หน้า 1 จากทั้งหมด 1

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 7:27 am
โดย Belffet
จากห้องสินธร เวบพันธ์ทิพย์ ครับ

1. ความคิดเห็นนี้เหมาะสำหรับบุคคลไม่มีความรู้เรื่องหุ้น ไม่เหมาะพวกเก็งกำไรหรือนักพนัน อย่างไรก็ตามต้องศึกษาค้นคว้าว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นไปได้หรือเปล่า อย่าเชื่อแบบไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เชื่อคนง่ายจะทำให้เราเสียหายง่ายๆเช่นกัน ต้องเชื่อตัวเอง

2. จากประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดมาก็หลายปี หุ้นยังเป็นแหล่งสะสมทรัพย์ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เงินที่จะมาลงไม่ต้องมากปันมาเพียง 10,000 หรือ 20,000 หรือ ฯลฯ ต้องไม่เกิน 50,000 บาทที่ไม่ทำให้เครียดต่อการขึ้นลงของราคาหุ้น

3. อย่าคิดยึดเล่นหุ้นเป็นอาชีพหลัก หางานทำเป็นหลักฐานของตัวคุณเองและครอบครัว อนาคตคุณอยู่ที่งาน ในขณะเดียวกันหุ้นเล่นได้ควรเล่นเป็นการสะสมออมเงิน ไม่ต้องไปมักมุนกับมันขอเวลาเพียง 5-10 นาทีต่อวันดูข่าวในหนังสือพิมพ์

4. ก่อนเล่น(เพื่อความสบายใจ) คุณต้องศึกษาค้นคว้าหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ เช่นว่า asp, cns, kest, zmico ว่ามีฐานะการเงินศักย์ภาพจ่ายปันผล หุ้นเหล่านี้จะขึ้นลงตามตลาดปริมาณซื้อขายแต่ละวัน ในอดีตผลต่างราคาหุ้นระหว่าง low/high ไม่ต่ำกว่า 30% ต้องค้นคว้าดูประวัติในอดีตได้ว่าจุด low และ high ตอนนั้นวอลลุ่มซื้อขาย(จำนวนเงินต่อวัน)เท่าไร หลังศึกษาท่านจะพบว่าราคาขึ้นหรือลงของบริษัทเหล่านี้จะเป็นไปตามปริมาณซื้อขายแต่ละวัน

(4.a) ถ้าปริมาณซื้อขายถดทอยน้อยลง ราคาก็จะซึมๆลงไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เป็นขาลง;
(4.b) เช่นเดียวกันกับขาขึ้นราคาก็ขึ้นตามปริมาณซื้อขาย

5. หลังจากได้ทำการบ้านย้อนหลัง 3 ปี พอที่จะหาจุดซื้อซึ่งอาจไม่ใช่จุดต่ำสุด (เทวดาก็ไม่รู้) ถึงจะลงต่ำอีกก็ไม่มาก ซื้อแล้วอยู่เฉยดูหนังสือพิมพ์ที่มีการรายงานหุ้นว่าปริมาณซื้อขายเท่าไร ระหว่างรออย่าไปได้ตื่นเต้นกับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่ซื้อไว้

(5.a) ถ้าราคาขึ้นมาได้เท่าตัวขาย อย่าไปฟังนักวิเคราะห์ว่าดัชนีจะไปเท่านั้นเท่านี้ อีกนั้นและถ้าราคาหุ้นจะไปต่ออย่าเสียใจ เพราะเราได้ประสพความสำเร็จ goal ของเรา;
(5.b) เอาเงินเข้าแบงค์ไม่ซื้อหุ้นเด็ดขาด;
(5.c) ใจเย็นรอด้วยความอดทน ทำงานทำการของท่านอย่างดีเพื่อความเจริญก้าวหน้าของท่าน รอวันซื้อต่อเมื่อวอลลุ่มซื้อขายลงมาที่เป้าตั้งไว้แต่ต้น ขออย่างเดียวพอถึงเวลาเป้าหมายท่านต้องกล้าๆซื้อไม่ต้องไปวิตกต่อข่าวร้ายต่างๆซึ่งจะมีเข้ามาทำให้ท่านกลัวอย่างมากมาย ขอย้ำใจกล้าๆซื้อแล้วรอขายตามเป้า

