Thai VI

ผมว่ามือใหม่จะได้หลีกเลี่ยงไปก่อน นอกจาก
กลุ่มเรือ PSL,TTA,RCL กลุ่มปิโตรเคมี ATC
ท่านผู้รู้ช่วยเพิ่มเติมด้วยครับ
ส่วนตัวคิดว่ามือใหม่น่าจะลงทุนในหุ้นที่ไม่ต้องหวือหวามาก เอาแบบค่อยๆโตและมีปันผลบ้าง น่าจะดีกว่าดังนั้น
น่าจะเลี่ยงหุ้น วัฏจักรและหุ้นโกรธไปก่อนน่าจะดี

อยากรู้บริษัทไหนเป็นอย่างไร  ก็ดูจากงบการเงินย้อนหลังไปหลายๆปีก็จะพบครับ  ประเภทรายได้วิ่งขึ้นวิ่งลงเป็นรูปคลื่น

BANPU,LANNA ก็น่าจะใช่รึเปล่าครับ

ข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับหุ้นกลุ่มวัฏจักรน่าจะไปดูที่แบงค์ชาติครับ www.bot.or.th ไปดูอัตราการใช้กำลังการผลิต ถ้ามีแนวโน้มอัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง อันนั้นก็สัญญานละครับ

หุ้นวัฏจักรถึงจุด peak ดูง่ายๆ ครับ

P/E ต่ำติดดิน 2 หรือ 3 เท่าเอง
volume มหาศาล

ถ้าจุด bottom ก็ดูง่ายๆ อีกเหมือนกันครับ

P/E สูงลิ่ว... volume ไม่ค่อยจะมี

ป๋าแดงหละท่าน  เข้าข่ายไหนคับ

น้องยีนครับ

ไปดูอัตราการใช้กำลังการผลิต เข้าตรงไหนคับ  หาตั้งนานไม่เจอ ... ใช้ search แล้วก็เจอแต่ข้อมูลเก่าๆ  บอกหน่อยคับ...

TT&T นี่ก็ด้วยป่ะครับ  :(

ว่าแต่ ATC นี่อ่ะครับ มันจากลับขึ้นมารับผมลงจากดอยเมื่อใหร่อ่ะ  

http://www.bot.or.th/BOTHomepage/DataBa ... /tab69.asp

เอ้า...... น้องจัดให้ตามขอ  

แล้วพวก itd ck ถือว่าเป็น cylincal stock ด้วยหรือเปล่าครับ เห็น pe สูงลิ่ว วอลุ่ม ก็หดลง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

กลุ่มรับเหมาเป็นเพียงหุ้นเก็งกำไรในความคิดผม
ในเมืองไทยผมยังไม่เห็นหุ้นรับเหมาตัวไหนที่จะเป็นหุ้นที่ VI จะชอบ[/quote]

หุ้นวัฎจักรมี 2 ประเภทครับ

1  Economic cyclical   พวกนี้จะขึ้นลงตามวัฎจักรเศรษฐกิจ   เช่น  รถยนต์  อสังหาฯ  วัสดุก่อสร้าง  ไฟแนนซ์  ฯลฯ  

2  Commodity cyclical   เช่น  ปิโตรฯ  น้ำมัน  เรือ  แร่ธาตุ   ฯลฯ   พวกนี้จะขึ้นกับเศรษฐกิจด้วยจะมีผลต่อ demand   แต่ก็จะขึ้นกับด้าน supply ด้วย  

หุ้นวัฎุจักรที่เป็น economic cyclical  จะวิเคราะห์ง่ายกว่า commodity ครับ  เพราะ commodity จะต้องวิเคราะห์ให้ถูกทั้ง supply และ demand  

สำหรับมือใหม่ผมแนะนำให้เลี่ยงหุ้นวัฎจักรประเภท commodity  ไปก่อนครับ   เพราะถ้ามือใหม่มาเล่นหุ้นวัฎจักรเลยก็คงเหมือนเราหัดว่ายน้ำด้วยท่าผีเสื้อเป็นท่าแรก   เกรงว่ากว่าจะเป็นอาจจะจมน้ำตายเสียก่อนครับ

พี่ IH ครับ เพราะเหตุใด เวลาน้ำมันแพง ธุรกิจค้าปลีกจึงมี Margin เพิ่มขึ้น วิเคราะห์เชิงเศรษฐศาสตร์ยังไง

ธุรกิจค้าปลีกน่าจะรักษา margin ได้ครับ  เพราะลูกค้ามีแต่รายเล็ก  จำนวนมากราย   จึงไม่มีอำนาจต่อรอง  ดังนั้น  ค้าปลีกจะสามารถผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นให้ลูกค้าได้เต็มๆ

ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้นคงมีบ้าง  เป็นผลพลอยได้  แต่คงไม่ถึงกับมากนัก   เป็นผลจากการที่ margin เป็น % เท่าเดิม  แต่ margin เป็นตัวเงินเพิ่ม

เช่น  ปกติ net margin 4%

เดิม ขาย 100  กำไร 4 บาท

หากต้นทุนสินค้าเพิ่ม 10%  ขาย 110  กำไร 4% เท่าเดิม  แต่กำไรเป็นตัวเงินจะเป็น 4.4 บาท   ซึ่งเพิ่มขึ้นครับ

แล้วในแง่คู่แข่งขันล่ะครับ อุตสาหกรรมที่ไม่สามารถผลักภาระให้ผู้ซื้อได้น่าจะเป็นเพราะคู่แข่งขันจะคอยยืนราคาเดิมเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายไม่มีใครกล้าขึ้นราคา มาร์จินจึงลดกันทั่วหน้า ในกรณีของร้านค้าปลีกแตกต่างกันหรือไม่อย่างไรครับ