คิดอย่างไรกับกลยุทธการลงทุนแบบนี้กันบ้างครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 05, 2006 7:27 am
จากห้องสินธร เวบพันธ์ทิพย์ ครับ
1. ความคิดเห็นนี้เหมาะสำหรับบุคคลไม่มีความรู้เรื่องหุ้น ไม่เหมาะพวกเก็งกำไรหรือนักพนัน อย่างไรก็ตามต้องศึกษาค้นคว้าว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นไปได้หรือเปล่า อย่าเชื่อแบบไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เชื่อคนง่ายจะทำให้เราเสียหายง่ายๆเช่นกัน ต้องเชื่อตัวเอง
2. จากประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดมาก็หลายปี หุ้นยังเป็นแหล่งสะสมทรัพย์ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เงินที่จะมาลงไม่ต้องมากปันมาเพียง 10,000 หรือ 20,000 หรือ ฯลฯ ต้องไม่เกิน 50,000 บาทที่ไม่ทำให้เครียดต่อการขึ้นลงของราคาหุ้น
3. อย่าคิดยึดเล่นหุ้นเป็นอาชีพหลัก หางานทำเป็นหลักฐานของตัวคุณเองและครอบครัว อนาคตคุณอยู่ที่งาน ในขณะเดียวกันหุ้นเล่นได้ควรเล่นเป็นการสะสมออมเงิน ไม่ต้องไปมักมุนกับมันขอเวลาเพียง 5-10 นาทีต่อวันดูข่าวในหนังสือพิมพ์
4. ก่อนเล่น(เพื่อความสบายใจ) คุณต้องศึกษาค้นคว้าหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ เช่นว่า asp, cns, kest, zmico ว่ามีฐานะการเงินศักย์ภาพจ่ายปันผล หุ้นเหล่านี้จะขึ้นลงตามตลาดปริมาณซื้อขายแต่ละวัน ในอดีตผลต่างราคาหุ้นระหว่าง low/high ไม่ต่ำกว่า 30% ต้องค้นคว้าดูประวัติในอดีตได้ว่าจุด low และ high ตอนนั้นวอลลุ่มซื้อขาย(จำนวนเงินต่อวัน)เท่าไร หลังศึกษาท่านจะพบว่าราคาขึ้นหรือลงของบริษัทเหล่านี้จะเป็นไปตามปริมาณซื้อขายแต่ละวัน
(4.a) ถ้าปริมาณซื้อขายถดทอยน้อยลง ราคาก็จะซึมๆลงไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เป็นขาลง;
(4.b) เช่นเดียวกันกับขาขึ้นราคาก็ขึ้นตามปริมาณซื้อขาย
5. หลังจากได้ทำการบ้านย้อนหลัง 3 ปี พอที่จะหาจุดซื้อซึ่งอาจไม่ใช่จุดต่ำสุด (เทวดาก็ไม่รู้) ถึงจะลงต่ำอีกก็ไม่มาก ซื้อแล้วอยู่เฉยดูหนังสือพิมพ์ที่มีการรายงานหุ้นว่าปริมาณซื้อขายเท่าไร ระหว่างรออย่าไปได้ตื่นเต้นกับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่ซื้อไว้
(5.a) ถ้าราคาขึ้นมาได้เท่าตัวขาย อย่าไปฟังนักวิเคราะห์ว่าดัชนีจะไปเท่านั้นเท่านี้ อีกนั้นและถ้าราคาหุ้นจะไปต่ออย่าเสียใจ เพราะเราได้ประสพความสำเร็จ goal ของเรา;
(5.b) เอาเงินเข้าแบงค์ไม่ซื้อหุ้นเด็ดขาด;
