Thai VI

ถ้าวันดีคืนดี  หลักเกณฑ์ทางบัญชีมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึกใหม่

ส่งผลให้บริษัทที่เราลงทุนอยู่มีกำไรลดลงอย่างมากเพียงข้ามคืน  ทั้งๆที่กิจการยังคงเหมือนเดิมทุกประการ

เราจะทำอย่างไรกันดี  

ขายทิ้งเพราะ P/E สูงกว่าที่เราตั้งเกณฑ์ไว้

ขายทิ้งเพราะมีข่าวร้าย

ถือเหมือนเดิม ไม่ซื้อเพิ่ม เพราะกิจการเหมือนเดิม

ซื้อเพิ่ม  เพราะกิจการเหมือนเดิม  และมีราคาลดลงจากเดิม

ก็จะขอดูก่อนครับว่าการเปลี่ยนแปลงทางบัญชีนั้น

เกิดขึ้นเพียงไตรมาสนั้นไตรมาสเดียว หรือปีนั้นปีเดียวหรือไม่

ยิ่งถ้ากิจการยังคงเหมือนเดิมทุกประการด้วยแล้วก็คงขายออกไปก่อน รอให้การเปลี่ยนแปลงสะเด็ดน้ำ ลงแล้วค่อยกลับมาซื้อ

การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ทางบัญชี  คงกระทบตลอดไปครับ

สงสัยต้องดูละเอียดเลยครับว่าวิธีการลงบัญชีใหม่
มันจะทำให้กำไรของบริษัทเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหน
แล้ววิธีใหม่มันจะดีกว่าวิธีเก่ายังไงมากกว่าครับ

ยังไงก็ขายครับ เคยโดนมาแล้วครับพวกเปลี่ยนนโยบายทางบัญชี

แล้วกำไรหด ราคาไปก่อนเลย ไม่รู้หรอกว่าภายในเปลี่ยนไม่เปลี่ยนยังไง

ไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนนโยบายการบันทึกบัญชีของบริษัทนะครับ

แต่เป็นทางสมาคมเปลี่ยนกฎเกณฑ์ใหม่ใช้กับทุกบริษัทครับ

ผมพยายามไปค้นหาดูในประกาศของ กลต.เฉพาะในปี 2548 ไม่เห็นเจอประกาศเรื่องการเปลี่ยนมาตรฐานบัญชี.ลองไปค้าดูในหน้าบัญชีของจุฬา และสมาคมนักบัญชีแห่งประเทศไทย รวมทั้งสภานักบัญชีแห่งประเทศไทย ไม่พบข้อตกลงในการเปลี่ยนมาตรฐานในการรายงานบัญชี  ผมก็เลยไม่รู้ว่ามาตรฐานที่ปรับมาใหม่ จะปรับแต่งตรงไหนบ้าง...ถ้าใครมีช่วยทำLinkให้ผมได้อ่านด้วยครับ หาจนตาลายแล้วครับ
...สำหรับเรื่องมาตรฐานใหม่ของการรายงานบัญชี ทำให้ผมเต้นไปเต้นมาอยู่หลายวัน เพราะเกิดปัญหาอย่างแน่นอนในการนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับข้อมูลเดิมที่ใช้มาตรฐานอีกแบบหนึ่ง  อ่านหนังสือเล่มไหนเล่มไหนก็เขียนกันแบบต้องจำไว้ว่า มาตรฐานบัญชีเปลี่ยนไปส่งผลถึงตัวเลขต่างๆอย่างแน่นอน และให้หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบกันระหว่างบัญชีที่ใช้มาตรฐานต่างกัน
...ผมตอบตัวเลือกสุดท้ายครับ  ถ้ากิจการยังเหมือนเดิม แถมราคาลดลง(ต้องต่ำกว่าราคาที่เราคำนวณได้)  และผมมีเงินเหลือที่ไม่ต้องเอาไปทำอย่างอื่นแล้ว  ผมตัดสินใจซื้อเพิ่มแน่นอนครับ

เปลี่ยนไปยังไง งบกระแสเงินสดก็เหมือนเดิมอยู่ดี ..
ทีนี้ต้องหันไปหาหุ้นที่มีกระแสเงินสดสวยๆอย่าง
wg กับ mcs ครับ .. ตัวอื่นขายไปก่อนดีกว่า

ซื้อเพิ่ม  เพราะกิจการเหมือนเดิม  และมีราคาลดลงจากเดิม

เพราะ

เปลี่ยนไปยังไง งบกระแสเงินสดก็เหมือนเดิมอยู่ดี ..

