หน้า 1 จากทั้งหมด 2
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 01, 2006 10:35 pm
โดย WEB
เพิ่งได้มาวันนี้แต่อ่านจบแล้วครับ หนังสือบอกให้ใช้คอมพิวเตอร์คัดหุ้นที่มี returns on capital และ earnings yield สูงๆ ทยอยซื้อ 20-30 ตัวแล้วถือไว้ประมาณ 1 ปีจากนั้นค่อยปรับพอร์ต Greenblatt ทดสอบย้อนหลังไป 17 ปีพบว่าให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดชัดเจน หนังสือเล่มนี้ hot มากที่อเมริกา ผมว่าน่าจะเป็นเพราะ Greenblatt เป็นนักลงทุนที่มีชื่อเสียง แต่เท่าที่ผมอ่าน ผมว่ามันไม่ค่อยมีอะไรใหม่ โดยเฉพาะกับคนที่เป็น value investor อยู่แล้ว
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.พ. 18, 2006 9:00 am
โดย Glorious Graham
*แนะนำให้มือใหม่อ่านครับ* อ่านง่ายมากๆ ผมว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการปูพื้นด้านความคิดที่ดีเล่มนึง เพราะGreenblatt เขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยเจตนาที่จะอธิบายการลงทุนให้ลูกๆฟัง
หนังสือเล่มนี้ใช้return on capital กับ earnings yield เป็นตัวคัดหุ้นที่จะซื้อ คือเอาหุ้นทั้งหมดมาจัดลำดับrankทั้งสองอัตราส่วน แล้วเอาrankของสองอัตราส่วนมาบวกกันอีกที หุ้นที่เราจะซื้อคือหุ้นที่มีผลรวมของสองลำดับอัตราส่วนต่ำที่สุด ถือไว้ครบหนึ่งปีแล้วขาย
ครั้งแรกที่อ่านจบคิดว่าผลตอบแทนจะสูงอย่างที่หนังสือว่าไว้จริงหรือ ตอนนี้อ่านรอบที่ห้าความคิดสงสัยหายไป ผมกำลังจะลองเปิดอีกพอร์ตแล้วลองใช้วิธีนี้ดู ผลเป็นยังไงจะมาเล่าให้ฟังครับ
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 08, 2006 11:53 am
โดย Rocker
ครับทําไมต้อง ทยอยซื้อถึง20-30ตัวครับ
อย่างงี้ก็อาจเป็นการกระจาย ผลตอบแทนนะสิครับ
ซึ่งขัดกับคําสอนของ buffetที่บอกกว่า
ให้ลงทุนแบบ focusถือหุ้นเพียงไม่กี่ตัว1-5ตัวแต่ให้ลดความเสี่ยงด้วยความรู้
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 10, 2006 9:09 pm
โดย Glorious Graham
ที่ต้องซื้อ20-30ตัว เพราะผลตอบแทนที่อ้างในหนังสือคือค่าเฉลี่ยครับ ไม่ได้focusเป็นตัวๆไป จึงต้องถือ20-30ตัว เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ย
ผมคิดว่าไม่ควรเอาวิธีนี้ไปเทียบกับfocus portfolioครับ เพราะเป้าหมายของผู้เขียน เขียนเพื่อคนที่ไม่มีเวลาและความรู้มากนัก แต่ต้องการลงทุนในหุ้น ผู้เขียนเขียนเพื่อเสนอทางเลือกใหม่ แทนวิธีnet-net stock ของท่านอาจารย์เกรแฮม ซึ่งปัจจุบันหาได้ยาก
ถ้าคุณRocker สนใจลงทุนแบบfocus ผมว่าอ่านCommon Stocks,Uncommon Profitsดีกว่าครับ สำหรับLittle book อ่านสนุกๆครับ ก็อย่างที่คุณWEB ว่าไว้ไม่มีอะไรใหม่สำหรับคนที่เป็นvi อยู่แล้ว แต่สำหรับมือใหม่ผมว่าจะเข้าใจแนวviมากขึ้น
ส่วนตัวผมเองไม่แน่ใจว่าวิธีนี้จะได้ผลในเมืองไทยหรือไม่ และคิดว่าคงไม่มีใครลองแน่เพราะต้องมานั่งคิดอัตราส่วนหุ้นเองทีละตัวๆ แต่สำหรับผมเองอยากลองครับ คิดว่าปิดเทอมนี้คงนั่งคิดอัตราส่วนได้เสร็จแน่ๆ ถ้าผมนำไปใช้จริงคงไม่ซื้อถึง20ตัวหรอกครับ คิดว่าสิบตัวน่าจะพอแล้ว