6. จุดซื้อจุดขาย

7. จากประสบการณ์ในอดีต วอลลุ่มต่ำสุดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทตอนเศรษฐกิจฟองสะบู่ เนื่องจาก market caps ใหญ่ขึ้นมาร่วมล้านล้านบาทโอกาศที่จะเห็น 1,000 ล้านบาทย่อมเป็นไปค่อนข้างยาก คิดว่าจุดซื้อ 6,000-7,000 ล้านบาทแต่ต้องอยู่ในเงือนไขวอลลุ่มค่อยๆซึมลงๆเป็นเดือนๆและผู้คนจะออกมาแสดงความเห็นเบื่อหน่ายกระทู้ที่ว่าเซียนจะหดหายไป ท่านจะต้องสังเกตจากการติดตามปริมาณซื้อขายแต่ละวัน ท่านควรเก็บสถิติความเคลื่อนไหวใน excel ประกอบไปด้วย column:
(1) Date; (2) SET; (3) Volume; (4) ASP; (5) CNS; (6) KEST; & (7) ZMICO
Column (1) & (2) ไม่มี column ย่อยตัวเลขปิดสิ้นสุดของแต่ละวันของ ดัชนีและปริมาณซื้อขาย
Column (2) - (7) ใต้มี column ย่อยเก็บราคาหุ้น (a) High; (b) Low; (c) Close ของแต่ละวัน
เสียเวลาวันละไม่กี่นาทีท่านก็จะค่อยๆเข้าลึกถึงตัวหุ้นเหล่านี้ ส่งผลให้ท่านมีความเชื่อหมั่นถึงความเป็นไปได้ขนาดไหน จุดขายอยู่ที่ว่าถึงเป้ากำไรเท่าตัวขายลูกเดียว

8. สะสมออกทรัพย์

9. การเล่นหุ้นเป็นการเสี่ยงตลอดเวลา แต่วิธีว่านี้เป็นการสะสมออมทรัพย์ ความเสี่ยงแทบไม่มี อยากให้ท่านเล่นแบบสบายๆไม่เครียดมาเป็นห่วงกับมันตลอดเวลา ท่านคิดว่าเงินจำนวน 10,000 ถึง 50,000 บาทที่สามารถปันมาเล่นหุ้น เราอยากทำเงินเราเป็นเงินล้านๆ นั้นหมายถึงว่าท่านต้องไม่แตะต้องเงินจำนี้เป็นสิบปีขึ้นไป ระหว่างนี้ไม่เอาไปใช้อย่างอื่นนอกจากลงทุนในหุ้น มาลองคำนวนเล่นๆว่าเงินท่าน(50,000)จะพอกพูนขึ้นเท่าไรในสิบปีข้างหน้า สมมติว่าท่านจะซื้อขาย 3 รอบ หรือ 6 ครั้งใน 2 ปี จะซื้อขายเพียปีละ 3 ครั้ง ด้วยเป้ากำไร 30% ข้อ 3 ด้วยเงิน 30,000 บาท ถ้าสามารถทำได้เงินจะพอกพูนขึ้นตามนี้

ปี 1 รอบ  1/1  ซื้อ 30,000 บาท
           1/2       ขาย (+30%) 39,000 บาท
           2/1  ซื้อ 39,000
ปี 2 รอบ  2/2      ขาย (+30%) 50,700
           3/1  ซื้อ 50,700
           3/2      ขาย (+30%) 65,910
ปี 3 รอบ  4/1  ซื้อ 65,910
           4/2      ขาย (+30%) 85,680
           5/1   ซื้อ 85,680
ปี 4 รอบ  5/2      ขาย (+30%) 111,380
           6/1   ซื้อ 111,380
           6/2       ขาย (+30%) 144,800

ให้คำนวนต่อตามเวลาที่ต้องการ หรือ เอาจำนวนปีที่ต้องการเงินจำนวนมากเพื่อการศึกษาลูก คำนวนออกมาแล้วจะเป็นเงินก้อนใหญ่ซึ่งสิ่งใฝ่ฝันต้องการอย่ายิ่งยวด มันอาจเป็นความฝันที่ไม่เกินความจริง ที่จะบรรลุเป้าหมายได้


10. จุดจบกลางคัน

ขอย้ำวิธีดังกล่าวเป็นการสะสมทรัพย์ค่อยเป็นค่อยไป มีความอดทนไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้น ท่านเริ่มต้นด้วยเงินเท่าไรก็ให้เป็นเท่านั้น ข้อสำคัญไม่มีการเพิ่มเงินอย่างเด็ดขาด ถ้าทำจะทำให้ไม่เป็นอันกินอันนอนมีความวิตกกังวลเงินท่าน จิตใจจะจดจ่ออยู่กับหุ้นตลอดเวลาไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ถึงตอนนั้นท่านได้เปลี่ยนตัวท่านมาเป็นนักพนันเต็มรูปแบบ ท้ายสุดจะเสียงานและเป็นจุดจบในการลงทุนในหุ้น ฉะนั้นสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวเราเองแต่ผู้เดียว