(5.c) ใจเย็นรอด้วยความอดทน ทำงานทำการของท่านอย่างดีเพื่อความเจริญก้าวหน้าของท่าน รอวันซื้อต่อเมื่อวอลลุ่มซื้อขายลงมาที่เป้าตั้งไว้แต่ต้น ขออย่างเดียวพอถึงเวลาเป้าหมายท่านต้องกล้าๆซื้อไม่ต้องไปวิตกต่อข่าวร้ายต่างๆซึ่งจะมีเข้ามาทำให้ท่านกลัวอย่างมากมาย ขอย้ำใจกล้าๆซื้อแล้วรอขายตามเป้า
6. จุดซื้อจุดขาย
7. จากประสบการณ์ในอดีต วอลลุ่มต่ำสุดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทตอนเศรษฐกิจฟองสะบู่ เนื่องจาก market caps ใหญ่ขึ้นมาร่วมล้านล้านบาทโอกาศที่จะเห็น 1,000 ล้านบาทย่อมเป็นไปค่อนข้างยาก คิดว่าจุดซื้อ 6,000-7,000 ล้านบาทแต่ต้องอยู่ในเงือนไขวอลลุ่มค่อยๆซึมลงๆเป็นเดือนๆและผู้คนจะออกมาแสดงความเห็นเบื่อหน่ายกระทู้ที่ว่าเซียนจะหดหายไป ท่านจะต้องสังเกตจากการติดตามปริมาณซื้อขายแต่ละวัน ท่านควรเก็บสถิติความเคลื่อนไหวใน excel ประกอบไปด้วย column:
(1) Date; (2) SET; (3) Volume; (4) ASP; (5) CNS; (6) KEST; & (7) ZMICO
Column (1) & (2) ไม่มี column ย่อยตัวเลขปิดสิ้นสุดของแต่ละวันของ ดัชนีและปริมาณซื้อขาย
Column (2) - (7) ใต้มี column ย่อยเก็บราคาหุ้น (a) High; (b) Low; (c) Close ของแต่ละวัน
เสียเวลาวันละไม่กี่นาทีท่านก็จะค่อยๆเข้าลึกถึงตัวหุ้นเหล่านี้ ส่งผลให้ท่านมีความเชื่อหมั่นถึงความเป็นไปได้ขนาดไหน จุดขายอยู่ที่ว่าถึงเป้ากำไรเท่าตัวขายลูกเดียว
8. สะสมออกทรัพย์
9. การเล่นหุ้นเป็นการเสี่ยงตลอดเวลา แต่วิธีว่านี้เป็นการสะสมออมทรัพย์ ความเสี่ยงแทบไม่มี อยากให้ท่านเล่นแบบสบายๆไม่เครียดมาเป็นห่วงกับมันตลอดเวลา ท่านคิดว่าเงินจำนวน 10,000 ถึง 50,000 บาทที่สามารถปันมาเล่นหุ้น เราอยากทำเงินเราเป็นเงินล้านๆ นั้นหมายถึงว่าท่านต้องไม่แตะต้องเงินจำนี้เป็นสิบปีขึ้นไป ระหว่างนี้ไม่เอาไปใช้อย่างอื่นนอกจากลงทุนในหุ้น มาลองคำนวนเล่นๆว่าเงินท่าน(50,000)จะพอกพูนขึ้นเท่าไรในสิบปีข้างหน้า สมมติว่าท่านจะซื้อขาย 3 รอบ หรือ 6 ครั้งใน 2 ปี จะซื้อขายเพียปีละ 3 ครั้ง ด้วยเป้ากำไร 30% ข้อ 3 ด้วยเงิน 30,000 บาท ถ้าสามารถทำได้เงินจะพอกพูนขึ้นตามนี้
ปี 1 รอบ 1/1 ซื้อ 30,000 บาท
1/2 ขาย (+30%) 39,000 บาท
2/1 ซื้อ 39,000
ปี 2 รอบ 2/2 ขาย (+30%) 50,700
3/1 ซื้อ 50,700
3/2 ขาย (+30%) 65,910
ปี 3 รอบ 4/1 ซื้อ 65,910
4/2 ขาย (+30%) 85,680
5/1 ซื้อ 85,680
ปี 4 รอบ 5/2 ขาย (+30%) 111,380
6/1 ซื้อ 111,380
6/2 ขาย (+30%) 144,800