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 1:45 am
โดย ch_army
Glorious Graham เขียน:
หนังสือเล่มนี้ใช้return on capital กับ earnings yield เป็นตัวคัดหุ้นที่จะซื้อ คือเอาหุ้นทั้งหมดมาจัดลำดับrankทั้งสองอัตราส่วน แล้วเอาrankของสองอัตราส่วนมาบวกกันอีกที หุ้นที่เราจะซื้อคือหุ้นที่มีผลรวมของสองลำดับอัตราส่วนต่ำที่สุด ถือไว้ครบหนึ่งปีแล้วขาย
return on capital หากว่าเป็น ROA ROE พวกโบรกเกอร์มีจัดอันดับให้ดูครับ
earnings yield ก็ส่วนกลับของ PE ratio พวกโบรกเกอร์มีจัดอันดับให้ดูเหมือนกัน
ผมสนใจทำการทดลองนะครับ แต่อยากทดลองแบบย้อนหลังดูก่อน ข้อมูลจาก คุณครรชิตน่าช่วยได้มาก
excel ทำอะไรได้มากเลย หากใช้ macro ของ excel มาช่วยจะเป็นไปได้ไหมครับเผื่อหา ratio ได้เร็วขึ้น
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 12, 2006 9:41 am
โดย Glorious Graham
roa กับ roe น่าจะช่วยในการเลือกหุ้นรอบแรกได้ดีพอควรครับ แต่รายละเอียดของสูตร return on capital กับ earning yield ในหนังสือจะเป็นดังนี้
return on capital =EBIT/(Net working capital + Net fixed asset)
earning yield =EBIT/(market value of equity+Net interest-bearing debt)
ผมลองคำนวณดูบางตัวที่ return on capital สูงๆ net working capital จะติดลบ ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ บริษัทที่net working capital ติดลบนี่มันดีจริงรึ?
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 12, 2006 12:04 pm
โดย woody
Glorious Graham เขียน:roa กับ roe น่าจะช่วยในการเลือกหุ้นรอบแรกได้ดีพอควรครับ แต่รายละเอียดของสูตร return on capital กับ earning yield ในหนังสือจะเป็นดังนี้
return on capital =EBIT/(Net working capital + Net fixed asset)
earning yield =EBIT/(market value of equity+Net interest-bearing debt)
ผมลองคำนวณดูบางตัวที่ return on capital สูงๆ net working capital จะติดลบ ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ บริษัทที่net working capital ติดลบนี่มันดีจริงรึ?
net working cap ติดลบถ้าจะมองในแง่ดี ก็คือเอาเงิน supplier มาใช้ก่อนก็ได้นะครับ....แต่ เอ อำนาจการต่อรองคงสูงพอควรถึงทำได้นะครับ
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 13, 2006 10:08 am
โดย ch_army
เอ แต่หากว่ามองในแง่ลบ ธุรกิจค้างจ่าย เจ้าหนี้มากๆ ก็โอกาสเจ๊งมาเยือน ผมว่าน่าจะดู การเติบโตของยอดขายด้วยไหม
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 14, 2006 8:44 pm
โดย bank_kriss
ผมซื้อมาครับ สามารถหาซื้อได้ที่ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัย รามคำแหง
ราคา612 บาทครับ
ผมเห็นหนังสือเล่มนี้ที่ร้านซีเอ็ดครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 9:00 am
โดย worapong
[quote="WEB"]เพิ่งได้มาวันนี้แต่อ่านจบแล้วครับ
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 09, 2006 9:39 am
โดย pariyaree
ผมอ่านจบแล้วครับ แต่มีข้อสงสัยถึงสูตรการคำนวณ ROC ครับ
ตัวหารที่เขาใช้ เขาใช้ net working capital+net fixed assets คำว่า net fixed assets หมายถึง fixed assets-depreciation หรือเปล่าครับ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง net fixed assets มันก็จะลดลงเรื่อยๆสิครับ แล้วมันไม่ทำให้ ROC เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเหรอครับถ้าอย่างนั้น[/quote]
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 09, 2007 6:57 pm
โดย Thonburi Funds
Glorious Graham เขียน:*แนะนำให้มือใหม่อ่านครับ* อ่านง่ายมากๆ ผมว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการปูพื้นด้านความคิดที่ดีเล่มนึง เพราะGreenblatt เขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยเจตนาที่จะอธิบายการลงทุนให้ลูกๆฟัง
หนังสือเล่มนี้ใช้return on capital กับ earnings yield เป็นตัวคัดหุ้นที่จะซื้อ คือเอาหุ้นทั้งหมดมาจัดลำดับrankทั้งสองอัตราส่วน แล้วเอาrankของสองอัตราส่วนมาบวกกันอีกที หุ้นที่เราจะซื้อคือหุ้นที่มีผลรวมของสองลำดับอัตราส่วนต่ำที่สุด ถือไว้ครบหนึ่งปีแล้วขาย
ครั้งแรกที่อ่านจบคิดว่าผลตอบแทนจะสูงอย่างที่หนังสือว่าไว้จริงหรือ ตอนนี้อ่านรอบที่ห้าความคิดสงสัยหายไป ผมกำลังจะลองเปิดอีกพอร์ตแล้วลองใช้วิธีนี้ดู ผลเป็นยังไงจะมาเล่าให้ฟังครับ
ไม่ทราบว่าได้ผลเป็นยังไงบ้างครับคุณ Glorious Graham
ตอนนี้ผ่านมาปีกว่าๆ แล้ว
เห็นในหนังสือบอกว่า 3 - 5 ปี จึงจะเห็นผล
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 26, 2007 2:08 pm
โดย Thaworn
หนังสือเล่มนี้มีแปลเป็นไทยด้วยครับ ชื่อ "คัมภีร์สุดยอดนักลงทุน" พิมพ์โดยเนชั่นบุ๊ค แปลโดย ชานันท์ อารีย์วัฒนานนท์ ราคา 195 บาท หาซื้อได้ที่ ร้าน se-ed และ b2s ครับ ไม่ว่างพิมพ์ละ แค่นี้ก่อนครับ
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 05, 2008 3:48 pm
โดย Jnos
ได้อ่านฉบับแปลเเล้วครับ เป็นหนังสือที่อ่านง่ายดีครับ แต่สูตรมหัศจรรย์นี้แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล เหอๆ
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 06, 2008 8:57 am
โดย njTAO
อ้อ ขอจับประเด็นนึงครับ
เค้าบอกว่าสูตรนี้จะใช้ไม่เกิดผล ถ้ามีคนหันมาใช้กันเยอะ อะไรทำนองนี้ ไม่ทราบมีใครเห็นเหมือนอย่างที่ผมเห็นบ้างหรือเปล่าครับ
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 23, 2009 9:48 pm
โดย clarkfire
เล่มนี้ทำให้ผมช็อกครับเมื่อทดลองคัดหุ้นทั้งตลาดตามวิธีที่บอกในหนังสือผลการคัดเมื่อต้นเดือนก.ย. 52 หุ้นที่เป็น Best sellect คือ KYE ตามด้วย STPI และ TOPP UPF .... แล้วมาดูราคาหุ้นตอนนี้สิ อึ้งกิมกี่เลย
หลักการไม่ยุ่งยากซับซ้อนเข้าใจง่ายแบบพ่อสอนลูก
วิธีคัดหุ้นมีขั้นตอนดังนี้
1. หาบริษัที่ทำกำไรได้ดี (หาบริษัทดี) ดูจากกำไรต่อทุน ยกตัวอย่าง ร้านโชห่วย 2 ร้านเหมือนกัน ร้านที่กำไรดีกว่าย่อมแจ๋วกว่า ทีนี้มาพิจารณาบริษัททั้งตลาดแล้ว Rank ว่าใครดีที่สุดก็ได้คะแนน1, 2, 3 ไปตามลำดับ
