Thai VI

กลุ่มประกัน เขาเอาเงินไปลงทุนในหุ้นทุน หุ้นกู้ เงินฝาก กองทุน
ดูๆ มันก็เป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี นะครับ
ตอนนี้ ดูประกันอยู่หลายๆ ตัว มีพอร์ทลงทุนที่ดูดีครับ
(เมื่อคืน ลงทุน นั่งอ่าน รายงานประจำปี อย่างละเอียดถึง ตีสามครึ่ง)
การจ่ายปันผลก็สมำเสมอ
การแกว่งของราคาก็ไม่มาก ไม่ค่อยมีแบบ ราคา หารสอง หารสาม

มันก็น่าจะจัดเป็น หุ้น VI ได้หรือเปล่าครับ
ผมเคยขายหมู SAFE ไปที่ 23.80
มองราคาทีไร เจ็บใจทุกทีครับ

ผมกะว่าจะแบ่งเงินเดือนมาซื้อหุ้นประกันเก็บ
จนกว่า ดอกเบี้ยเงินฝากจะสัก 5-6%
(ตัวอื่นก็ยังเล่นเหมือนเดิม)
คิดว่า ความคิดนี้เป็นไงบ้างครับ
อย่างได้ ความเห็น/มุมมอง ของเพื่อนๆ พี่ๆ ครับ

ด้วยความเคารพครับ
ความเห็นของหลายๆ คนในที่นี้ เด็ด ดี จริงๆ ครับ

อยากฝากนิดหนึ่งนะครับเวลาวิเคราะห์หุ้นประกันภัย...

หลักทรัพย์ที่อยู่ในงบดุลส่วนใหญ่ของบริษัทประกัน mark to market ครับ ดังนั้น มูลค่าบัญชีกับราคาตลาดจะใกล้เคียงกันมาก ทำให้ P/BV เป็นตัวเลขที่บอกอะไรเราได้ค่อนข้างดี แต่...

พันธบัตร บอนด์ และหุ้นเหล่านั้นมิใช่เป็นกรรมสิทธิของบริษัท 100 เปอร์เซนต์ บริษัทซื้อสะสมไว้เพื่อสำรองจ่ายลูกค้าที่จะขอเคลมประกันในอนาคต ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องจ่ายเท่าไรและเมื่อไรเพราะเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับ "โชค" นั้นก็คือบริษัทติดหนี้ลูกค้าอยู่ แต่ไม่รู้ว่าหนี้ก้อนนี้มีค่าเท่าไร และต้องจ่ายออกไปเมื่อไร

Valuation ของหุ้นประกันภัยจึงประเมินได้ยากมาก ถ้ามีการเปิดเผยตัวเลขเรื่องทุนประกัน และสถิติความน่าจะเป็นที่ลูกค้าจะเกิดอุบัติเหตุ ไว้ในงบการเงินด้วยก็คงดี แต่เข้าใจว่าไม่มี

เพิ่มเติมต้องดูเงินกองทุนประกอบด้วย
อันนี้ต้องหาเพิ่มเติมเอาอ่ะ
(ดูเหมือนเงินกองทุนของธนาคารแต่มีแค่ระดับ1ไม่มีระดับ2เหมือนแบงค์) ตอนนี้จะบอกฐานะทางการเงินต่อผู้เอาประกันได้
อ้างอิงจากหนังสือครบรอบ 26 ปี กรมการประกันภัย
หาอ่านได้