ให้คำนวนต่อตามเวลาที่ต้องการ หรือ เอาจำนวนปีที่ต้องการเงินจำนวนมากเพื่อการศึกษาลูก คำนวนออกมาแล้วจะเป็นเงินก้อนใหญ่ซึ่งสิ่งใฝ่ฝันต้องการอย่ายิ่งยวด มันอาจเป็นความฝันที่ไม่เกินความจริง ที่จะบรรลุเป้าหมายได้
10. จุดจบกลางคัน
ขอย้ำวิธีดังกล่าวเป็นการสะสมทรัพย์ค่อยเป็นค่อยไป มีความอดทนไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้น ท่านเริ่มต้นด้วยเงินเท่าไรก็ให้เป็นเท่านั้น ข้อสำคัญไม่มีการเพิ่มเงินอย่างเด็ดขาด ถ้าทำจะทำให้ไม่เป็นอันกินอันนอนมีความวิตกกังวลเงินท่าน จิตใจจะจดจ่ออยู่กับหุ้นตลอดเวลาไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ถึงตอนนั้นท่านได้เปลี่ยนตัวท่านมาเป็นนักพนันเต็มรูปแบบ ท้ายสุดจะเสียงานและเป็นจุดจบในการลงทุนในหุ้น ฉะนั้นสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวเราเองแต่ผู้เดียว
11. กรุงโรมใช่ว่าสร้างวันเดียวเสร็จ เราคิดใหญ่ที่จะให้เงินหมื่นเป็นเงินล้านต้องใช้เวลา อดทน ใจเย็นๆ
12. ขอให้ จขกท นั่งคิดดีๆว่ามีอะไรที่จะเสียหรือไม่ ถ้าวอลลุ่มลงมาไม่ถึงเป้าท่านก็ไม่ซื้อเงินก็ยังอยู่ในกระเป้าท่าน หลังขายอยู่เฉยๆไม่ซื้ออย่างเด็ดขาด ท่านก็ไม่ติดหุ้น หุ้นลงมาที่เป้าเงินอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์พร้อมที่จะซื้อ ท่านไม่มีอะไรจะเสียมีแต่ได้อย่างเดียว
13. ขอให้โชคดี
_______________________________________________
มันจะจริงเร้ออออ
1. ความคิดเห็นนี้เหมาะสำหรับบุคคลไม่มีความรู้เรื่องหุ้น ไม่เหมาะพวกเก็งกำไรหรือนักพนัน อย่างไรก็ตามต้องศึกษาค้นคว้าว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นไปได้หรือเปล่า อย่าเชื่อแบบไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เชื่อคนง่ายจะทำให้เราเสียหายง่ายๆเช่นกัน ต้องเชื่อตัวเอง
2. จากประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดมาก็หลายปี หุ้นยังเป็นแหล่งสะสมทรัพย์ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เงินที่จะมาลงไม่ต้องมากปันมาเพียง 10,000 หรือ 20,000 หรือ ฯลฯ ต้องไม่เกิน 50,000 บาทที่ไม่ทำให้เครียดต่อการขึ้นลงของราคาหุ้น
3. อย่าคิดยึดเล่นหุ้นเป็นอาชีพหลัก หางานทำเป็นหลักฐานของตัวคุณเองและครอบครัว อนาคตคุณอยู่ที่งาน ในขณะเดียวกันหุ้นเล่นได้ควรเล่นเป็นการสะสมออมเงิน ไม่ต้องไปมักมุนกับมันขอเวลาเพียง 5-10 นาทีต่อวันดูข่าวในหนังสือพิมพ์
4. ก่อนเล่น(เพื่อความสบายใจ) คุณต้องศึกษาค้นคว้าหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ เช่นว่า asp, cns, kest, zmico ว่ามีฐานะการเงินศักย์ภาพจ่ายปันผล หุ้นเหล่านี้จะขึ้นลงตามตลาดปริมาณซื้อขายแต่ละวัน ในอดีตผลต่างราคาหุ้นระหว่าง low/high ไม่ต่ำกว่า 30% ต้องค้นคว้าดูประวัติในอดีตได้ว่าจุด low และ high ตอนนั้นวอลลุ่มซื้อขาย(จำนวนเงินต่อวัน)เท่าไร หลังศึกษาท่านจะพบว่าราคาขึ้นหรือลงของบริษัทเหล่านี้จะเป็นไปตามปริมาณซื้อขายแต่ละวัน
(4.a) ถ้าปริมาณซื้อขายถดทอยน้อยลง ราคาก็จะซึมๆลงไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เป็นขาลง;
(4.b) เช่นเดียวกันกับขาขึ้นราคาก็ขึ้นตามปริมาณซื้อขาย
5. หลังจากได้ทำการบ้านย้อนหลัง 3 ปี พอที่จะหาจุดซื้อซึ่งอาจไม่ใช่จุดต่ำสุด (เทวดาก็ไม่รู้) ถึงจะลงต่ำอีกก็ไม่มาก ซื้อแล้วอยู่เฉยดูหนังสือพิมพ์ที่มีการรายงานหุ้นว่าปริมาณซื้อขายเท่าไร ระหว่างรออย่าไปได้ตื่นเต้นกับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่ซื้อไว้
(5.a) ถ้าราคาขึ้นมาได้เท่าตัวขาย อย่าไปฟังนักวิเคราะห์ว่าดัชนีจะไปเท่านั้นเท่านี้ อีกนั้นและถ้าราคาหุ้นจะไปต่ออย่าเสียใจ เพราะเราได้ประสพความสำเร็จ goal ของเรา;
(5.b) เอาเงินเข้าแบงค์ไม่ซื้อหุ้นเด็ดขาด;
(5.c) ใจเย็นรอด้วยความอดทน ทำงานทำการของท่านอย่างดีเพื่อความเจริญก้าวหน้าของท่าน รอวันซื้อต่อเมื่อวอลลุ่มซื้อขายลงมาที่เป้าตั้งไว้แต่ต้น ขออย่างเดียวพอถึงเวลาเป้าหมายท่านต้องกล้าๆซื้อไม่ต้องไปวิตกต่อข่าวร้ายต่างๆซึ่งจะมีเข้ามาทำให้ท่านกลัวอย่างมากมาย ขอย้ำใจกล้าๆซื้อแล้วรอขายตามเป้า
6. จุดซื้อจุดขาย
7. จากประสบการณ์ในอดีต วอลลุ่มต่ำสุดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทตอนเศรษฐกิจฟองสะบู่ เนื่องจาก market caps ใหญ่ขึ้นมาร่วมล้านล้านบาทโอกาศที่จะเห็น 1,000 ล้านบาทย่อมเป็นไปค่อนข้างยาก คิดว่าจุดซื้อ 6,000-7,000 ล้านบาทแต่ต้องอยู่ในเงือนไขวอลลุ่มค่อยๆซึมลงๆเป็นเดือนๆและผู้คนจะออกมาแสดงความเห็นเบื่อหน่ายกระทู้ที่ว่าเซียนจะหดหายไป ท่านจะต้องสังเกตจากการติดตามปริมาณซื้อขายแต่ละวัน ท่านควรเก็บสถิติความเคลื่อนไหวใน excel ประกอบไปด้วย column:
(1) Date; (2) SET; (3) Volume; (4) ASP; (5) CNS; (6) KEST; & (7) ZMICO
Column (1) & (2) ไม่มี column ย่อยตัวเลขปิดสิ้นสุดของแต่ละวันของ ดัชนีและปริมาณซื้อขาย
Column (2) - (7) ใต้มี column ย่อยเก็บราคาหุ้น (a) High; (b) Low; (c) Close ของแต่ละวัน
เสียเวลาวันละไม่กี่นาทีท่านก็จะค่อยๆเข้าลึกถึงตัวหุ้นเหล่านี้ ส่งผลให้ท่านมีความเชื่อหมั่นถึงความเป็นไปได้ขนาดไหน จุดขายอยู่ที่ว่าถึงเป้ากำไรเท่าตัวขายลูกเดียว
8. สะสมออกทรัพย์
9. การเล่นหุ้นเป็นการเสี่ยงตลอดเวลา แต่วิธีว่านี้เป็นการสะสมออมทรัพย์ ความเสี่ยงแทบไม่มี อยากให้ท่านเล่นแบบสบายๆไม่เครียดมาเป็นห่วงกับมันตลอดเวลา ท่านคิดว่าเงินจำนวน 10,000 ถึง 50,000 บาทที่สามารถปันมาเล่นหุ้น เราอยากทำเงินเราเป็นเงินล้านๆ นั้นหมายถึงว่าท่านต้องไม่แตะต้องเงินจำนี้เป็นสิบปีขึ้นไป ระหว่างนี้ไม่เอาไปใช้อย่างอื่นนอกจากลงทุนในหุ้น มาลองคำนวนเล่นๆว่าเงินท่าน(50,000)จะพอกพูนขึ้นเท่าไรในสิบปีข้างหน้า สมมติว่าท่านจะซื้อขาย 3 รอบ หรือ 6 ครั้งใน 2 ปี จะซื้อขายเพียปีละ 3 ครั้ง ด้วยเป้ากำไร 30% ข้อ 3 ด้วยเงิน 30,000 บาท ถ้าสามารถทำได้เงินจะพอกพูนขึ้นตามนี้
ปี 1 รอบ 1/1 ซื้อ 30,000 บาท
1/2 ขาย (+30%) 39,000 บาท
2/1 ซื้อ 39,000
ปี 2 รอบ 2/2 ขาย (+30%) 50,700
3/1 ซื้อ 50,700
3/2 ขาย (+30%) 65,910
ปี 3 รอบ 4/1 ซื้อ 65,910
4/2 ขาย (+30%) 85,680
5/1 ซื้อ 85,680
ปี 4 รอบ 5/2 ขาย (+30%) 111,380
6/1 ซื้อ 111,380
6/2 ขาย (+30%) 144,800
ให้คำนวนต่อตามเวลาที่ต้องการ หรือ เอาจำนวนปีที่ต้องการเงินจำนวนมากเพื่อการศึกษาลูก คำนวนออกมาแล้วจะเป็นเงินก้อนใหญ่ซึ่งสิ่งใฝ่ฝันต้องการอย่ายิ่งยวด มันอาจเป็นความฝันที่ไม่เกินความจริง ที่จะบรรลุเป้าหมายได้
10. จุดจบกลางคัน
ขอย้ำวิธีดังกล่าวเป็นการสะสมทรัพย์ค่อยเป็นค่อยไป มีความอดทนไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้น ท่านเริ่มต้นด้วยเงินเท่าไรก็ให้เป็นเท่านั้น ข้อสำคัญไม่มีการเพิ่มเงินอย่างเด็ดขาด ถ้าทำจะทำให้ไม่เป็นอันกินอันนอนมีความวิตกกังวลเงินท่าน จิตใจจะจดจ่ออยู่กับหุ้นตลอดเวลาไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ถึงตอนนั้นท่านได้เปลี่ยนตัวท่านมาเป็นนักพนันเต็มรูปแบบ ท้ายสุดจะเสียงานและเป็นจุดจบในการลงทุนในหุ้น ฉะนั้นสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวเราเองแต่ผู้เดียว
11. กรุงโรมใช่ว่าสร้างวันเดียวเสร็จ เราคิดใหญ่ที่จะให้เงินหมื่นเป็นเงินล้านต้องใช้เวลา อดทน ใจเย็นๆ
12. ขอให้ จขกท นั่งคิดดีๆว่ามีอะไรที่จะเสียหรือไม่ ถ้าวอลลุ่มลงมาไม่ถึงเป้าท่านก็ไม่ซื้อเงินก็ยังอยู่ในกระเป้าท่าน หลังขายอยู่เฉยๆไม่ซื้ออย่างเด็ดขาด ท่านก็ไม่ติดหุ้น หุ้นลงมาที่เป้าเงินอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์พร้อมที่จะซื้อ ท่านไม่มีอะไรจะเสียมีแต่ได้อย่างเดียว
13. ขอให้โชคดี
_______________________________________________
มันจะจริงเร้ออออ