2 หาบริษัทที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดที่จะเข้าไปลงทุน (หาบริษัทถูก) ดูจากว่าถ้าเอาเงินซื้อกิจการแล้วบริษัทไหนให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ยกตัวอย่าง โชห่วย 2 ร้านทำกำไรได้เท่ากัน ร้านหนึ่งขายเซ้งร้าน1 ล้านบาท อีกร้านหนึ่งขายเซ้ง 1.5 ล้านบาท ร้านแรกก็จะให้ผลตอบแทนมากกว่าร้านหลัง คราวนี้ก็ดูแบบเดียวกันกับบริษัททั้งตลาด ใครได้ดีที่สุดก็เรียงลำดับจากมากมาน้อย มากที่สุดก็ใส่คะแนน 1, 2, 3 ไล่ไปตามลำดับ
3. เอาคะแนนจากข้อ 1 รวมกับคะแนนจากข้อ 2 ได้ผลลัพท์เท่าไหร่ก็เอามาจัดลำดับใหม่ จากน้อยไปมาก แปลว่าบริษัทที่มีผลรวมคะแนนน้อยที่สุดคือบริษัทที่ดีและถูกที่สุด ไล่เรียงลงไป
วิธีนี้ทำให้คนทั่วไปสามารถคัดกรองหุ้นได้ และที่สำคัญคือรู้ว่าเมื่อไรที่ควรเปลี่ยนตัวลงทุน มีหลักการที่จะขายหุ้นตัวไหนออกและเอาหุ้นตัวใหม่มาใส่ในพอร์ตแทน
วิธีนี้เน้นการลงทุนยาวๆ อย่างน้อยก็ต้องปีขึ้น ไม่ใช่ซื้อวันต่อวัน
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 07, 2009 12:14 pm
โดย Todo
แล้ว พี่ clarkfire ลองใช้วิธีในหนังสือกับการลงทุนจริงๆ รึยังครับ
ผลตอบแทนเป็นไงบ้างครับ เผื่อเป็นแนวทางให้น้อง ๆ
ขอบคุณครับ
The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 23, 2009 12:02 pm
โดย gold saint
แล้ว เราไม่ต้องศึกษาหรือเข้าใจธุรกิจใช่มั๊ยครับ วิธีนี้ เลือกเอาจากค่าสถิติและจากการคำนวณเท่านั้น จากนั้นก็มา sort ถูกหรือเปล่า???
อยากรู้เหมือนกันสำหรับผู้ที่เคยทดลองใช้มาแล้วครับ
Re:
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 12, 2010 11:49 pm
โดย clarkfire
[quote="Todo"]แล้ว พี่ clarkfire ลองใช้วิธีในหนังสือกับการลงทุนจริงๆ รึยังครับ
ผลตอบแทนเป็นไงบ้างครับ เผื่อเป็นแนวทางให้น้อง ๆ
ขอบคุณครับ[/quote]
พอดีว่าถืออยู่ตัวนึงก่อนอ่านเล่มนี้อยู่แล้ว กำไรหายบ้าไปเลย ถอนทุนที่เคยเจ๊งๆ มามุกสิ่งทุกอย่าง และยังได้กำไรก้อนใหม่มาเพิ่มอีก
ตอนที่ลองทำก็ต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูลพอสมควร (หลังขดหลังแข็ง) และผลที่ได้จาก Ranking ก็ช็อคจริงๆ
ผมว่าเอาไว้เป็นเครื่องมืออีกอย่างที่ช่วยส่องหุ้น ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก sort ด้วย excel สบายมาก
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 29, 2010 2:32 pm
โดย always_the_blues
เอ่อไม่ทราบว่ายังพอหาซื้อได้ที่ไหนบ้างครับ ไปดูมาทั้งSE-ED B2S นายอินทร์ ไม่มีเลย อยากได้ๆ
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 29, 2010 7:27 pm
โดย เด็กใหม่ไฟแรง
อ.ไพบูลย์ ทำวิจัยย้อนหลัง 15 ปีให้ดูครับ
ว่าใช้แล้วได้ผลแค่ไหน
ติดตามดูในรายการ มันนี่ทอล์ค กลางๆเดือน มค นะครับ
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 30, 2010 2:20 pm
โดย always_the_blues
[quote="เด็กใหม่ไฟแรง"][color=#0000FF][size=150][b]อ.ไพบูลย์ ทำวิจัยย้อนหลัง 15 ปีให้ดูครับ
ว่าใช้แล้วได้ผลแค่ไหน
ติดตามดูในรายการ มันนี่ทอล์ค กลางๆเดือน มค นะครับ[/b][/size][/color][/quote]
