Thai VI

ผู้แต่งคือ Martin J. Whitman ผู้เขียนเรื่อง The Aggressive Conservative Value Investor

ผู้เขียนได้อธิบายความหมายของ Value Investing ในแง่มุมที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยและในบางครั้งเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์จะแตกต่างไปจากวิธีของ Graham & Dodd และ ทฤษฎี EMH (Efficient Market Hypothesis), EPT (Efficient Portfolio Theory) และ MCT (Modern Capital Theory) นอกจากนี้ผู้เขียนยังแสดงให้เห็นถึงตัวละครต่างๆที่เข้ามามีบทบาทเกี่ยวกับเรื่อง Valuation เช่น ผู้ที่ต้องการมีอำนาจบริหารในบริษัท ผู้ปล่อยกู้ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ไม่มีอำนาจในการบริหาร (Outside Passive Minority Investor, OPMI)

มุมมองต่อบริษัทนอกจากจะมองในแง่ของ Going-Concern แล้ว ผู้เขียนยังมองถึงเรื่อง Asset Conversion, Work-out, etc.

ผมซื้อจากร้าน Kinokuniya สาขาสยามพารากอน ราคา 1,086 บาทครับ

อ่านหนังสือเยอะดีจัง ไว้วันหลังแลกกันอ่านบ้างไหมครับ ประหยัดตังค์ดี ผมชอบซื้อจาก Amazon แต่รวมๆ ซื้อทีเดียวหลายเล่มเพื่อประหยัดค่าส่ง ไว้วันหลังจะเอารายชื่อมาให้ดูว่าผมมีเล่มไหนบ้างเผื่อคุณ offshore สนใจเล่มไหนจะได้แลกกันอ่าน

ขอบคุณมากครับคุณสุมาอี้สำหรับน้ำใจ เดี๋ยวผมจะไปทำสรุปรายชื่อหนังสือที่ผมมีบ้างแล้วจะส่งไปให้ครับคุณสุมาอี้ ผมเคยคิดเล่นๆว่าผมน่าจะเปิดห้องสมุดเกี่ยวกับการลงทุนแนวเน้นคุณค่า มีนิตยสารเมืองนอกหลายๆเล่ม เช่น Economist, Fortune, etc. มีมุมกาแฟสำหรับสนทนา มีมุมคอมพิวเตอร์ที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับบริษัทที่สนใจ ผมว่าห้องสมุดมารวยน่าจะมีครบแต่ขาดเพียงที่นั่งส่วนตัวสำหรับสนทนา

หลายๆเล่มที่ผมอ่านไม่จบเพราะความพยายามไม่พอ อย่าง The Aggressive Conservative Investor นั้นอย่างอ่านไม่ถึงครึ่งเลยครับ ยากมากๆครับสำหรับผมซึ่งไม่มีพื้นฐานทางด้านการเงิน ส่วนเล่มนี้ที่ซื้อเพราะว่าเป็นหนังสือที่แต่งขึ้นโดยผู้เขียนคนเดียวกันคือ MJ Whitman ในปี 1997 ซึ่งผมคิดว่าเนื้อหาในหนังสือคงไม่ต่างจากเล่มแรกแต่น่าจะมีตัวอย่างที่ update ล่าสุด

ในบทแรกของหนังสือเล่มนี้ยกตัวอย่างบริษัท Toyoda Automatic Loom Work Ltd ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ว่าเป็นบริษัทที่สามารถซื้อได้โดยมี discount อยู่ประมาณ 35%-40% เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าตลาดของหลักทรัพย์ที่ Toyoda ถืออยู่ โดยตัวหลักๆ ก็คือ Toyota

(อย่างนี้ Thai Rayon จะเข้าข่ายบ้างไหมหนอ เพราะถือหุ้นอยู่ใน Thai Carbon Black ประมาณ 25% (ประมาณ 75 ล้านหุ้น) ถ้าคิดที่ราคาปิดของ TCB ที่ 22 บาท ก็เท่ากับ มูลค่าของ TCB ที่ Thai Rayon ถืออยู่มีมูลค่าประมาณ 1,650 ล้านบาท แต่ว่ามูลค่าลงทุนที่บันทึกไว้ในบัญชีอยู่ที่ประมาณ 1,300 ล้านบาท Premium ไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่)

offshore-engineer เขียน:ผมเคยคิดเล่นๆว่าผมน่าจะเปิดห้องสมุดเกี่ยวกับการลงทุนแนวเน้นคุณค่า มีนิตยสารเมืองนอกหลายๆเล่ม เช่น Economist, Fortune, etc. มีมุมกาแฟสำหรับสนทนา มีมุมคอมพิวเตอร์ที่เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับบริษัทที่สนใจ ผมว่าห้องสมุดมารวยน่าจะมีครบแต่ขาดเพียงที่นั่งส่วนตัวสำหรับสนทนา

ผมก็เคยคิดครับ แต่ผมไม่มีทุนเลยไม่ได้ทำ

offshore-engineer เขียน:  ผมว่าห้องสมุดมารวยน่าจะมีครบแต่ขาดเพียงที่นั่งส่วนตัวสำหรับสนทนา

WANT เหมือนกันครับ โดน! โดน! แต่ขอเป็นเก้าอี้ LAZ-BOY และสามารถสั่งเครื่องดื่มให้มาเสิร์ฟได้

เอาไว้ถ้าร่ำรวยจากตลาดหุ้นอาจจะบริจาคเงินส่วนหนึ่งตั้งเป็นองค์กรสร้างห้องสมุดเจ็งๆ สักอัน  :D

[quote="สุมาอี้"][quote="offshore-engineer"]

Whitman เขียนหนังสืออ่านค่อนข้างยากครับ แถมชอบใช้คำศัพท์ไม่เหมือนคนอื่น แต่คนระดับนี้เขียน ไม่มีไว้ มันก็ไงไงอยู่  ผมเองก็มีหนังสือการลงทุนกับหนังสือธุรกิจเยอะพอสมควร สุดท้ายก็คงต้องบริจาคให้ห้องสมุดครับ

น่าสนใจครับ ถ้าผมหาสถานที่ได้ละ เอาไหม?

สนใจครับคุณมน ผมยินดีช่วยเต็มที่เลยครับ

offshore-engineer เขียน:
BH และ PTTEP น่าจะทำให้ร่ำรวยขึ้นอักโขอยู่นะครับ

แต่เรื่องห้องสมุดนี่ผมอยากจะเปิดจริงๆนะครับ

ถ้าไม่ได้ข้อมูลเรื่อง output จากคุณ offshore-engineer ผมคงเริ่มต้นไม่ถูกและคงไม่กล้าตัดสินใจซื้อ PTTEP ครับ ขอบคุณมาก  :D


เคยอยากเปิดร้านหนังสือแบบ Barnes&Noble ครับ มีหนังสือเยอะๆ มีโซฟาให้นั่งอ่านได้ทั้งวัน มีร้านกาแฟ แอร์เย็นๆ แต่ศึกษาแล้วตลาดหนังสือไทยทำได้ยากครับ

ถ้าเป็นรูปแบบร้านหนังสือจะดีครับ เพราะมันมีรายได้เลี้ยงตัวของมันเองได้ ถ้าเป็นห้องสมุดคงต้องหาเงินบริจาคอย่างเดียว

Mon money เขียน:น่าสนใจครับ ถ้าผมหาสถานที่ได้ละ เอาไหม?

ขอผมด้วยคนนะค้าบ ถ้าได้ทำ ยินดีทำสุดฝีมือ

บทนี้ Whitman สรุปได้อย่างค่อนข้างดีเลยครับเกี่ยวกับปัญหาที่ Analyst พบในกระบวนการหามูลค่าของบริษัทที่จะลงทุน

Whitman ชี้ให้เห็นว่า Analyst โดยมากมักจะให้ความสำคัญไปกับการทำนาย รายได้หรือผลกำไรในช่วงระยะสั้น โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆเท่าที่ควร

ปัจจัยที่ Whitman ให้น้ำหนักคือ NAV ของบริษัท

ผมไปสอยจากkino มาเล่มนึงเหมือนกันครับพี่ แต่ยังไม่ได้เริ่มอ่านเลย

เรื่องห้องสมุดviแค่คิดก็เยี่ยมแล้วครับ เห็นราคาหนังสือmargin of safety ของSeth A. Klarman แล้วหนาวเลย ไม่มีปัญญาซื้อ

ถ้าเป็นห้องสมุดคนที่มีเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผม คงประหยัดตังค์และได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย

ถ้าจะเริ่มต้นจากเล็กๆ ไปก่อน ก็อาจจะเอาหนังสือมากองรวมกันไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกันยืมด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้นะครับ เรื่องห้องสมุดค่อยเอาไว้เป็น Phase 2 ต่อไป

ความคิดดีเยี่ยม
แต่ว่าตอนนี้ยืมที่มารวยกันไปก่อนล่ะกัน
หนังสือดีๆๆที่นั้นเพียบเลยอ่ะ
ตอนนี้ไปนั่งอ่านนิยายจีนอยู่เลยอ่ะ (ดาบมังกรหยก)

ห้องสมุดมารวยทำได้ดีมาก เงิน subsidy หนาคงทำสู้เขายาก ใช้ของเขาไปก่อนล่ะกัน  :D

สุมาอี้ เขียน:

เคยอยากเปิดร้านหนังสือแบบ Barnes&Noble ครับ มีหนังสือเยอะๆ มีโซฟาให้นั่งอ่านได้ทั้งวัน มีร้านกาแฟ แอร์เย็นๆ

** ชอบร้านนี้เหมือนกัน  เคยเข้าไปตั้งแต่เช้าออกมาก็ค่ำแล้ว ลืมหมดทุกอย่าง    **