หน้า 1 จากทั้งหมด 1
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 18, 2006 9:43 pm
โดย LOSO
'วอร์เรน บัฟเฟตต์' มหาเศรษฐีเบอร์ 2 ของโลกชี้การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยเสี่ยงทาง ศก.ที่น่ากลัวที่สุด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นาย วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลกชาวอเมริกันออกมาเตือนวานนี้ว่า การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกำลังเป็นปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่น่าหวั่นเกรงยิ่งกว่าการขาดดุลงบประมาณหรือภาระหนี้ของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังหวั่นเกรงว่า
ประเด็นนี้อาจนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง
'ขณะนี้ทั้งโลกเป็นหนี้เรา 3 ล้านล้านดอลลาร์ ในความเห็นของผม การขาดดุลการค้ามูลค่ามหาศาลของเราจะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งอาจได้เห็นในเร็วๆนี้ และผมคิดว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่' นาย บัฟเฟตต์กล่าววานนี้
ทั้งนี้ ในปี 2547 สหรัฐฯขาดดุลการค้าเป็นมูลค่าสูงถึง 665.9 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ในปี 2548 เขาคาดว่า สหรัฐฯจะขาดดุลการค้าเกิน 700 พันล้านดอลลาร์
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 18, 2006 9:47 pm
โดย LOSO
ความวุ่นวายทางการเมือง และ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ .............
ที่บัฟเฟตต์คิดว่าจะเกิดคืออะไรนะ .........
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 1:05 pm
โดย คัดท้าย
LOSO เขียน:ความวุ่นวายทางการเมือง และ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ .............
ที่บัฟเฟตต์คิดว่าจะเกิดคืออะไรนะ .........
ไหนว่าไม่สน ...
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 2:12 pm
โดย โป้ง
สงคราม
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 3:28 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
'ขณะนี้ทั้งโลกเป็นหนี้เรา 3 ล้านล้านดอลลาร์
เอ นึกว่า เมกาเป็นหนี้ทั้งโลก 3 ล้านล้านดอลล่าร์
เขียนผิดเป่านี่
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 3:33 pm
โดย b37skp
ตกใจหมดเลยครับ นึกว่าคุณลุงหมดลมซะแล้ว
..."บัฟเฟตต์ ซี้'...
:D :D
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 4:17 pm
โดย สุมาอี้
ตราบใดที่แสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐยังเป็นหนึ่งอยู่ และบริษัทในสหรัฐยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอยู่ สหรัฐก็ยังกู้เงินมาบริโภคต่อไปได้เรื่อยๆ ครับ
ตราบใดที่เจ้าหนี้ยังไม่เรียกหนี้คืน ลูกหนี้ก็ยังเดินลอยชายได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับภาพพจน์เป็นหลัก
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 4:30 pm
โดย bigbuck
ประกาศ เชิดหนี้ ไงครับ
ยกเลิกเงินสกุลดอลล่าร์ ประกาศสงครามกับทุกประเทศที่เป็นเจ้าหนี้
โดยเฉพาะอาหรับ แล้วสงครามโลกจะเกิดขึ้น
ก็จะได้ข้ออ้างในการระบายสต็อกหัวรบนิวเครียร์ ด้วยการยิงใส่คู่สงคราม
แล้วเมื่อนั้น ไอ้กันก็ชนะอยู่คนเดียว
เพ้อเจ้อไปเรื่อย
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 5:05 pm
โดย MO101
ตามความเข้าใจของผม
เมื่อลูกหนี้มีปืน แล้วเจ้าหนี้มี น้ำมัน + อาหาร
คิดว่าเจ้าหนี้คงทวงเงินลูกหนี้คนนี้ยากครับ
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 8:07 pm
โดย PaZZaHut
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 8:16 pm
โดย lieu
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 9:24 pm
โดย chatchai
ใครว่า Buffett ไม่สนใจ Macro
ใครว่า VI ไม่คอยสนใจ Macro
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 9:39 pm
โดย hot
http://www.kitco.com
ทองกลับมาขึ้นแล้วซิคับ
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 9:43 pm
โดย Boring Stock Lover
"สนใจ"?
แล้ว Buffet ขายทรัพย์สินที่อยู่ใน USA ออกหรือเปล่า หรือมีการทำการกระจายการลงทุนในสัดส่วนที่สำคัญ
หรือว่านี่เป็นโอกาสที่ดีในการซื้อหุ้น Coke สัดส่วนรายได้ Coke น่าจะอยู่ที่ 40 ในอเมริกา 60 ในส่วนที่เหลือของโลก ถ้าเกิดปัญหาเงินUSD อ่อนลง รายได้ Coke ก็มากขึ้นในรูป USD
หรือ...
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 19, 2006 9:49 pm
โดย ลูกอิสาน
ปกติหากเป็นนักลงทุน ก็ต้องติดตามข่าวสารเศรษกิจอยู่แล้ว
ไม่อยากรับรู้ ก็ต้องรับรู้ แต่คงไม่ต้องไปเสียเวลาวิเคราะห์ให้ปวดหัวครับ
ถ้าเป็นแค่ลมกรรโชกแรงๆ คงไม่ต้องสนใจ รอพายุใหญ่มา ค่อยว่ากัน
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 20, 2006 9:59 am
โดย PP
ตามที่ได้ลองพยายามอ่านหาความรู้ทำความเข้าใจแนวคิดของ Buffett ต่อ Macro-Economic(ความเห็นผม อาจไม่ถูกทั้งหมด :D ) ท่านไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องของ Macro โดยเฉพาะในแง่ของการพยากรณ์ว่าทิศทางจะไปทางโน้นทางนี้หรอก เพราะไม่เคยมีใครทายได้ถูกว่าจะเกิดขึ้นทางใด ณ เวลาใด และปัจจัยที่จะทำให้ทิศทางของเศรษฐกิจหันเหไปทางใดนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน จึงยากที่จะคาดเดาว่าบทสรุปจะออกมาได้แบบตรงเป๊ะ ณ เมื่อเวลาใดโดยเฉพาะได้ แม้จะมีนักคิดทางเศรษฐศาสตร์ได้เสนอโมเดลออกมาเพื่อทำนายทิศทางเศรษฐกิจจนได้รางวัลโนเบล แต่ไม่พบว่ามีผู้ใดใช้โมเดลนั้นพยายกรณ์ได้ถูกต้องแม้แต่หนเดียว เพราะโมเดลก็ต้องมีอาศัยข้อมูลซึ่งมีตัวผันแปรยั้วเยี้ยเยอะแยะไปหมดใส่เข้าไป ขาดตัวแปรไปตัวหนึ่งหรือข้อมูลตัวแปรผิดไปนิดหนึ่งย่อมทำให้ผลแตกต่างกับแบบขาวกับดำได้ จึงคล้ายกับโปรแกรมวิเคราะห์ด้วยคอมพิวเตอร์ หากใส่ข้อมูลดิบที่เป็นทอง ผลลัพธ์ก็เป็นทองแน่ๆ หากเป็นขยะผลลัพธ์ก็เป็นขยะที่ไร้ค่า
ฉะนั้นเมื่อไม่มีใครสามารถพยากรณ์ทิศทางเศรฐกิจได้แม่นยำได้ ท่านบัฟเฟตต์จึงไม่เสียเวลากับเรื่องของ Macro สู้เอาเวลาดังกล่าวไปค้นคว้าศึกษา economic ของบริษัทแต่ละบริษัทนั้นๆในทุกๆด้านที่ตนสนใจแทน และก็ปรากฏแนวคิดดังกล่าวมันได้ผลทางปฏิบัติทำให้พอร์ตโฟลิโอของ Berkshire Hathaway เติบโตมาในอัตราสูงผิดชาวบ้านจนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 20, 2006 10:30 pm
โดย tanasombat
ฉะนั้นเมื่อไม่มีใครสามารถพยากรณ์ทิศทางเศรฐกิจได้แม่นยำได้ ท่านบัฟเฟตต์จึงไม่เสียเวลากับเรื่องของ Macro 8) 8) 8) สู้เอาเวลาดังกล่าวไปค้นคว้าศึกษา economic ของบริษัทแต่ละบริษัทนั้นๆในทุกๆด้านที่ตนสนใจแทน :idea: :idea: :idea: และก็ปรากฏแนวคิดดังกล่าวมันได้ผลทางปฏิบัติทำให้พอร์ตโฟลิโอของ Berkshire Hathaway เติบโตมาในอัตราสูงผิดชาวบ้านจนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้
:idea: :idea: :idea: :idea: :idea: :idea: :idea:
บัฟเฟตต์ ชี้ !!!!
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 21, 2006 9:10 am
โดย Simply
ผมว่าบัฟเฟตต์ไม่ได้มีความพยายามจะทำนายเศรษฐกิจในส่วนมหภาค แต่การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาคย่อมกระทบธุรกิจโดยรวม ผมคิดว่าบัฟเฟตต์พยายามหาโอกาสในการซื้อของดีราคาถูกถ้าเกิดผลกระทบในแง่ลบแบบชั่วคราวต่อธุรกิจที่เขากำลังจ้องอยู่ และบัฟเฟตต์อาจคาดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจที่เขาเองกำลังถืออยู่ว่าจะเกิดความเสียหายเท่าไหร่ หรือต้องเตรียมแผนสำรองไว้ทำอะไรบ้าง...การพยายามทำนายเศรษฐกิจมหภาคก็เหมือนกับการพยากรณ์อากาศซึ่งอาศัยทั้งเครื่องมือและสถิติที่เกิดขึ้นมาแล้ว เหมือนกับการออกเรือเดินทะเล ถ้าเห็นว่าจะเกิดพายุ ก็ต้องเตรียมเรือเตรียมอุปกรณ์ หรือแม้แต่อาจต้องงดเดินทางเพื่อเลี่ยงความเสียหาย...เหมือนสุภาษิตจีนที่ว่า"พึงระวังป้องกันไว้ส่วนหนึ่ง"