คืออยากได้มาเก็บไว้ด้วยอ่ะครับ ไม่ทราบว่าพอหาที่ไหนได้บ้างครับ หามาหลายร้านละไม่มีเลยครับ ที่Se-edก้หมดสัญญาฝากขายไปแล้วด้วยสิ่
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 2:02 pm
โดย Janglai man
return on capital กับ earnings yield
หาได้อย่างไรครับ ใครพอทราบรบกวนด้วยนะครับ
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 02, 2011 10:43 pm
โดย clarkfire
ผมทดลองหาตามวิธีเดิม ได้ 10 หุ้นที่คัดมาได้เมื่อสิ้นปี 2553 มาดูกันว่าอนาคตจะเป็นยังไง
Rank-Stock-Closed Price
1 UT 15.50
2 STPI 27.00
3 RS 2.68
4 LANNA 18.90
5 BROCK 0.91
6 TCCC 28.50
7 TR 75.00
8 THANA 2.24
9 EGCO 103.50
10 NMG 11.10
**บางตัวดูใหลึกลงไปอาจต้องคัดออกเพราะมีกำไรพิเศษหนักๆเข้ามา
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 02, 2011 11:06 pm
โดย clarkfire
ผิดจุด แก้ไข
BROCK เป็น BROOK 1.40
ดึกแล้ว ตาลาย สงสัยต้องไปนอน
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 03, 2011 8:51 pm
โดย always_the_blues
แล้วจะรอดูผลนะครับพี่ clarkfire
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 17, 2011 8:23 pm
โดย clarkfire
มา Update ผลตอบแทน Port จำลอง วันที่ 17 ม.ค. 2554 (รอบ 15 วันแรก)
1. UT 15.60 +0.65%
2. STPI 27.75 +2.78%
3. RS 3.26 +21.64%
4. LANNA 25.50 +34.92%
5. BROOK 1.51 +7.86%
6. TCCC 30.75 +7.89%
7. TR 74.75 -0.33%
8. THANA 2.32 +3.57%
9. EGCO 109.00 +5.31%
10. NMG 10.40 -6.31%
เฉลี่ยผลตอบแทนรวมจากหุ้น 10 ตัว เท่ากับ 7.8%
ถ้าลงเฉพาะ 5 ตัวแรก ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่ากับ 13.56%
เทียบกับ SET วันนี้ 1023.19 จุด ต่ำกว่าสิ้นปี 2553 ที่ 1034.59 จุด เท่ากับ -11.40 จุด หรือ -1.1%
เดี๋ยวสิ้นเดือน ม.ค. มาดูกันอีกครั้ง
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 4:41 pm
โดย chamnan028
รอติดตาม พี่ clarkfire ครับ ...
ผมสงสัยนิดนึงครับ ว่าทำไม ต้อง 10 20 หรือ 30 ตัว
มีตัวเลข เชิงงานวิจัยหรือเปล่าครับ ว่าสักกี่ตัวถีงจะดี ???
ผมเองคิดว่า ถ้าหากเกิน 10 ตัวเนี้ย เราจะติดตามบรษัท ... เหนื่อยครับ
ไม่ทราบว่าเพื่อน ๆ ท่านอื่น ๆ ว่ายังงัยครับ ...
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 26, 2011 7:33 pm
โดย always_the_blues
ผมคิดว่าการลงทุนหุ้นแบบนี้ถ้าไม่กระจายลงมากๆความเสี่ยงก็สูงน่ะครับ เพราะที่มีแรงค์อันดับต้นๆ มันอาจจะเป็นหุ้นดาวร่วงซะหลายตัวก็ได้ แต่ในหนังสือให้เทซื้อ20-30ตัว บางตัวเจ๊งบางตัวฟื้น พอมา+/- กันแล้วผลตอบแทนมันก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีละมั้งครับเรื่องงานวิจัยนี่วันก่อนรายการMONEY TALKเอามาให้ดูทีหนึงแล้วน่ะครับ ผลตอบแทน15ปี โอเวอร์มากๆ
Re: The Little Book That Beats the Market
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 27, 2011 12:05 am
โดย poomkawa
สำหรับคนที่ยังไม่มี เล่มนี้ผมเคยเจอที่ book towel ครับ