11. กรุงโรมใช่ว่าสร้างวันเดียวเสร็จ เราคิดใหญ่ที่จะให้เงินหมื่นเป็นเงินล้านต้องใช้เวลา อดทน ใจเย็นๆ

12. ขอให้ จขกท นั่งคิดดีๆว่ามีอะไรที่จะเสียหรือไม่ ถ้าวอลลุ่มลงมาไม่ถึงเป้าท่านก็ไม่ซื้อเงินก็ยังอยู่ในกระเป้าท่าน หลังขายอยู่เฉยๆไม่ซื้ออย่างเด็ดขาด ท่านก็ไม่ติดหุ้น หุ้นลงมาที่เป้าเงินอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์พร้อมที่จะซื้อ ท่านไม่มีอะไรจะเสียมีแต่ได้อย่างเดียว

13. ขอให้โชคดี

_______________________________________________


มันจะจริงเร้ออออ

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 8:53 am
โดย CK
ผมอ่านครั้งแรกเมื่อปีสองปีก่อน

แล้วก็ทดสอบ/ทดลองด้วยตัวเองมาตลอด

ยืนยันว่าจริงครับ ถ้าทำได้ตามแผนการจริงๆ
แต่ต้องทำได้ตามแผนการทุกอย่างที่เขาว่าไว้นะครับ

ปล. แต่จนบัดนี้ยังไม่ได้กำไรครับ :lol:
เพราะผมยังไม่สามารถทำตามแผนการได้ทุกครั้ง

ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรก

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 9:08 am
โดย Simply
ผมเห็นด้วยกับ ข้อ 1-3 ,ข้ออื่นเหมือนจะพูดว่าtradeยังไงไม่ให้เจ็บมาก อันนี้ไม่เข้ากับสไตล์ของผม และ ผมไม่เห็นด้วยกับข้อ 10 เพราะตอนแรกบอกว่าการเล่นหุ้นเป็นการสะสมทรัพย์ แต่ข้อ 10 กลับแนะนำว่าไม่ให้เพิ่มเงิน ในเมื่อสะสมทรัพย์ ก็มีตั้งแต่สะสมในอัตราเท่ากันทุกเดือน หรือสะสมเงินสดไว้จนราคาหุ้นที่สนใจอยู่ในระดับที่เรารับได้แล้วค่อยซื้อ....
....ผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ครับว่า การเล่นหุ้นเป็นการสะสมทรัพย์ แต่ผมไม่อยากร่ำรวยจากการเล่นหุ้นครับ งานประจำเป็นสิ่งที่ต้องทำเพราะกว่าจะร่ำเรียนจนจบก็หลายปี ยังรักอาชีพหลัก อยากพัฒนาความรู้ความสามารถในอาชีพหลักให้อยู่ในระดับที่เราอยากเป็น ส่วนการสะสมหุ้นเป็นการสร้างหลักความมั่งคั่งในอนาคต เหมือนสร้างบ้าน ต้องวางแผนให้ดี เลือกรูปแบบที่เราชอบ เลือกวัสดุแต่ละชิ้นที่มีคุณภาพที่เราชอบ ค่อยๆสร้างวันละเล็กละน้อย แต่ถ้าไม่มีเวลาจริงก็คงต้องเลือกคนสร้างบ้านมืออาชีพที่เราไว้ใจ มอบเงินให้เขาช่วยสร้าง...ผมก็อยากรวยครับ อยากมั่งคั่งครับ แต่ขอรวยช้าๆ รวยแน่นอน รวยนานๆครับ ผมรอได้ครับ... :lol:  :lol:  :lol:

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 9:10 am
โดย Belffet
พี่ CK ครับ ผมกลับไปดูราคาย้อนหลังของ หุ้นอ่อนไหวอย่าง KEST ZMICO NFS  1 ปีที่ผ่านในเวบset ดูคร่าวๆแล้วมันก็ไม่ได้ขึ้นสูงถึง 30% เป็นรอบๆอย่างที่แผนว่าไว้นี่ครับ

เป็นไปได้ไหมที่บางปี คุณอาจจะไม่ได้ขายตามแผนเลยก็เป็นได้

หรือว่าผมพลาดอะไรไป

(แล้วพี่ CK ใช้ตัวไหนทำกลยุทธ์นี้ครับ Private Msg.มาก็ได้นะครับ)

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 9:56 am
โดย CK
ทำได้กำไรแน่ๆ ครับ แต่จะได้ถึง 100% ในหกเดือนอย่างที่เขา
"ยกตัวอย่าง" มาหรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

เจ้าของกระทู้เขาแนะนำให้เล่นสวนสัญชาติญาณแมงเม่า
คือกล้าในยามที่คนอื่นกลัว กลัวในยามที่คนอื่นกล้า

ผมคิดว่า ในตลาดหุ้นไทย น่าจะทำได้ 1 รอบทุกๆ 3 ปีครับ
ไม่ใช่ 6 เดือน

ถ้าลงทุนตามแนวนี้อย่างเคร่งครัด แต่วินัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 10:00 am
โดย Belffet
พี่ CK ครับ ในบทความ เขาตั้งกำไรไว้ที่ 30% เท่านั้นทุกๆ 6 เดือน ห้ามมากกว่านี้นี่ครับ

ถ้า 100% ทุกๆ 3ปีอย่างพี่ว่า แล้ว 30% ทุกๆครึ่งปีล่ะครับ ตามแนวนี้ทำได้มั๊ย

ผมดูราคาย้อนหลังของหุ้นที่เขายกมา ไม่เห็นว่าจะทำได้นี่ครับ ปีที่ผ่านมา หุ้นเหล่าไม่ปรับตัวสูงขึ้น 30% ซักรอบเลยนี่นา

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 10:01 am
โดย CK
อ้อ สำหรับคนที่คิดจะทดลองวิธีนี้

บอกไว้ก่อนนะครับ ว่าวิธีการเหมือนง่าย แต่ทำจริงๆ นี่
ต้องอาศัยความอดทนและวินัยที่สูงมากครับ
ก้เหมือน model trade ทุกอันแหละครับ

DSM ก็เป็น model trade อันนึง เข้าใจไม่ยาก
แต่ทำจริงๆ วินัยสำคัญมากครับ

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 10:59 am
โดย atsu
ผมว่า Trading System ทุกอย่างก็มีดีมีด้อยกันไป

แต่กับวิธีนี้ผมว่าคนเขียนมองง่ายเกินไปหน่อย
คือวิธีมันมีทางเลือกจำกัดเกินไป

ถ้าซื้อ(เมื่อคิดว่าราคาต่ำมากๆ)แล้วขาดทุนจะทำยังไงต่อ  :?:

ถ้าถือรอไปเรื่อยๆ แล้วมันลงไปอีกมากๆหล่ะ
ก็เป็นอันว่าจบโมเดลแล้ว(ขาดทุน)
เพราะกว่าราคาจะกลับมากำไร 30% อาจจะอีก 5 ปีข้างหน้าก็ได้
ไม่มีใครรู้ได้

หรือถ้ารีบคัทลอส มันก็ผิดรูปแบบโมเดลอีกแหละ
จะกลับไปเหมือนการซื้อขายเก็งกำไรทั่วไป

สรุปว่าไม่เห็นด้วยครับ
เพราะทำตามวิธีนี้ จะสำเร็จได้
คือห้าม พลาด เลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ตัดสินใจซื้อ

โดยส่วนตัวชอบ DSM มากกว่าครับ(แต่ยังไม่เคยลองเลย) :oops:
รู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ยืดหยุ่นดี

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 12:51 pm
โดย MisterK
น่าสนใจ   แต่ model นี้ยังขาดจุด stop loss ครับ  การเลือกหุ้นก็สำคัญ   ถ้าไปเจอหุ้นอย่าง fin1 ds   s-one  นี่จบเลย   :twisted:

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 06, 2006 8:06 am
โดย Belffet
ตามความเข้าใจของผมนะคุณ misterk โมเดลนี้อยู่ได้ด้วยความเชื่อที่ว่า หุ้นและราคาหุ้น จะขึ้นๆลงๆตลอดเวลา

ดังนั้น เขาจึงไม่มีจุด stop loss เพราะเชื่อว่า ยังไงมันก้จะกลับขึ้นมาเท่าเดิมและดีกว่าเดิมในที่สุด ดังนั้น เงินที่คุณลงจึงต้องเย็นมากๆ และมั่นใจว่า เสียไปไม่เสียดาย

