หน้า 1 จากทั้งหมด 1
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 03, 2003 3:11 pm
โดย ป่าวเป็นคับ
ตลาดไทย ยังเป็นแบบนี้ มีการปั่นหุ้น การเก็งกำไรสูง
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 03, 2003 8:54 pm
โดย M149
ผมไม่มั่นใจเหมือนกันว่าใช้ได้หรือไม่ แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิกเป็นกระวิเคราะห์กระแสความคิดของคนหมู่มากไม่ใช่เป็นการหามูลค่าของหุ้นหรือบริษัทนั้นๆแต่เป็นเพียงการต่อรองราคา ฉะนั้นถ้านักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่เป็นนักเก็งกำไรการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็เป็นเชิงเก็งกำไร แต่ถ้านักลงทุนส่วนใหญ่เป้นนักลงทุนการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็เป็นเชิงลงทุน
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 04, 2003 12:05 am
โดย K'
เทคนิืคเป็นตัวจับกระแสความคิดของฝูงชน เป็นตัวกรองข้อมูลนอกจากด้านราคาและvolume หุ้นที่เราเห็นชัดๆในกราฟอีกที
จริงๆเทคนิคก็เป็นเพียงรูปแบบนึงในการ represent มูลค่าหุ้นนอกจาก กราฟบอกราคาปิดราคาเปิดธรรมดาเท่านั้นแหละครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 06, 2003 10:28 pm
โดย Mon money
ผมชอบหัวข้อนี้มากเลยครับ เพราะผมเองก็พอเป็นบ้าง แต่ใช้ทีไรเจ๊งทุกที
การวิเคราะห์ทางเทคนิคเหมาะกับนักลงทุนที่ขี้เกียจสักหน่อยครับ คือแกจะชอบวิเคราะห์อะไรที่ยุ่งยากอย่างVIทำกัน ซื้อขายสั้นๆ กำไรบ้างขาดทุนบ้างประสมกันไป เคยมีนักวิชาการนำวิธีวิเคราะห์ทางเทคนิคไปทำการลงทุนปรากฎว่ากำไรน้อยมากครับ เพราะหุ้นเหล่านั้นจะกลายเป็นหุ้นมหาชนไปทันทีที่มีข่าวกระจายออกไป คือตลาดอยู่ในสภาพที่มีประสิทธิภาพแล้ว จะทำกำไรได้ก็ตอนตลาดยังไม่มีประสิทธิภาพ หรือเริ่มมีประสิทธิภาพ คือนายตลาดเนี่ยแกมีประสิทธิภาพเป็นระยะๆน่ะครับ (Market Efficiency ไม่เกี่ยวกับการดำเนินงานของตลาดหลังทรัพย์นะครับ)
ทางที่ดีพยายามทำตัวเป็นVIเถิดครับ ซึ่งVIก็มีหลายแบบนะครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 07, 2003 5:23 pm
โดย เหอะๆ
technical - fundamental analysis ก้อเป็นแค่เครื่องมือ ดาบ กับ กระบองก้อมีวิธีใช้ต่างกัน อันใหนดีกว่าหรือไม่ดี ผมว่า ไม่ขึ้นอยู่กับ อาวุธ แต่อยู่ที่คนใช้ มากกว่า
หาคุณคิดว่า ในตลาดมี มีการเก็งกำไรสูง และมีการปั่น ผลประโบชน์ด้านมืดมหาศาล คุณคิดถูกแล้ว
แล้วคุณคิดว่าสมควรหรือไม่ ถ้าคุณจะสามารถมอง จุตวิทยา มวลชน หรือการ ลากการปั่น ของรายใหญ่ ออกๆ เทคนิคัลจะสามารถช่วยได้ในเรื่องนี้ แต่ทั้งนี้ คุณต้องศึกษามากพอสมควร และบอกเลยว่า การศึกษาเทคนิคัล ที่ลึกจริงๆแล้ว ตัววิชา ตามความเห้นของผม มีความลึกไม่ต่างกับ fundamental analysis เท่าไหร่ เพราะว่าผ่านการพัฒนา แตกยอดความคิดต่างๆมาเป้น100 กว่าปี
มุมมองแลพผลการทุดลองของนักวิชาการก้อเป็นของนักวิชาการ ไม่ไช่ตัวคุณ อย่าลืมว่า ที่ออกมา เป็นแค่ผลการทดลอง เค้ามีหลักการทดลองอย่างไร มีเงื่อนไขอย่างใหน คุณทราบหรือไม่ วิธีการวัดค่า วัดจากจำนวนเวลา แล้วเอามาดูกำไรหรือวัดว่าเป้นรอบๆ แล้วการที่เค้าทำอย่างนั้นๆตามเงื่อนไขนั้น คิดว่าถูกต้องหรือไม่
เล่นหุ้นเป็นทั้งศาสตรและศิลป นอกจากเทคนิคัล คุณยังต้องรุ้ถึง ระบบการเกิดราคา จริงราคาเทียม สาเหตุเหตผลต่างๆ ปัจจัยสนับสนุนต่างๆ
คุณทราบบ้างหรือไม่
ยิ่งการที่ตลาดประชาสำพันธ์ โดยใช้ด้อกเตอร หรือ นักลงทุนทั้งหลายนำหน้า เป็นการดึง นักลงทุนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ส่วนมาก เข้ามาในตลาด ล้างสมองว่า ตลาดมีธรรมาภิบาล หรือ การนำนักวิชาการมาพูดให้ดูน่าเชื่อถือในแนวทางนี้ๆๆ ทั้งหลายนั้น โดย ที่ตลาดไม่ยอมพูดถึง ระบบการเกิดราคา จริงๆ หรือ เบื้องลึกเบื้องหลัง ให้นักลงทุนร่นใหม่ได้ทราบแม้แต่น้อย นั้น เป็นภัยต่อ รายใหญ่ ส่วนมากขนาดใหน
ปัจจัยพื้นฐานนั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ต้องค้นคว้าเช่นกัน ในการปั่น หลายครั้งต้องมีการออกข่าว ออกบทวิเคราะห์ต่างๆ ก้อต้องใช้ข้อมูลจากบริษัท ทั้งจริงและไม่จริง มาเป็นฉากหน้า เพื่อนสนับสนุน เหตุผล และปัจจัยทั้งหลายในการปั่น จึงจะสังเกตุได้ว่า หุ้นหลายตัว ที่พื้นฐานดีก้อมีโอกาศแจ้งเกิดเป้นพลุแตกแน่นอน
การปั่นเป้นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตลาดจะ มีธรรมาภิบาลแค่ใหนขนาดใหน มันเนผลประโยชน์มหาศาล ที่ทั้งโบรก ทั้งรายใหญ่ทั้งผู้รุ้เห็น นั้นปฎิเสธไม่ได้
ลองคิดดูขึ้นชื่อว่ารายใหญ่ ผลกระทบจากการซื้อขายของเค้านั้นจะมากขนาดใหน หาก สะสมหุ้นได้พอสมควรแล้ว จะปล่อยออก ถ้าหากขายแล้วจะเกิดอ่ะไรขึ้น นั่นเป็นข้อหนึ่งว่าทำไมต้องเกิดการทำราคา หรือ คุณคิดว่าเมื่อซื้อแล้วจะขายได้หมดเลยนั่นก้อคงผิด เพราะ อยู่ดีๆๆ จะมีไครในตลาดมารับของ เค้าจึงต้องสร้าง ปัจจัยเทียมขึ้นมา ซึ่งทำให้จะมีคณเขข้าเก็งกำไร หรือเข้ามาซื้อ เพื่อที่เค้าจะได้ออกของได้ จริงมั้ยครับ และหากจะออกของโดยไม่ทำให้ราคาเสีย จะทำยังไง
เกร่นซะเย่นเย้อ ไปละครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2003 5:13 pm
โดย BPT
ชอบใจความเห็นของคุณเหอะๆมากครับ กลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์และมีบทสรุปที่ดีและเป็นประโยชน์มาก
ความเห็นของผมก็คือว่า ทั้ง fundamental และ technical สามารถใช้ได้ผล ถ้าผู้ใช้รู้ลึกรู้จริง และรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ในขณะเดียวกัน ก็อาจใช้ไม่ได้ผล หรือถึงกับทำให้เจ๊งไปเลย ถ้าหากผู้ใช้คิดว่าตัวเองรู้จริง แต่ความจริงไม่รู้จริง ที่สำคัญคือไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับการทำเงินในตลาดหุ้น และไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ อีกทั้งต้องคอยเรียนรู้และตรวจสอบวิธีการอยู่เรื่อยๆว่ายังมีประสิทธิภาพดีหรือไม่ มีวิธีไหนดีกว่าเดิมหรือไม่ สภาพตลาดและส่วนผสมของตลาด (เช่นลักษณะของผู้ลงทุน กฏระเบียบ) เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
ในตลาดหุ้นต้องเรียนรู้อย่างไม่รู้จบ ถ้าไม่มีความพยายามก็ควรจะฝากเงินแบงก์ดีกว่า ไม่งั้น พอเผลอๆก็เสียหมด
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 09, 2003 11:31 pm
โดย Mon money
ผมชอบชื่อคุณแหอะๆจังเลย ฟังแล้วอารมณ์ดีครับ การทำวิจัยของนักวิชาการที่ผมว่าน่ะผมไม่ได้เข้าไปดูรายละเอียดหรอกครับถึงให้ฉบับจริงมาก็ดูไม่ไหว ที่เอามาพูดให้ฟังกันก็เก็บเอาขี้ปากเขามานั้นแหละ แต่ว่าผมว่าไอ้ที่เรียนๆกันอยู่นี้ก็มาจากพวกนี้ทั้งนั้นแหละ จริงไหมครับ?
ส่วนการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นแท้ที่จริงเป็นการวิเคราะห์ทางสถิติ โดยเอาข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้นแล้วมาทำนายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ไอ้ที่เป็นกราฟให้เห็นกันน่ะเครื่องคอมมันคำนวนออกมาแล้วครับ เสร็จแล้วก็แปลผลว่าอะไรน่าจะเกิดขึ้นบ้าง เป็นไปไดหมดละครับ ถ้าแน่จริงบอกมาเลยซิว่าหุ้นนั้นหุ้นนี้จะขึ้นจะลงเท่าไร เห็นให้แนวรับแนวต้านกันทุกวันไม่เห็นบอกเจ๋งๆสักที ไอ้แนวรับนั้นน่ะผมว่าคนที่เคยขายหมูแล้วเสียดายกลับมาซื้อใหม่เลยเป็นแนวรับ ส่วนแนวต้านคือพวกติดมานานเห็นขึ้นเลยขาย ที่นี้พอดูVolumeว่ามากน้อยอย่างไรก็ให้แนวไปตามนั้น นึกแล้ววันๆไม่ต้องทำอะไรมองกันเข้าไปตาลายแย่เลย ผมซิสบายสุดๆกลางวันทำงานตัวเองกลางคืออ่านหนังสือไม่เห็นต้องเสียเวลาไปคอยดูอะไรนักหนา
ส่วนที่กลัวว่าเขาจะปั่นหุ้นโดยใช้เรื่องนั้นเรื่องนี้ หากเราทำตัวเองให้ฉลาดสักหน่อยก็คงไม่โดนเขาหรอกแน่นอนครับ หมั่นหาความรู้กันเถอะครับไม่โง่ก็ไม่ต้องกลัวใครหรอกเอา
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 10, 2003 4:02 am
โดย เหอะๆ
ท่าทาง คุณ mon money เข้าใจ ผิดหลายอย่าง
ผมยืนยันเลย ผมไม่ได้มานั่งเผ้าหรอกครับ จะคอยดูก้อเฉพาะวันที่ ซื้อขาย เฉพาะวัน ที่เป้น วันตัดสิน น่ะครับ ผมเรียกงี้ๆ
ผม ไม่ทราบ ว่า คำว่า ทำนาย กับ คำว่าหาความน่าจะเป้น นี่ มันเหมือนกันหรือไม่ในความคิด คุณ forcast - probability
ผมใช้ เทคนิคัล ในเหตุผล ของการหาความน่าจะเป้นครับ
เพราะราคาหุ้น โดยธรรมชาติ มันจะเคลื่อนใหว ตามทางที่ มันมีแรงต้านมากที่สุด ทางใหนไปง่ายมันก้อไปทางนั้น
อีกอย่าง แนวรับ ไม่ไช่แนวที่ซื้อครับ โปรดอย่าสับสน แนวต้านก้อไม่ได้เอาไว้ขายครับ
และหากพิจรณาแค่แนวรับแนว ต้าน เล่นเท่าไหร่ก้อคงไม่รุ่ง
แนวรับแนวต้าน ไอ้แบบตรงตัว มันก้อไม่ได้ตรงขนาดนั้น มันเป้น เหมือนกับ zone ขอช่วงเสตป้บราคามากกว่า
อินดิเคเตอร ไม่ไช่เห้นไอ้นี่ตัดๆ ก้อซื้อๆขายๆๆเลย
ความจริงแล้วผมก้อแทบจะไม่ได้ใช้ indicator อ่ะไรเลยเท่าไหร่
ไอ้พวกนักวิเคราะส่วนมาก เชียรซื้อๆขาย ๆ ก้อต้องเข้าใจว่าอาชีพเค้า ตัดไปตัดมาก้อ มั่วนิ่มซะเยอะ ไครๆๆก้อรุ้กัน
แล้วฝรั่งที่มันมาทำการทดลองน่ะ ผม ไม่คิดว่าเค้าจะเป้นหัวกะทิหรอกครับ พวกหัวกะทิ เค้าเล่นเอง หรือไม่ก้อบริหารกองทุนของเค้า ได้เงินดีกว่าเยอะครับ บ้านเรา พวกเล่นตามเทคนิค ดังๆ ไม่ค่อยมี แถมจะโดนด่าเสียส่วนใหญ่ด้วย แต่เมืองนอก เค้าก้อมี เซียนๆอยู่หลายหน่อเหมือนกัน เพียงแต่ อาจจะไม่รวย เท่า buffet ที่พลุแตก อยู่ในช่วงหลายปีนี้ แต่ผม ไม่คิดว่า คุณจะวัดวิชา จาก ความรวยของคนหรอกนะครับ
ส่วนเรื่องหุ้นปั่นนั้น อันตรายจริงๆครับ แต่หากเล่นแบบมีวินัยยและมีความรู้ คิดในอีกแง่ มันก้อคุ้ม ที่จะเสี่ยงมั้ย ?? สำรับผม ผมคุ้มค่าครับ เพราะเล่นอย่างมีวินัย คัทลอสท let profit run , wait and see ..... ผมคงไม่พูดว่ามีประโยชน์อย่างไร เพราะคุณคงรุ้....
เรื่องให้ เดาจุดจบ ของราคาหุ้นในการเคลื่อนที่ เป้นครั้งๆนั้น พอจะมอง ได้ว่า มันจะไปแรง หรือค่อยๆไป แล้วจะไป จบที่ใหนก้อพอมองออก แต่ ถ้าให้ตรงตัว เป้ะๆๆ นี่ ผมก้อ คงต้องถามว่า คุณ รุ้ล่วงหน้าถึงผลกำไรบริษัท ว่าจะกี่ล้านๆ หรือ บริษัทจะโตกี่เปรเซนท เป้ะๆมั้ย บ้างล่ะครับ เพราะ ก้อจน ปัญญา จะ เก่งขนาดนั้น เพราะไม่ได้เป้นเจ้ามือเองน่ะครับ
" ส่วนการวิเคราะห์ทางเทคนิคนั้นแท้ที่จริงเป็นการวิเคราะห์ทางสถิติ โดยเอาข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้นแล้วมาทำนายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น "
ผมยังงง ว่า เอ แล้วเวลา ผม วิเคราะพื้นฐานนี่ ผม ไม่ต้อง เอางบ ย้อนหลัง มาดูเพิ่หา ความน่าจะเป็น ในการเติบโตของบริษัท ต่างๆ บ้างหรืออย่างไรครับ....