เราซื้อหุ้นเพื่อลงทุนในกิจการ ---> ดูปัจจัยเรื่องคุณภาพ ???
หรือลงทุนในตัวเลขในงบการเงิน ---> ดูปัจจัยเรื่องปริมาณ ???

ผมลองเปิดดูในหน้างบกระแสเงินสด เห็นว่ามีส่วนระบุ"สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น" ซึ่งเท่าที่เห็นกระทู้ในเวปนี้ มีคนโพสถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการตีราคาสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน   ดังนั้นในงบกระแสเงินสด คงมีผลกระทบในการประเมินราคาสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน แต่ผมไม่เข้าใจว่า วิธีการตีราคาแบบเก่ากับแบบใหม่แตกต่างกันมากน้อยเท่าไหร่ และนอกจากการเปลี่ยนวิธีการตีราคาสินทรัพย์ถาวร ยังมีการเปลี่ยนแปลงการบันทึกอย่างอื่นหรือไม่ ตรงนี้ผมไม่รู้เรื่องเลยครับ อยากให้พี่ฉัตรชัยกับพี่ๆที่เชียวชาญด้านบัญชี ได้สรุปใจความบางอย่างให้ฟังด้วยครับ...หรือมีแหล่งความรู้ที่ไหนพอจะบอกให้ไปศึกษาได้บ้าง

[quote="chatchai"]ถ้าวันดีคืนดี

ไม่ถือไว้ ก็ซื้อเพิ่มขึ้นอยู่กับราคาที่ลดลงมา

ถ้าผมรู้จริงในกิจการนั้นว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้กำไรลดลงแน่ๆ
(หมายถึงกิจการเหมือนเดิมแต่กำไรลดจากการเปลี่ยนวิธีบันทึก)

ผมขายทิ้งก่อนเลยครับ
แล้วค่อยกลับมาซื้อหลังแพนิค
เป็นโอกาสที่ดีในการทำกำไรจากการชอร์ตครับ

แต่ถ้าถือหุ้นตัวนั้นมากจริงๆ
อาจตัดสินใจแบบอื่นครับ

หากสิ่งที่ต้องการในการลงทุนในบริษัทนี้ไม่เปลี่ยน
ก็ถือหุ้นส่วนใหญ่ไว้ก่อน อาจขายไปเล็กน้อย
หากลงไปพอสมควรก็ซื้อกลับ และอาจซื้อเพิ่มด้วย

การเปลี่ยนแปลงทางบัญชี คงจะเป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น
ทำให้กำไรของบริษัทมีคุณภาพมากขึ้น
และบริษัทจะได้มีการตื่นตัวในการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่ว่าอะไรจะเกิดกับบริษัท
ผมมักมองแง่ดีไว้ก่อน  หากพยายามมองว่าดียังไงก็ดีไม่ไหว
ก็ต้อง บาย..บ๊าย

คุณภาพมาก่อนปริมาณ

ลงทุนในกิจการครับ แต่ถ้ากำไรลดลงเยอะเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการบัญชี ก็ต้องดูอีกที ว่าลืมอะไรไปรึเปล่า ถ้าลืมดูไป ก็ขายครับ
ถ้ารู้อยู่แล้ว ซื้อเพิ่มดีกว่า

PE ผมไม่ค่อยดูแล้วครับ มันยังไง ๆ อยู่ แป๊ป ๆ จาก 13 เหลือ 8 อยู่ดี ๆ จาก 6 วิ่งไป 12 ตอนนี้มึนด้วยครับ ว่าวิธีคิดของคนหมู่มากเรื่อง PE เป็นยังไง สิงค์โปร์ มาเลเซียก็มึนแล้ว พอไปดูตลาดฮ่องกง อเมริกายิ่งงงใหญ่

ถ้ากำไรมันลดลงมาก ผมจะขายไปก่อนบางส่วน
เพื่อดูว่ามันลงจริงหรือไม่
แล้วดูว่ามันลงต่อหรือไม่ ถ้าลงต่อผมจะขายต่อไปเรื่อย ๆ
รอจนมันขึ้นค่อยซื้อคืน