ถามประสบการณ์ จากลุงขวดและพี่ครรชิตได้ครับ

พี่ๆเขามีหุ้นประกันกันเยอะ

ผมว่าถ้าเงินเย็นจริงๆและอดทนกับการไม่ซื้อไม่ขายได้ ก็ ok เลยครับ

ประกันภัยเป็นหุ้นปลอดภัยมาก และ เก็บยาว ๆ ก็ได้กำไรในราคาหุ้น แถม ปันผลสม่ำเสมอทุกปี.....แต่ก่อนนี้ คนกลัวประกันภัย เพราะชอบเพิ่มทุน แต่ระยะหลังนี้  เมื่อเงินกองทุนพอที่จะบริหารแล้ว ก็ไม่เห็นมีการเพิ่มทุนกันเลย และยังเพิ่มทุนแบบใหม่ คือ เพิ่มโดยให้เป็นหุ้นปันผล  ผู้ถือหุ้นไม่ต้องใส่ทุน แต่ได้หุ้นเพิ่มอีกด้วย......ผมสบายใจที่ได้ถือหุ้นประกัน ถึง 25% ของเงินลงทุนทั้งหมด  ตอนนี้แทบทุกตัวให้ทั้ง capital gain และ ปันผล ดี ๆ ทั้งนั้น  ปีนี้ ในความคิดของผม bki คงมีผลการดำเนินงานที่ดี ในการลงทุน เพราะเห็นหุ้น ดี ๆ หลายตัวใน การลงทุนของเขา  เสียดายที่มีตัวนี้น้อยไปหน่อย  วันก่อน เห็น ท่านประธานบอกว่า มีต่างชาติจะขอซื้อจำนวนมาก  เขาไม่ยอมให้  ให้ได้แค่ limit ของต่างชาติ คือ 20% เท่านั้นเอง

สิ่งที่น่าเป็นห่วง ถ้าเปิดเสรีด้านการเงิน รวมทั้งประกัน ด้วย ก็ต้องรีบพัฒนา ระบบ และวิธิการให้ทันต่างประเทศเขา    ประกันใหญ่ ๆ ต่างประเทศคงเข้ามา มาก  อาจมีการควบรวมหรือซื้อกิจการในอนาคตก็เป็นไปได้ :lol:  :lol:  :lol:

สิ่งที่น่าเป็นห่วง ถ้าเปิดเสรีด้านการเงิน รวมทั้งประกัน ด้วย ก็ต้องรีบพัฒนา ระบบ และวิธิการให้ทันต่างประเทศเขา    ประกันใหญ่ ๆ ต่างประเทศคงเข้ามา มาก  อาจมีการควบรวมหรือซื้อกิจการในอนาคตก็เป็นไปได้

จุดนี้ชี้เป็นชี้ตายของธุรกิจนี้เลยอ่ะ
ว่าใครจะอยู่ยาวกว่าใคร

ผมล่ะอ่อนใจไปกับธุรกิจประกันภัยแล้วล่ะ

ยิ่ง  FTA
ปลาใหญ่กินปลาเล็ก  แน่ๆ
คิดได้แต่ถอนตัวไม่ทันครับ

แนวโน้มลำบากจริงๆ

พี่ปรัชญาจะทุบติ๊กหรือคับ ทุบเมื่อไรหลังไหม้ด้วยนะคร้าบ ฮา

ผมมองว่าตัวแทนประกัน เป็นวัฒนธรรมไทยๆ นะครับ บริษัทประกันแบบฝรั่งจะมาเจาะตลาดแบบไทยๆ อาจลำบากหน่อย คงต้องสู้กันหลายยก ไม่แน่ว่าเข้ามาแล้วจะไม่เจ็บตัวกลับไปนะครับ

คงไม่เลวร้ายขนาดนั้นมังครับ ทุกวันนี้ด้านประกันก็เปิดเสรีอยู่แล้วหรือเปล่าคับ? (ไม่มีข้อมูลคับ)

ถ้าเป็นประกันชีวิตผมว่าเปิดพอสมควรแล้วนะครับแต่อาจจะมาในรูปแบบ partner เช่น AIA, Alliance, Fortis, AXA, New York Life ...
แต่ในส่วนของประกันภัยนี่ผมยังไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่าเปิดแล้วพอสมควร

ประกันภัย ถ้าสัมพันธ์+ลิเบอร์ตี้ บอกว่าไม่ไหว ค่อยเป็นกังวลครับ

เมื่อสองวันก่อน(วันศุกร์และวันเสาร์)
ทางอธิบดีกรมการประกันภัยออกให้ข่าวเรื่องนี้
ตอนนี้ปรับอัตราส่วนของการถือหุ้นโดยชาวต่างชาติไว้ที่ 49%เท่านั้น
ไม่ปรับเป็น100% ในเร็วๆๆ
เพราะต้องศึกษากม.ก่อน ใช้เวลาในการแก้ไขกม. เป็นเวลาประมาณ 10 ปี (เอากันเข้าไปซิ)

SAFE WAY TO HEAVEN

 :roll:  :roll:  :roll:  :roll:  :roll:  :roll: