเฟ้อ เพราะของมีราคาเพิ่มขึ้นครับ
ค่าที่แท้จริงของเงินจึงขึ้นอยู่กับจำนวนสินค้าที่มีอยู่ในขณะนั้น ถ้าเงินมีมากกว่าของค่าที่แท้จริงของเงินย่อมลดลง ค่าที่แท้จริงของเงินจึงเป็นปริมาณเปรียบเทียบอย่างที่คุณ CK บอก :D
ส่วนเรื่อง bond นั้น สมมติว่าวันนี้คุณซื้อพันธบัตรอายุ 5 ปีมา yield 4.5% อีก 2 เดือนต่อมา รัฐบาลเกิดออกพันธบัตรใหม่อายุ 5 ปีเหมือนเดิมแต่ให้ yield 6% คุณจะขาดทุนทันที่ แต่เป็นการขาดทุนกำไร เพราะเงินของคุณถูก lock ไว้ที่ผลตอบแทนแค่ 4% เอาออกมาไม่ได้ จึงเอาไปซื้อพันธบัตรตัวใหม่มิได้
ถ้าคุณคิดจะขายพันธบัตรตัวเก่าในตลาดเพื่อหนีเคราะห์อันนี้ ก็จะพบว่าไม่สำเร็จ เพราะคนในตลาดก็ไม่โง่ เขาจะรับซื้อพันธบัตรของคุณในราคา discount เพื่อให้คิดแล้วได้ผลตอบแทนเท่าๆ กับพันธบัตรที่ออกใหม่คือ 6% นั้นเป็นเหตุผลที่ทำไม bond price จึงตกลง ทั้งที่ดอกเบี้ยที่คุณจะได้รับในอนาคตยังเท่าเดิมมิเปลี่ยนแปลง :D
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 24, 2006 10:28 am
โดย CK
อธิบายได้กระจ่างมากครับ ท่านแม่ทัพ
ถ้าเทียบกับหลักเทอร์โมไดนามิกส์
เงิน (wealth) ก็เหมือนกับพลังงาน
คือไม่มีการสูญหาย แค่เปลี่ยนรูปหรือเปลี่ยนมือ
แต่ที่แตกต่างคือ
เงินจะไหลจากที่ที่ผลตอบแทนต่ำ
ไปหาที่ที่ผลตอบแทนสูงกว่าเสมอ
เงินในระบบทุนนิยมไม่ใช่น้ำในบ่อ
เป็นลำธารที่เชื่อมถึงกันหมด
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 24, 2006 10:33 am
โดย ขงเบ้ง
อย่างนี้ถ้าเราดึงเงินไปลงทุนเพิ่มอัตราการผลิตก็ลดเงินเฟ้อได้สิครับ
เอะ แล้วอย่างนี้เงินเพิ่มมาในระบบ 7 หมื่นกว่าล้านก็ต้องจับตาดูสิครับว่าเขาเอาไปทำอะไร ถ้าเอาไปเพิ่มกำลังการผลิตก็ดีสิครับ แต่ถ้าไม่ เงินจะเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกรึเปล่าครับ

ถ้าเอาไปเพิ่มอีกก็โดนผลประโยชน์ทับซ้อนอีก อูย งงงงง :oops:
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 24, 2006 10:40 am
โดย ขงเบ้ง
ผมว่าถ้าต่อจิกซอ ผมว่าไหลไปEgatแน่เยย... :lol: :lol: :lol: เดาเอานะครับ
เป็นแค่ความคิดเห็นแลกเปลี่ยน ไม่เห็นด้วยก็ได้ครับ
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 24, 2006 10:42 am
โดย เล่าปี่2006
ท่านขงเบ้งกำลังเดาแผนการของโจโฉอยู่เหรอครับ :lol: :lol: :lol:
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 24, 2006 11:28 pm
โดย โอ@
เป็นผมผมเอาเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาล yield สัก 10% หรือไม่ก็หุ้นกู้ก็ได้ จะได้บริหารประเทศได้โดยไม่มีใครหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนอีก
เพราะว่าไปลงอะไรก็มีผลประโยชน์อยู่ดีแหละ
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 25, 2006 12:26 am
โดย hongvalue
ที่บอกว่า volociety of money คืออะไร ส่วน price หมายถึงราคาสินค้าใช่ไหมครับ ในที่นี้ท่านแม่ทัพกำลังจะบอกว่า ถ้าตอนแรกมีเงิน 100 สิ่งของทั้งหมดอีก 100 ถ้าเงินเพิ่มมาเป็น 120 สินต้าเท่าเดิมค่าก็เลยน้อยลงใช่ไหมครับผม
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 25, 2006 12:32 am
โดย อองตวน
แหะๆ ผมบงเอิญมองเหมือนคุณขงเบ้ง ใจตรงกัน
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 25, 2006 2:16 am
โดย Rocker
ที่ว่า Velocity of money หมายความว่าไงครับ
เพราะมีหลายความหมาย ครับ ผู้รู้โปรดชี้แจง
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 25, 2006 7:02 am
โดย อองตวน
V คงหมายถึงระยะเวลา/ความเร็วของการหมุนของ
เงินอ่ะครับ จากเงินตั้งต้นนำไปซื้อวัตถุดิบเพื่อผลิต
เป็นสินค้า รอจนกว่าจำหน่ายออกไป จนได้เงินกลับ
คืนมาให้เจ้าของเงิน
ส่วนในสมการ ก็คือว่ามี M ขึ้นจำนวณมาก ขณะที่ตัวแปร
อื่นไม่เปลี่ยนแปลง การที่สมการกลับสู่สมดุลย์อีกครั้ง
ก็คือ P ปรับเพิ่มขึ้น(เฟ้อ) เพราะมันเป็นตัวแปรที่เปลี่ยน
แปลงง่ายที่สุดครับ
ถ้า M ที่เข้ามาทำตัวให้เป็นประโยชน์ คือก่อให้เกิด
ประสิทธิภาพการผลิต ให้Qเพิ่มได้(จำนวน) ก็จะ
บรรเทาอัตราการเพิ่มของ P ครับ
ตกลงตามนี้ ถ้าผมเข้าใจผิดก็ช่วยแก้ด้วยฮะ
ท่านแม่ทัพสุมาอี้ถามหน่อยครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 25, 2006 9:47 am
โดย ztep

ลองไปอ่านประวัติศาสตร์ในอดีตที่ระบบ เบรนเต็น วู้ด ล่มในสมัย นิกสันดูสิครับจะเห็นภาพเรื่องนี้ได้ดี :lol: