Thai VI

ทำไมธุรกิจสองประเภทนี้ต้องอยู่ในบริษัทเดียวกันครับ

ทั้ง Centel และ Mint

ดีกว่าแยกกันคนละบริษัทอย่างไร

ผมว่าเป็นโอกาส ของคนทำธุรกิจ มากกว่าคับ ไม่เกี่ยวกันหรอก สองตัวนี้ควรย้ายหมวดด้วยซ้ำ

ขออนุญาติลองตอบนะครับ อาจดูโง่เขลาบ้างก็ขออภัยพี่ๆด้วย

การรวมกันทำให้ ผลประกอบการดูมั่นคงขึ้นครับ  และช่วยลดต้นทุนบางประการ เพราะ

1) Fast Food margin ต่ำ + โรงแรม Margin สูง ก่อนรวม MFG RGR มี Net ประมาณ 12% รวมกันแล้วเหลือ 8% แต่กำไรมั่นคงกว่า เพราะโรงแรมมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกมากกว่า ธุรกิจอาหาร
2) Fast Food ใช้เงินลงทุนน้อย กระแสเงินสดดีเยี่ยม + โรงแรม ใช้เงินลงทุนมาก กระแสเงินสดปานกลาง ( เอากระแสเงินสดจากอาหารมาลงทุนในโรงแรม ลดต้นทุนการเงิน)
3) โรงแรม มีธุรกิจเป็น season แต่ อาหาร ไปเรื่อยๆ ช่วยทำให้ผลประกอบการแต่ละ Q ไม่หวือหวา เพราะ REV จากอาหารตอนนี้ประมาณ 60% โรงแรม 30%
4) โรงแรม และ อาหาร ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบประกอบอาหาร คล้ายๆกัน ทำให้สามารถลดต้นทุนได้
5) ผมว่า MINT ต้องการขาย knowhow คือ Franchise ร้านอาหาร และ การบริหารโรงแรม ใน International Markets ดังนั้นจึงมารวมกันดีกว่า จะได้ใช้ resources ร่วมกันครับ

ใจจริงๆอยากให้แยก เพราะไม่ค่อยชอบธุรกิจโรงแรมเท่าไหร่(โดยเฉพาะตอนมาฉุดกำไรลดลงในบางช่วง )

แต่ในเมื่อเขาไม่ขายแยก ก็จึงต้องซื้อเหมาเอาโรงแรมมาด้วย )
ก็พยายามบอก(ปลอบ)ตัวเองว่า
...เอาน่าไงโรงแรมก็เป็นธุรกิจที่ว่า ถึงจะลงทุนเยอะ แต่ก็ลงมากๆไปเลยทีเดียวแล้วค่อยๆกินยาวไป(ถึงจะกินแบบกระพร่องกระแพร่ง ผลุบๆโผล่ๆตามสภาวะต่างๆไปบ้าง :lol: )
...แล้วค่าทรัพย์สินในส่วนที่เป็นที่ดินก็มีมูลค่าเพิ่มในตัว ไปตามกาลเวลา

สุดท้ายก็เลยต้องบอกตัวเองว่า...เอาน่า    

ไม่ดีเหรอครับ ช่วงที่โรงแรมแย่ จะได้เข้าไปช้อนซื้อได้บ่อยๆ ไง เพราะผมว่าถ้ามีแต่อาหารอย่างเดียว ถ้าไม่เกิดอะไรผิดพลาดจริงๆ ผมว่าโอกาสที่จะ panic ให้เก็บจริงๆ ค่อนข้างน้อยนะ  

พยายามคิดในแง่ดีไว้

Saran เขียน:ไม่ดีเหรอครับ ช่วงที่โรงแรมแย่ จะได้เข้าไปช้อนซื้อได้บ่อยๆ ไง

อย่าดังไปค่ะ ตังค์น้อยค่อยๆเก็บ เด๋วมานตกจาย