หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 25, 2005 9:49 pm
โดย CEO
ดร นิเวศน์เห็นว่าการซื้อบ้านนั้เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า ท่านจึงอยู่บ้านหลังเล็กๆ มีห้องเดียว

แต่ ดร สุวรรณ ชอบเชียร์ให้คนซื้อบ้านฃเพราะท่านว่าบ้านมีแต่จะขึ้นราคา ต้องซื้อต้องมี ไม่มีเงินก็จำเป็นต้องกู้ ซื้อแบบผ่อนเอา

แล้วพวกเรามีความเห็นแบบไหนบ้างครับ

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 25, 2005 10:21 pm
โดย big15096
ผมว่าทั้งการลงทุนกับบ้าน หรือหุ้น ถ้าเราศึกษาอย่างถูกต้องเเล้ว ก็ให้ผลประโยชน์ที่คุ่มค่า เหมือนกันนะครับ

ผมคิดว่า ดร นิเวศน์ กับ ดร สุวรรณ  ท่านทั้งสองเเค่คงจะถนัดลงทุน คนละเเบบนะครับ

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 25, 2005 10:39 pm
โดย chatchai
ทั้งบ้านและหุ้น  มีทั้งกำไรและขาดทุนครับ  คงขึ้นอยู่กับความรู้และความสามารถของแต่ละคนครับ

แต่หุ้นคงลงทุนได้ง่ายกว่า  (เพราะใช้เงินน้อยกว่า)  และมีสภาพคล่องมากกว่า

หุ้นของแต่ละบริษัทก็มีสิทธิเหมือนกันทุกประการ  แต่ที่ดินไม่มีเหมือนกันเลยนะครับ  ถึงแม้จะแปลงติดกัน  หรือตรงข้ามกัน

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 25, 2005 11:42 pm
โดย harry
ลงทุนบ้าน ซื้อมาแล้วปล่อยเช่า

หรือซื้อบ้านเพื่ออยู่เองครับ

ผมยังไม่มีบ้านที่เป็นของตัวเอง ถ้าอายุมากขึ้นมีเงินก็จะซื้อบ้าน แต่คงไม่เอาหลังใหญ่ๆให้จ่ายมากจนเครียดครับ

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 26, 2005 12:02 am
โดย drchatri
ผมว่านกน้อยควรสร้างรังแต่พอตัวครับ ลองคิดดูว่าถ้าเรามีบ้านที่เราก็ไม่ค่อยได้อยู่หลังใหญ่ๆ จะลำบากแค่ไหน อย่างตอนนี้ผมกับภรรยาลูกหนึ่ง อยู่บ้านเดี่ยวบนที่ดินขนาด 50 ตรว.ก็ถือว่าโอเคครับผมกะว่าใช้เวลาผ่อนแค่ 2ปี ซึ่งปีหน้าผมก็จะผ่อนหมดแล้วครับ ซึ่งตอนแรกผมยังอยากได้ทาวเฮาน์ด้วยซ้ำไป เพราะเห็นว่าซื้องายขายคล่อง หากต้องเปลี่ยนงานย้ายที่อยู่ก็ขายหรือปล่อยให้เช่าง่าย แต่บังเอิญมาเจอหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยวขนาดเล็ก ราคาแพงกว่านิดหน่อยและอยู่สบายกว่าก็เลยเอา ซึ่งจริงๆแล้วถ้าคำนวนกันตามสูตรที่เขาอ้างให้คำนวนจากเงินเดือนว่าจะสามารถซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ผมสามารถซื้อได้เป็นหลักสิบล้าน ซึ่งผมนึกไม่ออกว่าจะเอาเงินไปจมอยู่กับบ้านทำไม ลำพังตอนนี้ขนาดบ้านหลังเล็กผมยังหาคนทำความสะอาดดูแลตัดหญ้า ระวังมดปลวก การซ่อมบำรุงฯลฯ ปวดหัวครับ สู้เอากระแสเงินสด ที่จะมาผ่อนบ้านอีกตั้งหลายปีมาลงทุนในหุ้นแบบเน้นคุณค่าไม่ได้ (เรายังอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัวหน่ะครับ ส่วนใหญ่เวลาจะหมดไปกับงานกับการหาข้อมูลในการลงทุน ไว้เงินเรางอกเงยค่อยมาว่ากัน) โดยอาจนำเงินปันผลจากหุ้นไปผ่อนบ้านหรืออสังหา ให้เขาเช่าจะดีกว่ามานั่งทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินไปผ่อนบ้านหลังใหญ่ๆที่ไม่รู้ว่าจะได้เป็นของเราจริงๆรึเปล่า ผมว่ามัวแต่ผ่อนบ้านจะกลายเป็นจำกัดโอกาสในการลงทุนของเรา
(ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ) :lol:

