Thai VI

ผมถือมาหุ้นตัวหนึ่งตั้งนาน แล้วหุ้นไม่ขึ้นก็ลง วนไปวนมาอยู่ตั้งนานก็ไม่ขาย วันนี้ขึ้นมานิดหน่อยเกิดบ้าอะไรไม่รู้

ขายหมูไปหมดเลย  อยู่ดีๆโรคควบคุมอารมณ์มีปัญหาขึ้นมาได้

ทั้งที่เมื่อปีที่แล้วแทบไม่ได้ซื้อขายเลย ซื้อขายไป 2 รอบเอง ปีนี้เล่นตั้งแต่ต้นปีเลยครับ

อะไรที่ทำให้พี่ๆเพื่อนๆ ถือกันได้นาน กำไรเป็นเท่าๆได้ครับ

ผมไม่เคยกำไรเป็นเท่า ๆ แต่ที่ถือไว้เพราะไม่รู้ว่า เปลี่ยนตัวถือแล้วยังจะให้ผลตอบแทนเท่าตัวที่ศึกษามาบ้างแล้วหรือเปล่า

อย่าเดินออกนอก circle of competence ครับ  8)

ซื้อๆขายๆหลายๆครั้ง ผิดๆถูกๆ ครับ แล้วก็ลองคิดทบทวนเป้าหมายหลัก

เราต้องการอิสระทางการเงิน

หรือ

เราสนุกกับการซื้อขาย


ถ้าเราต้องจดจ่อกับหุ้นในพอร์ท เราก็กลายเป็นทาสของพอร์ทเราเอง

ถ้าเราหาเงินได้จากการเทรดมากกว่าการประกอบวิชาชีพ ก็เปลี่ยนมาเทรดเป็นอาชีพ

ถ้าคิดว่าพอร์ทเล็กมัวแต่รอ จะไม่มีเวลาใช้เงินเป็นอิสระซักที ต้องเทรดเพื่อเพิ่มจำนวนหุ้น จะได้ร่นเวลาเร็วขึ้น ก็ลองทำดูซัก 20% ทำหลายๆครั้ง ก็กลับไปเริ่มบรรทัดหนึ่งใหม่













บังเอิญผมอยากได้ทั้งคู่ ปีนี้โชคดีได้หนีไปดูฟ้าและดูกราฟ ไม่ต้องไปยุ่งกับพอร์ทมาก

ปีนี้โชคดีได้หนีไปดูฟ้าและดูกราฟ ไม่ต้องไปยุ่งกับพอร์ทมาก

ไม่ get ครับคุณ Boring Stock Lover

แล้วถ้าไปยุ่งกับ กราฟ เยอะๆแล้วจะไม่ไปยุ่งกับพอร์ตได้หรือครับ

แล้วฟ้า มาเกี่ยวอะไรด้วยครับ

หรือว่า ไม่เกี่ยวกับท้องฟ้าเลย

จะ get มุขผมไม่เนี้ย  :lol:

กฏครับ   เทรดตามกฏ   ไม่เทรดตามอารมณ์

[quote="CopyWriter"]ปีนี้โชคดีได้หนีไปดูฟ้าและดูกราฟ ไม่ต้องไปยุ่งกับพอร์ทมาก

ไม่ get ครับคุณ Boring Stock Lover

แล้วถ้าไปยุ่งกับ กราฟ เยอะๆแล้วจะไม่ไปยุ่งกับพอร์ตได้หรือครับ

แล้วฟ้า มาเกี่ยวอะไรด้วยครับ

หรือว่า ไม่เกี่ยวกับท้องฟ้าเลย

จะ get มุขผมไม่เนี้ย

อด(กำไร)...ทน(ขาดทุน)
อดและทน...แล้วก็....อดและทน
อดทนเป็นวินัยสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตมนุษย์
เป็นการฝึกตนวิธีหนึ่ง
หวังว่าจะทำสำเร็จ....สักวัน

ผมใช้วิธีทำใจให้เป็นกลาง
แล้วนึกดูว่า ณ ราคาปัจจุบันนี้
ถ้าผมยังไม่มีหุ้นตัวนี้ ผมจะซื้อรึเปล่า
(ขอเน้นว่าให้ลืมราคาที่เราซื้อไปเลยครับ)

ถ้าคำตอบคือซื้อ
ผมก็จะถือต่อ แล้วรอเก็บเพิ่มเมื่อราคาอ่อนตัวในแต่ละครั้ง

ถ้าคำตอบคือไม่ซื้อ
ก็จะต้องพิจาราณาดีๆแล้ว
ว่าจะถือต่อหรือขายเลย
ซึ่งอันนี้คงเจาะจงไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร
ต้องขึ้นอยู่กับสถานะหุ้นแต่ละตัวในตอนนั้น

การขายหมูของผมเมื่อก่อน
ส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่คิดว่าราคาขึ้นมามากแล้วจากราคาซื้อ

ส่วนการขายหมูของผมในปัจจุบันนี้(ยังมีอยู่แต่น้อยลงครับ)
เกิดจากการที่ผมคิดว่า ราคาปัจจุบันแพงเกินไปแล้ว
เมื่อเทียบกับผลกำไรที่ผมคาดว่าบริษัทจะทำได้ในอนาคต

หมูตัวล่าสุดเมื่อปีก่อนก็ HMPRO อ่ะครับ
ผมมองว่าต่อไปจะทำกำไรเพิ่มยากในภาวะที่คนเริ่มประหยัด
แต่ตลาดไม่เห็นคิดเหมือนผมเลยแฮะ
วิ่งไม่เห็นฝุ่นเลย  :oops:

คำว่า Value investor ก็หมายถึงว่า ลงทุน โดยมองเห็นมูลค่าที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใน ไม่ใช่หรือครับ ถ้ามั่นใจว่า ราคาที่เป็นอยู่ตอนนั้นมันไม่ได้แสดงมูลค่าที่แท้จริงของมันออกมา เราก็ไม่ควรที่จะขายไม่ใช่หรือครับผม
ส่วนวิธีการหามูลค่า เข้าใจว่าหลายๆคนก็พอจะรู้อยู่แล้วหนะครับ
เช่น Discount cash flow , P/E etc

อ่านทบทวนซ้ำ Owner's Manual ที่ Buffett เขียนครับ

Gist ของการซื้อหุ้นซึ่งหมายถึงความเป็นเจ้าของ (แม้จะเป็นเพียง Outside Passive Minority Investor) สรุปอยู่ใน Owner's Manual แล้วครับ

Owner's Manual จะอยู่ในหน้าท้ายๆ ของ Annual Report ของ Berkshire Hathaway ทุกปีครับ

ทางเดียวที่จะไม่ขาย คือ ไปหาเงินมาซื้อเพิ่มครับ

ผมใช้วิธี มุ่งเน้นไปที่ผลประกอบการมากกว่าราคาครับ ถ้าผลประกอบการ และปัจจัยพื้นฐานยังดีอยู่ ก็จะถือต่อไปเรื่อยๆ

หรือจะใช้วิธีของ lynch (หรือบัฟเฟตหว่า ไม่แน่ใจ) ก็น่าจะดีนะครับ ถ้าจำไม่ผิด เค้าว่า ควรขายก็ต่อเมื่อ

1. วิเคราะห์ผิด
2. ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง
3. เจอหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่า

ประสบการณ์บอกว่า ถ้าหุ้นกำลังขึ้น ครั้งต่อไป ถ้าจะขายจะไม่ขายครั้งเดียวหมด  อีกแล้ว