" ไอ้ที่เป็นกราฟให้เห็นกันน่ะเครื่องคอมมันคำนวนออกมาแล้วครับ "
คุณคงพูดถึง indicator ต่างๆ พวกนี้เป็นเหมือนเครื่องมือ เดือนนึงตัดทีสองที ก้อมีผลออกมาให้เราดู คนมองไม่เป็นไม่เข้าใจหลักเหนตัดๆ กัน ก้อซื้ออย่างที่ว่า ก้อคงจะไม่ค่อยเห้นผลแหละครับ
เพราะผมก้อเคยจมปลักกับ ไอ้ตัดๆซื้อๆๆขายๆนี่มาเหมือนกัน
ถือว่าแชรความเห็นแล้วกันนะครับ ไม่ได้อยากมาทะเลาะ ขอให้ใจเย็นๆๆ ไม่ทราบว่าผมตีความหมาย คุณผิดไปรปล่าวใน ประโยค ท้ายๆ
แหะๆ ไปแล้วครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 10, 2003 10:53 pm
โดย Mon money
ตีความก่อนเลยนะครับว่าให้ผมใจเย็นๆ ผมน่ะแก่แล้วครับไม่ใช่คนหนุ่มๆ ลูกศิษลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ใจเย็นอยู่แล้วครับ
อย่าคิดมากครับคุณเหอะๆ มันเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างคิดต่างออกความคิดเห็น ผมเห็นอย่างนี้ก็ว่าไปตามที่เห็น ไม่เห็นจะต้องของขึ้นนี่ครับ เถียงกันด้วยเหตุผลอย่างนี้ผมชอบครับได้ความรู้เพิ่มขึ้นดีคุณว่าไหม?
ความน่าจะเป็นนั้นวิเคราะห์มาเพื่อใช้ทำนาย" propabitity uses for forcasting" ผมว่าผมเขียนไปอย่างนั้นนะ เอเดียวขอกลับไปดูก่อน... เออไม่ได้พูดถึง กล่าวแต่สถิติ ไม่เป็นไรครับบอกให้ใหม่แล้ว
ส่วนที่ว่าการวิเคราะห์พื้นฐานใช้ข้อมูลในอดีตมาforcastอนาคเหมือนกันมิใช่หรือ ตอบว่าใช่ครับแต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะซิครับ การใช้งบการเงินในอดีตมาวิเคราะห์อย่างที่ว่านะ มันเป็นขั้นตอนสุดท้ายเลยละครับ เป็นการยืนยันว่าพื้นฐานทางการเงินนั้นน่าเชื่อถือครับ แท้จริงแล้วส่วนใหญ่ผมให้ความสำคัญมันน้อยมากครับ ผมมองไปในอนาคตมากกว่า เพราะผมลงทุนหวังอนาคตครับไม่ใช่อดีต และข้อมูลที่ใช้มักเป็นข้อมูลด้านคุณภาพมากกว่าข้อมูลเชิงปริมาณครับ อย่าเหมาผมเป็นเช่นเดียวกับพวกโบรก ผมไม่เคยเชื่อพวกเขาเหล่านั้นเลย
ส่วนเรื่องความรู้ของฝรั่งนั้น ผมเองก็เป็นคนที่ไม่ชอบฝรั่งเท่าไรนัก มีโอกาสก็เผาเครื่องฝรั่งทุกครั้งไปจนทุกวันนี้ต้องตกงานเพราะฝรั่งเล่นอยู่ไม่ได้ครับ แต่ปฎิเสธไม่ได้นี่ครับว่าเราเอาความรู้เขามาใช้ เพียงแต่ให้สำนึกเอาไว้ว่าเอาความรู้นั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศและตัวเองก็แล้วกัน ไม่จำเป็นต้องรังเกียจความรู้ของต่างชาติเลย รับมาและใช้ให้ถูกให้ควรก็พอ
ความมั่งคั่งของportfolioเป็นindicatorตัวเดียวที่จะสามารถบอกได้ว่านักลงทุนผู้นั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ ผมยังมองไม่เห็นอย่างอื่นเลยครับ อีกทั้งBuffettไม่ได้เพิ่งดังครับ เขาชนะ S&P500ติดต่อกันมานานหลายสิบปีครับไม่มีปีใดที่เขาต่ำกว่าS&P500เลยสักครั้งเดียว
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 11, 2003 2:21 am
โดย เหอะๆ
สวัสดีครับ
ผมก้อโล่งใจครับที่ คุณ mon money ที่เราไม่ได้เกิดอารมณต่อกัน ครับ
ตัวผมเอง ก้อไม่คิดอ่ะไรเลยครับ เพราะ ผมนั้น ก้อชื่นชมแนวคิดในการวิเคราะของทั้งสองทางอยู่แล้ว มิฉะนั้น คงไม่เข้ามาในเวบบอรดนี้ซึ่งเป้น การพูดคุยถึง fundamental เยวๆๆซะมากอย่าง นี้ เพียงแต่แค่ จะออกความเห็น สำรับ เทคนิคัล ในฐานะที่ผมเองก้อใช้อยู่เป็นประจำ ในการหา ช่วงเวลา ในการเทรดหุ้นเท่านั้นแหละครับ ( ซึ่งส่วนมาก ก้อไม่ได้เล่นสั้น มาก เป้นเสต้ปราคาครับ เพียงแต่เล่นเป้นรอบๆ ไป )
ไม่จำเป็นต้องรังเกียจความรู้ของต่างชาติเลย รับมาและใช้ให้ถูกให้ควรก็พอ
ผมเห็นด้วยเต็มประเด็นครับ สำรับ ข้อความนี้
อ้อ สำรับ การดูกราฟของผมนั้น เรื่องของอดีต จะมีส่วนในการตัดสินใจบ้างครับ แต่ก้อ ไม่ไช่ส่วนมากอ่ะไร ครับ ผมนั้น มีความเห็นส่วน ตัวว่า อดีต ไม่ได้ตัดสินอนาคต เช่นกับครับ คุณ mon money ...... แต่การตัดสินใจในแต่ละครังที่จะซื้อขายนั้น ผมมอง การปฎิบัติตัว-การเคลื่อนใหว ของราคาใน ช่วงเวลาปัจจุบันครับ ทั้งนี้ไม่ไช่วันเดียวแต่เป็นช่วงของเวลานะครับ เป็น present ครับ ว่าเกิดอ่ะไรขึ้น ในช่วงเวลานี้ครับ ทั้งนี้นั้น พวกอดีตต่างๆที่จะมาใช้ในการตัดสินใจนั้น สำรับผมนั้น มีผลในการตัดสินใจในเชิง ของ การดูถึงนิสัยของคนคุมหุ้นบางตัว นั้นๆไป
มาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ทราบว่าการมองช่วงเวลาใน time zone ของปัจจุบัน ว่าเกิดอ่ะไรข้นกับหุ้นผ่าน การเคลื่อนใหวของ มัน..........จะ สามารถเปรียบได้ ในการวิเคราะ แผนการในการดำเนิน ธุรกิจของบริษัทนั้นๆ ที่....จะดำเนินการในช่วงเวลาต่อไป...หรือไม่
ต้องออกตัวก่อนว่า ส่วนมากผมจะดูกราฟคร่าวๆก่อน เพราะมันจะเร็ว ในการมองหาหุ้นที่ผม ต้องการหลังจากนั้นก้อจะเริ่ม มาดูทางพื้นฐาน ของหุ้นตัวนั้นๆไป
หลังจากนั้นผมก้อสังเกตุ การกระทำของมัน ว่าผลเบื้องต้น ของมัน ผ่านระดับ ในเกณฑการวิเคราะที่ผมพอใจมั้ย นั่นก้อคือ การเคลื่อนใหว นั้น เป้นไปได้ด้วยดี ตามที่คาดไว้ จนถึงจุดๆหนึ่ง ที่เป็นจุด คอรนเฟิรมกาตัดสินใจเบื้องต้น ของผมมั้ย และนั่นก้อจะเป็นจุดตัดสินใจของผม ว่าจะ trade หรือไม่ ( เหมือนกับการที่ บริษัทตัวนั้นๆ ได้กระทำการในสิ่งที่ผม คาดว่าจะเกิดผล ประโยช์ต่ออนาคตของการดำเนินงาน ตามที่ผมคาดไว้หรือไม )
โดยที่ ผมจะมอง condition ของตลาดประกอบ จากปัจจุบัน ไปสู่อนาคต ช่วงที่ผมคาดไว้....... เช่นหากผมมองว่ายังมีเหตุการที่จะฉุดความมั่นใจของตลาดไปผมก้อยังจะชลอไปก่อน
เขียนซะยาว คืออยาก ชี้ให้เห็นว่า เทคนิคัลนั้น โดยส่วนตัวผมแล้ว ไม่ไช่การวิเคราะจากอตีด ( ช่วง โซนเวลาในอดีต ) เพียงอย่างเดียว หาก แต่มอง การ ปฏิบัตัวของการเคลื่อนใหวของ หุ้นตัวนั้นๆ ในช่วงเวลาปัจจุบัน ว่าจะเกิด ผลตามมาอย่างที่คาดไว้หรือไม่ และหากเกิดตามที่คาดไว้ ตามจิตวิทยา ของตลาด ผมก้อจะเริ่มทำการเทรดขึ้นครับ
ผม อยากจะยก ตัวอย่างซึ่งอาจจะดูไม่วิชาการนัก เช่น ในคณะนี้ ผมเจอนักเลงอยู่สองคน ผมรุ้ว่าทั้งคู่ เป้นคนเจ้าอารมณ์ และไม่เคยยอมไคร ( มองอดีต ) ในขณะ นี้ ทั้งสองบังเอิญ ดันมาเจอกัน และทั้งคุ่ ก้อเริ่มจะแสดงอาการ ไม่พอใจกันและกัน ( มองปัจจุบัน ) ...
ตัวผมเองคาดว่า น่าจะมีการ เกิดเรื่องแน่ ( มองอนาคต ) แต่ทั้งนี้มิได้กำหนดตายตัว ว่าจะองเกิด ( ผมกำลังหมายถึงพวกนักวิเคราะห์ ทั้งหลายที่มันชอบมาบอกว่า รับแนวนี้เลย ไปรอแถวนี้เลย ต้านตรงนี้สิ หรือ เส้นนี้ตัดนี่ๆๆแล้ว )
สิ่งที่ผม ทำ ก้อไม่มีอ่ะไร มากครับ นั่นคือรอ รอเหตุการณ ที่จะเป้น ตัว จุดชนวน
เช่นหาก ไอ้นักเลงอีกคนหนึ่ง มันเดินไปตบหันา อีกคน พร้อม ถ่มน้ำลาย ใส่หน้าปุ้บ
โอกาศเกิด การทำเลาะเบาะแว้ง ตามสามํญสำนึก ไม่น่าจะต่ำกว่า 80 %
นั่นแหละครับ ก้อจะเป้นจุดที่ผมจะเริ่มเข้าเทรดหุ้น ในช่วงเวลานั้นๆแหละครับ
ซึ่ง ผมว่าประเด็นหนึ่งที่เป้นจุดอ่อน ของผู้ใช้เทคนิคัลส่วนใหญ่ ครับ เนื่องจาก คนส่วนมาก ชอบที่จะ พนัน ว่าจะเกิด มากกว่า รอให้เกิดครับ
เช่น ที่เราได้ยินกันบ่อยๆจนเบื่อ "เช่น กราฟ ดุดีมากเลย... น่าจะ...ฟอรมตัวเป็นแบบนี้ๆๆ เดี๋ยวผม ซื้อไว้ รอขาย 400 จุดไปเลย " , " โอ้ย ขึ้นมาหลายเสต้ป แล้ว เดี่ยว จะเจอแนวต้านที่ 370 ไว้ถึงแล้วขายเลย ( ซึ่ง ในความเป็นจริง มันอาจจะพักตัวไม่กี่ ชมและเริ่มวิ่งกันต่อ) " , เดี๋ยว พอถึง 360 รอรรับเลย เสียบเลยนะ ( ทั้งที่จริงๆแล้ว พอมันถึง มันอาจจะไม่เกิดอ่ะไรขึ้นก้อได้ ) , โห ผมซื้อไว้แล้วมัน ตก ไม่เป็นไร เดี๋ยว พอ 365 มันก้อจะเด้งกลับ แทนที่จะรีบกำจัดความผิดพลาดก่อน( ไครจุรู้ ว่ามันจะเกิดจริงมั้ยครับ )............... ซึ่ง ผม คิดว่าจุดด้อยทางระเบียบวินัยพวกนี้เอง ที่ส่งผล ทำให้ ผลปรากฎว่าคนส่วนใหญ่ ผลงานนั้นออกมาไม่ดีเท่าที่ ควร
โอยตาลายๆ
ผมยิ่งเขียนก้อชักมึน กับตัวหนังสือ แล้ว
เขียนมาตั้งเยอะ อยากทราบว่า คุณ mon money มีความเห็น เป็นยังไงบ้างครับ กับความเห็นที่เกริ่นมาซะยาว นี่ครับ ....
ผมเอง ไม่ได้มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะเหมือนอาจารย์ mon money การเขียนสื่อความหมายอาจจะทำได้ ไม่ดี เพียงแต่อยาก แชร ความคิด ก้อเท่านั้นเองครับ
แต่กระทู้นี้ คงเป็นความเห็นด้าน เทคนิคัล ซะส่วนใหญ่เพราะหัวข้อมันเกี่ยวกับเรื่องนี้
เข้าใจว่าที่นี่ ชื่อก้อบอกอยู่แล้วว่าเป็นเรื่อง ของ investor ซะส่วนใหญ่ แต่เห้นมีหัวข้อโผล่ขึ้น มา ก้ออเลย ออกความเห็นบ้างก้อแค่นี้แหละครับ
หวังว่าคงจะได้แชรความคิดกันอีกหลายๆครังครับ ขอบคุณ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 11, 2003 3:32 pm
โดย dr.ben crazy
คนจีนเค้าว่า"กากี่นั้ง"ครับ ยังไงยังไงก็นักลงทุนเหมือนกัน ยิ่งเถียงกัน(ฝรั่งเค้าว่า"discussion " คนอิรักเค้าว่า"หมูกัดกัน"ก็ทำให้ความรู้แตกฉานขึ้น ) โดยเฉพาะผมเก็บมาได้ตั้งเยอะทั้งๆที่ว่ารู้มากแย้ว
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 11, 2003 11:21 pm
โดย Mon money
โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เท่าที่จำได้หากผมว่าผิดไปแล้วมีคนอธิบายให้ผมยอมรับได้ผมก็มักจะพิจารณาเป็นข้อมูลเชิงเปรียบเทียบเสมอๆครับ และสำหรับคุณเหอะๆนั้น(ความจริงผมชอบชื่อนี้นะแต่พอพิมพ์ที่ไรรู้สึกวังเวงทุกที)ผมพิจารณาเป็นมุมมองที่น่าสนใจอย่างหนึ่งครับ ในอดีตผมใช้Technical analysisในการวิเคราะห์หุ้นลงทุนเสมอครับ ตำราที่บ้านผมนี้Technicalมากที่สุด ผมลงProgram วิเคราะห์เอาไว้ในเครื่องซะด้วยซ้ำ(จริงๆแล้วแอบใช้ตอนหาตังส์ค่าขนมน่ะครับ) แต่หลังจากทดลองการลงทุนแบบValueแล้วประสบความสำเร็จมากที่สุด ผมจึงเห็นว่า แนวการลงทุนแบบValueเหมาะสมกับตัวผมมากที่สุด ผมจึงยึดเป็นแนวทางของผมตั้งแต่นั้นมา แล้วเจ้าProgram Technicalที่ลงเอาไว้มันก็เลยไม่ได้ใช้อีกเลยเป็นเวลาหลายปีมาแล้วครับ
สำหรับความเห็นที่คุณเขียนมานั้นผมว่าก็ดีครับ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ จริงๆแล้วอยากชวนมาเขียนหนังสือขายกัน(ตอนนี้ร่วมกับGenieเขียนหนังสืออยู่ครับ.....อย่าถามนะยังไม่ตอบหรอกว่าเรื่องอะไร) และอย่าถ่อมตัวเลยครับ ผมเองเป็นอาจารย์พิเศษสอนเรื่องFinance บ้าง การวิเคราะห์เชิงปริมาณบ้างทีก็มั่วไปพูดเรื่อง Strategic Management บ้างแล้วแต่ที่ไหนหลงคารมณ์ครับ ตอนนี้เลิกหมดเก็บเสียงไว้ร้องคาราโอเกะครับ
นานๆจะมีคนมาร่วมวงกับผมตอบกระทู้อย่างนี้ซักที ผมรู้สึกสนุกมากครับ เห็นมีแต่มาดูแล้วออกไปไม่ถามไม่ตอบอะไรกัน ทำให้ผมเบื่อไปพักใหญ่ครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ เม.ย. 20, 2003 12:12 am
โดย ปรัชญา
:lol: ขอเป็นแรงใจให้ครับ แต่ว่าอ่านกว่าจะจบปวดตามากเลย ตัวหนังสือเล็กมาก ขนาดจอคอมของผม17นิ้วยังต้องเพ่งเลย แก่กว่าเก่านะเลยมีสภาพอย่างนี้ หนังสือของคุณออกเมื่อไหร่จะคอยหาอ่านครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 21, 2003 11:12 pm
โดย มนตรี นิพิฐวิทยา
ผมเองก็อาการเดียวกับคุณปรัชญาครับ ปวดตามากเลย
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 22, 2003 3:39 pm
โดย dr.ben crazy
อย่างนี้เค้าเรียกสายคนแก่ครับคือเลนซ์ตาโฟกัสไม่ค่อยได้ มองใกล้แล้วมามองไกลจะทำให้กล้ามเนื้อของเลนซ์ตาต้องทำงานมาก ใส่แว่นที่มีความโค้งของเลนซ์หลายระดับในกระจกแผ่นเดียวกันช่วยได้ขอรับกระผม
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 22, 2003 4:22 pm
โดย xxx
ไม่ทราบว่าคุณ เหอะๆ ใช้หลักอะไรในการตัดสินใจซื้อหรือขาย ถ้าไม่ใช่หลักเส้นระยะสั้นตัดขัดเส้นระยะยาว ผมเองอ่านดูความเห็นคุณเหอะๆแล้วก็งงๆ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 22, 2003 4:31 pm
โดย xxx
เพิ่มเติมครับ ปกติเราจะซื้อเมื่อราคาหุ้นอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย ไม่ใช่หรือ แล้วต้องดู อินดิเคเตอร์ ตัวอื่นๆประกอบเพื่อเป็นการยืนยัน เช่น rsi, stochastic, macd ,vol ถ้าไปในทางทิศทางเดียวกันก็ลุบได้ไม่ใช่หรือ ถ้าที่ผมเขียนมานี่ไม่ถูกต้องก็รบกวน อธิบายให้เข้าใจทั้งจังหวะการซื้อ และจังหวะการขาย ด้วยจะขอบคุณมากครับ ผมเป็นมือใหม่ครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้ได้จริงหรอ ในขณะที่....
โพสต์แล้ว: พุธ เม.ย. 23, 2003 11:35 pm
โดย บุคคลทั่วไป
หลักการซื้อขายของผม ไม่ได้พึ่งจาก เส้นทางเทคนิคอย่างเดียวครับ
หลักการซื้อเมื่ออยู่เหนือค่าเส้นเฉลี่ย นั้น ผม ไม่ได้แย้งอ่ะไร ครับ เป้นหลักการที่มีประสิทธภาพ เช่นกันครับ เพราะ ใช้ในการหาต้นทุนเฉลี่ย ของคนถือ เปรียบเทียบกันในช่วงของเวลาต่างๆ
แต่ไม่ค่อยจะเห้นด้วย กับการเข้าซื้อหุ้นที่แนวรับ เท่าไหร่ จากการมองในทางจิตวยาของผมนะครับ
ผมมองว่า แนวรับนั้นถึงแม้จะมีแรงรับซื้อ และเคาะซื้อสู้อยู่ แต่ จากประสบการณ ของทั้ง ผม และคุณ ผละอีกหลายคน น่าจะเห็นด้วยว่า ไครจะรุ้ว่า bottom จริงๆๆแล้ว มันอยู่ตรงใหน ยกเว้น สำรับคนคุมราคา การเข้า รับซื้อใน แนวรับ ผมเห้นว่าเป็นวิธีเหมาะสำรับ พวกสายป่านยาวๆ และมีฝีมือพอ ที่เค้าเรียก smart money ครับ
เพราะหากยังมีแรงขายกดอยุ่ คนที่จะทำให้ แรงมันเปลี่ยนทิศ ต้องเป้นคนที่ เงินหนามาก และ เข้าได้ถูกจังหวะที่ควร นั่นคือพวกขาใหญ่ทั้งหลายที่จะเปนคนเริ่ม
แต่การรับซื้ออย่างเดียวมันยังไม่พอ ที่จะเปลี่ยน จิตวิทยา คนด้วย
ลองคิดดูว่า หากรับๆๆ แต่ราคาหุ้น ยังไม่ไปใหน ถึงจะเริ่มมีคนมาสนใจ เข้ารับเป้นพวก ด้วย แต่ ถ้า ขาแจมที่เข้ามาเค้า ไม่เกิดกำไร จะเกิดอ่ะไรขึ้น.....
ธรรมชาติของเงินมักจะไหลไปยังที่ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าเสมอ หาก มีคนเข้ามารับช่วย แต่ ไม่สสามารถทำกำไรได้ก้อต้องขายออก เพื่อ ลดความเสี่ยง หรือ เปลี่ยนตัวเล่นไป ก้อจะกลายเป็นทำให้เกิด แรงขายเข้ามาอีก
ผมชอบที่จะรอหุ้นให้ผ่า แนวต้าน หรือ ทำนิวไฮ ได้มากกว่า
แต่ผมจะยอมเป็นไม้แรกๆเท่านั้นนะครับ
เหตุผล ไม่มีอ่ะไรมาก ณ จุด นิวไฮ
ถามว่า ผู้เล่นระยะสั้นซึ่งมีผลให้ตลาดเกิดการผันผวลของราคา ส่วนมาก ขาดทุนมั้ย
ถ้าเป็นไม้แรกๆ ก้อแน่นอนครับว่า ยังไม่มี หรือขาดทุนก้อยุ่ในสภาพ พอรับได้ ณจุดนี้แรงขายสวน จะน้อยมาก ลองสังเกตุดูได้ครับ....... ทั้งนี้ต้องดูความactive ของหุ้นประกอบด้วย เพราะ ราคาหุ้นต้องใช้เงินสร้างครับ....... ยิ่งเมื่อคนเริ่มมีกำไร ก้อจะกล้าอัดซื้อเพิ่ม หรือไครขายไปรอรับต่ำก้อต้องมาไล่ซื้อกันอีกที จึงทำให้ เราเห้นกันบ่อยๆว่า หลังจากหุ้นทำนิวไฮได้แล้ว มักจะไปแรงๆ
จากการลองซื้อขายในหลายรูปแบบของผมแต่ก่อน ผมจะรู้สึกสบายกับจุด ซื้อนี้มากกว่าจุดอื่นเพราะ ผม สามารถถควบคุมความเสี่ยง ได้ ในอัตราที่ดีมาก และมีความสามารถในการ maximize profit ได้พอสมควร เนื่องจากหากผมเข้าซื้อแล้ว ไม่ นาน เกิดแรงขายสวนลงมา อย่างที่ไม่น่าจะเป็น ซึ่ง เป้นเรื่องที่ ผมรุ้ว่า มันผิดปกติ กับ ตำแหน่ง ของหุ้นขณะนี้ ผมก้อสามารถ ออกได้เลย โดย สามารถ minimum loss ได้อย่างมากทีเดียว
ทั้งนี้ ต้องใช้ผีมือในการอ่าน แรงซื้อแรงขาย และการวางบิดออฟเฟอร ของหุ้นช่วยด้วยเหมือนกัน และจะลืม ไม่ได้ได้ คือ condition ตลาดโดยรวมครับ
ยกตัวอย่าง หุ้น svi ไว้เป้นกรณีศึกษา
svi ไฮเดิมคร่าวๆอยู่ประมาณ 8.4 ถ้ามองกราฟจะเห้น ซึ่ง ช่วงที่มัน เริ่มขึ้นมาไกล้ๆ ไฮเดิมนั้น แทบจะไม่มีการ ปรับตัวลดลงเลย แต่เป็นการขึ้นแบบเอื่อยๆ มาปริ่มอยู่แถวไฮเดิม
ลักษณะนี้หลายคน ที่ชอบรับหุ้นจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาดเพราะมองว่าขึ้นไปสูงแล้วอันตราย ส่วนตัวผมมองกลับในกรณีนี้ว่า ทั้งที่หุ้นโดนแรงขายจากแนวต้านกด แต่ก้อไม่ยอมลง แต่กลับ ค่อยๆปริ่มขึ้นมาเอ่อ อยู่ที่ไฮเดิม แสดงว่า หุ้นแข็งแกร่ง เนื่องจากแม้จะโดนขาย ก้อยังไม่ยุบ ซึ่งเป็นลักษณะที่ดีสำรับ หุ้นที่จะพุ่ง ขึ้นไปได้อย่างรุนแรง และต่อเนื่อง ( หากรู้จัก bolingger band คุณสามารถสังเกตุได้ว่าลักษณะนี้จะตรงกับลักษณะที่ BB แคบลง และหุ้นดีดตัวขึ้น อย่างแรง - แต่ในทางกลับกัน sto กลับ ทำโอเวิรเบอรท ซึ่ง จะเป้นจุดหักล้างกัน สำรับ การใช้เครื่องมือทางทคนิคในลักษณะที่ต่างกัน อาจจะทำให้นักเทคนิค ที่ไม่ทราบถึงที่มาที่ไปของเครื่องมือ สับสนได้)
พอวันที่ 14เเมษา เปิดตลาดมา ตลาดวันนั้นเป็นใจมาก ซึ่ง หมายถึง condition ที่ดี พร้อมกับหุ้นสามารถขึ้นไปยืนเหนือ 8.5 ได้พร้อมกับ ความactive ของหุ้น ที่มีการผลัด มือกันซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกที่ดีของการไกลเวียนเข้ามาเติม ของเงิน แถมยังดูมีแรงรับซื้อมาเติมมายันไว้ตลอดด้วย นี่ก้อจะเป็นสัญญาณ ที่ดีในการเข้า position อันหนึ่งครับ
เล่ามาคงยังมีอีกหลายอย่างที่ขาดๆไป เพราะ ทั้งความรู้ของผม และความไม่สะดวกในการพิมพ์ คงยังไม่พอครับ แต่ก้อพอจะคร่าวๆได้ประมาณนี้ โดยพูดในหลักการของ เทคนิคัล อย่างเดียวนะครับ
ไว้วันหลังว่างๆถ้า อยากแลกเปลี่ยน ความรู้ประสบการณกัน ก้อโพสทมาอีกนะครับ อาจจะได้คุยเรื่อง ของการ เช้คความผิดพลาดของการเข้า positionต่อ อยากให้คุณ xxx ลองเล่า แนวคิดคุณให้ผมฟังด้วยก้อดี แม้จะเป้นมือใหม่ก้อไม่เป็นไรครับ
ปล. คุณ weekest มาอ่านด้วยเหรอครับ แชรกันในกระทุ้นี้ก้อดีนะครับพันทิพย์มันวุ่นวายมากผมว่า ผิดพลาดยังไงหรือไม่เห้นด้วย เชิญเลยนะครับ
ไปละครับ