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 26, 2005 8:49 am
โดย Linzhi
ผมว่าในมุมมองดร.สุวรรณ ส่วนหนึ่งคือแกมีความสุขกับบ้านครับ เพราะแกทำงานที่บ้าน กินข้าวที่บ้านทั้งสัปดาห์ ดังนั้นแกจึงลงทุนเยอะในบ้าน คนที่รักบ้านจะรู้ว่าการที่มีสวนใหญ่ ๆ ไว้พักผ่อนกลางเมืองมีความสุขแค่ไหน

ส่วนเรื่องการลงทุนเป็นผลพลอยได้ที่แกบอกว่าคุ้มค่ากว่าที่คิดมาก ๆ

ดร.นิเวศน์ก็มีอีกมุมมองนึง ที่อาจจะต่างกันบ้าง

ดังนั้นผมว่าขึ้นอยู่กับการ weight ว่าความสุขของท่านคืออะไร และท่านมีการวางแผนยังไงครับ

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 26, 2005 9:05 am
โดย woody
Linzhi เขียน:ผมว่าในมุมมองดร.สุวรรณ ส่วนหนึ่งคือแกมีความสุขกับบ้านครับ เพราะแกทำงานที่บ้าน กินข้าวที่บ้านทั้งสัปดาห์ ดังนั้นแกจึงลงทุนเยอะในบ้าน คนที่รักบ้านจะรู้ว่าการที่มีสวนใหญ่ ๆ ไว้พักผ่อนกลางเมืองมีความสุขแค่ไหน

ส่วนเรื่องการลงทุนเป็นผลพลอยได้ที่แกบอกว่าคุ้มค่ากว่าที่คิดมาก ๆ

ดร.นิเวศน์ก็มีอีกมุมมองนึง ที่อาจจะต่างกันบ้าง

ดังนั้นผมว่าขึ้นอยู่กับการ weight ว่าความสุขของท่านคืออะไร และท่านมีการวางแผนยังไงครับ
:cool:

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 26, 2005 9:40 am
โดย sunrise
ในมุมมองของผม บ้านเป็นทรัพสินที่เพิ่มค่าครับ ถ้าถือเป็น 10 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่กำไรน่าจะเกิน 95%
แต่ว่าสภาพคล่องไม่มี
บ้านมี value added ด้วยครับ อยู่แล้วสุขใจ
และก็คิดว่าเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นเยอะครับ

ถ้ามาดูกันจริงๆ คนที่กำไรเป็นหุ้นเป็นกอบเป็นกำ คงมีน้อยกว่าคนที่กำไรบ้าน หลายร้อย หลายพันเท่าครับ

ส่วนวิธีจักพอร์ตทรัพสิน อันนี้แล้วแต่คนมองครับ

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 26, 2005 9:45 am
โดย MO101
มองได้สองแบบ คือ บ้านเป็นค่าใช้จ่าย และบ้านเป็นการลงทุนครับ
ในกรณี บ้านเป็นค่าใช้จ่ายคือเมื่อซื้อบ้านใหญ่ขึ้นต้องมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น
จึงควรซื้อบ้านหลังเล็กๆ เอาแค่พออยู่
ส่วนบ้านเป็นการลงทุน ข้อดีคือกู้มาซื้อได้ครับ ทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้นไปด้วย แลที่สำคัญ ลดภาษีได้ จึงควรซื้อบ้านให้มีที่ดินมากๆเข้าไว้

ผิดถูกประการใดเชิญชี้แนะได้ครับ

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 26, 2005 10:11 am
โดย ลูกอิสาน
ดร.นิเวศน์ ท่านไม่ได้บอกว่าไม่ควรซื้อบ้านนะครับ แต่บอกว่าไม่ควรซื้อบ้านใหญ่โต เกินตัว เกินฐานะไปมาก ทำให้ต้องผ่อนนาน ไม่เหลือเงินไปลงทุน


ส่วน ดร.สุวรรณ ท่านเห็นด้วยกับการซื้อบ้าน ส่วนหนึ่งเพราะท่านมีประสบการณ์จริงที่เกิดกับท่าน แต่อย่าลืมไปว่า ท่านอาจจะโชคดี เพราะไปซื้อบ้านในบริเวณที่ต่อมาเจริญที่สุดในประเทศ (สุขุมวิท) ทำให้ที่ดินที่ท่านปลูกบ้านมีราคาเพิ่มขึ้นมหาศาล

ส่วนผม ขอตามท่าน ดร.นิเวศน์ดีกว่าครับ เพราะปกติบ้านเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นะครับ (แต่เกิดรายจ่าย :evil: )  ซื้อหลังเล็กๆ พอซุกหัวนอน อบอุ่นดี และถ้าให้ดีไม่ต้องซื้อบ้านเลย อยู่บ้านหลวง  :lovl:  :lovl:

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 26, 2005 12:12 pm
โดย tt
บ้านนี่ควรจะซื้อใหญ่ไว้ก่อนแน่นอน แต่ใม่ใช่เกินฐานะมาก
ถ้ายังไม่มีลูกก็ต้องเผื่อมีลูก ถ้ามีลูกก็ต้องเผื่อว่าจะมีกี่คน
เพราะบ้านเมื่อซื้อไปแล้ว ถ้าเล็กเกินไปมันยากนะครับที่จะไปซื้อใหม่อีก
การมีบ้านที่ดี สวยงาม มันเป็นความสุขที่ไม่ใช่ตัวเงินนะครับ
คุณมีที่ให้ลูกเล่นมีความสุขนี่ มันเทียบไม่ได้กับคุณเอาไปลงทุนหรอก
และก็ถ้าจะถามเรื่องหุ้น อย่าไปถาม ดร.สุวรรณ เพราะ ดร.สุวรรณ ไม่เชี่ยว
ชาญเรื่องหุ้น แกจะเก่งเรื่องกฎหมายและภาษีนะครับ

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 26, 2005 7:27 pm
โดย -=spider=-
[quote]ส่วนผม ขอตามท่าน ดร.นิเวศน์ดีกว่าครับ เพราะปกติบ้านเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นะครับ (แต่เกิดรายจ่าย  )  ซื้อหลังเล็กๆ พอซุกหัวนอน อบอุ่นดี และถ้าให้ดีไม่ต้องซื้อบ้านเลย อยู่บ้านหลวง    
[/quote]

ผมเห็นข้าราชการที่เอาแต่อยู่บ้านหลวงมาตลอด  โดยไม่สนใจที่จะซื้อบ้านเอง  พอใกล้เกษียณ หรือเกษียณแล้ว  ล้วนต่างก็เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัย  น่าเสียดายวลาที่มีเงินมีทอง  แต่สุรุ่ยสุร่ายไปวันๆ  ท้ายที่สุดก็ขาดกำลังทรัพย์ที่จะซื้อหาเป็นของคนเอง  น่าเสียดาย

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 26, 2005 7:33 pm
โดย Suysak
ต้องเอาแบบ มังกรโบราณ คุณปู่โกศล สิครับ ผมว่าดีที่สุด คือ
1. ต้องมีเงินฝากประจำ ไว้กินดอก
2. ต้องมีหุ้นปันผล ไว้กินปันผล
และ 3. ต้องมีบ้าน ไว้กินค่าเช่า
3 ข้อนี้ผมท่องขึ้นใจ เลยครับ รู้สึกว่า ท่านพูดถูก ครับ ถ้ามีพร้อมทั้ง 3 อย่างนี้ สบายแน่ๆ

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 27, 2005 12:15 am
โดย drchatri
เห็นด้วยกับคุณ suysukมากๆ

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 27, 2005 10:41 am
โดย ลูกอิสาน
[quote="-=spider=-"][quote]ส่วนผม ขอตามท่าน ดร.นิเวศน์ดีกว่าครับ เพราะปกติบ้านเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้นะครับ (แต่เกิดรายจ่าย

ขออนุญาติครับ ดร นิเวศน์ vs ดร สุวรรณ เรื่องบ้าน

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 27, 2005 12:33 pm
โดย drchatri
เห็นด้วยกับคุณลูกอิสานมากๆ ในช่วงเริ่มก่อร่างสร้างตัวควรอยู่บ้านที่พอเพียงก่อน(แล้วแต่ใครพอเพียงอย่างไร) แล้วควรนำกระแสเงินสดมาลงทุนก่อน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นหนูถีบจักร ไม่ได้เป็นมดงานหน่ะ