การเลือกหุ้นจึงสำคัญ ต้องเลือกหุ้นที่แข็งแกร่ง ไม่เจ๊งง่ายๆ มีกำไรสม่ำเสมอ แต่อ่อนไหวต่ออารมณ์ตลาดมากๆ มีการขึ้นลงสม่ำเสมอน่ะครับ

model นี้จึงเอาไปใช้กับหุ้นไม่ได้ทุกตัวแน่นอน ขืนไปใช้กะหุ้นอย่าง พี่ปิ๊ก จะทำกำไรได้ยังไงล่ะเนี่ย

คุณ misterk ว่าไงครับ

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 06, 2006 8:24 am
โดย CK
ตอนนั้น 56 ไฟแน้นซ์ที่เจ๊งไปคือบงล.มากกว่า
(จริงๆ แล้ว เข้าใจว่า s-one ไม่ได้เจ๊ง แต่โดน Koo's Group เทค)
ถ้าทำบล.อย่างเดียว แล้ววอลลุ่มหดลงมามากๆ
แล้วมันยังไม่เจ๊ง หรือมีกำไร แปลว่าโอเคครับ
เพราะถ้าวอลุ่มหดยังมีกำไร วอลุ่มมา ก็ต้องกำไรมากขึ้น

ระบบจะ filter ตัวมันเองอยู่แล้ว
แต่อย่างที่จขกท.บอกคือ ต้องทำการบ้านหน่อย
อ่านนสพ. ดูวอลุ่มซื้อขายของแต่ละตัว ฯลฯ

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 06, 2006 8:32 am
โดย Belffet
พี่ CK ไม่เคยทำให้ผิดหวัง

มีปัญหาอะไร ถามปุ๊บ พี่จัดให้ทันที ทุกทีไป

เสียดาย ผมยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับหุ้น บล. เท่าไหร่

คงยังไม่อยากผลีผลาม เอ๊ะ หรือ พี่ CK มีคำแนะนำ (ว่าแล้วก็ถามซะเลย) :twisted:

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 06, 2006 8:45 am
โดย CK
คำถามของน้อง Belffet คือ "มันจะจริงเร้อ"

ถ้าถามว่า ทำตามระบบอย่างเคร่งครัดแล้วจะได้กำไรชัวร์ๆ
ใช่หรือไม่

ผมตอบได้ว่าใช่ครับ แต่ต้องเคร่งครัดมากๆ


ถ้าถามว่า work กับทุกคนหรือไม่
ผมคิดว่ามีไม่ถึง 1% ของประชากรนักเล่นหุ้น
ที่สามารถทำให้มัน work ครับ

จริงๆ แล้ว อย่างที่ mr.k พูดล่ะครับ
ระบบเทรดดิ้ง หรือเทรดดิ้งโมเดลที่ดี
ต้องมี stop loss อยู่ด้วยเสมอ

บางระบบ stop loss กับ exit (profit taking)
ใช้สัญญาณเดียวกัน

บางระบบก็ไม่ใช่

แต่ระบบนี้ ไม่มี stop loss เพราะเชื่อว่าจะไม่มี loss
ถ้า filteration ดีจริงๆ ก็คงเป็นเช่นนั้นครับ
แต่ถ้า filteration ไม่ดี ก็เจ๊งสนิท

คนเจ๊งนะ ระบบยังดีอยู่ :D

ระบบเป็นแค่เครื่องมือครับ ระบบไม่ทำให้ได้กำไรหรอก

คนที่ใช้เครื่องมือต่างหาก ที่ทำให้กำไร

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 06, 2006 8:47 am
โดย CK
แถมอีกนิด

คุณ j_abac แห่งสินธรเคยพูดว่า การเล่นกลุ่มหลักทรัพย์
ควรซื้อหลายๆ ตัว เพราะเราไม่รู้ว่าตัวไหนจะวิ่งเมื่อไหร่

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 06, 2006 9:04 am
โดย Belffet
เห็นมั๊ยล่ะครับ ท่านผู้ชมทุกท่าน

ถามปุ๊บตอบปั๊บ (ดูเวลาได้เลย)

ขอบคุณค้าบ

คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 06, 2006 11:10 am
โดย MisterK
คิดว่าโมเดลนี้น่าจะนำมาใช้กับ timing และวิธีเลือกหุ้นได้   แต่ต้องมี stop loss    ถ้าเอา trading system อย่าง turtle มาช่วย   ก็จะช่วยจำกัดความเสี่ยงไปได้เยอะครับ