Thai VI

8)

นั่นสิครับ

คงเป็นเพราะ อีกนานนนน...กว่าคนจะเลิกขนส่งสินค้ากันทางเรือ

ค่าระวางเรือมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่

ต้นทุนอื่นๆเดี๋ยวก็มีการปรับตัวตามกลไกทุนนิยมปกติ

ระยะยาวเลยคิดว่า มันจะไปได้ ถ้าคนไม่คิดค้นวิธีขนส่งของที่ถูกและบรรทุกได้เยอะกว่าเรือขึ้นมาในเร็ววันนี้นะครับ

อีกไม่นาน คุณอาจได้เห็นหุ้นเรืออย่าง TTA เป็นหุ้น turnaround ก็ได้นา

(รู้สึกว่าผมให้เหตุผลแบบข้างๆคูๆยังไงไม่รู้)

1. จำนวนเรือเทกองโลก เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จากทั้งหมด 3000 ลำ เพิ่มขึ้น ไม่ถึง 20 ลำ

2. จีน อินเดีย โตไม่หยุด

ข้อแรก คือ supply ข้อที่สอง คือ demand

เดี๋ยวต้องทำการบ้านซะหน่อย ถ้าค่าระวางเหลือ 8,000 เหรียญต่อวัน กำไรของ tta,psl จะเหลือเท่าไร จะได้หาโอกาสซื้อ 8)

รอซัก 20 ดิ จะได้ปลอดภัย

รอซื้อ 20 ก็น่าคิดนะ psl 35 ก็ทยอยรับแล้วครับ

มี RCL อยู่ครับ 37 บาท

ติดดอยครับ เอ๊ะ หรือต้องเรียกว่าเรือเกยตื้นดี  :lol:

ได้มาแล้ว PSL= 33 บาท ซื้อน้อยๆก่อน

ด้วยความรู้อันน้อยนิด จึงเกิดความสงสัย และรบกวนถามข้อมูลย้อนหลังจากท่านผู้พี่ๆ ทั้งหลาย

เดาว่าบริษัทเดินเรือที่เด่นๆในตลาดบ้านเรามีอยู่ก็ 3 บริษัท
เดาอีกว่า ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการมายาวนาน

คำถามคือ..
มีท่านใดมีสถิติการดำเนินงานย้อนหลังไกลๆบ้าง
อยากทราบว่า ที่พูดกันว่า หุ้นเรือจัดเป็นหุ้นไซเคิ่ล นั้น
มันเป็นมาเสมอ หรือ
แล้วที่ว่าไซเคิ่ล นั้น อยากทราบว่า เราได้ดูจากผลประกอบการย้อนหลังว่ามันมีลักษณะ การทำกำไรเป็นรอบๆ แล้วฟุบร่วงขาดทุน....มีข้อมูลมั้ยคะว่าตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของแต่ละบริษัทที่ว่า มีผลกำไรติดต่อกันกี่ปี จึงจะเข้ารอบขาดทุน และขาดทุนแต่ละรอบนั้น ติดต่อกันยาวนานเป็น ปี เป็น ไตรมาส หรือ เป็นเดือน ...อย่างไรคะ

แล้วแต่ละรอบวิกฤตดังกล่าวนั้น ตั้งแต่มีธุรกิจเดินเรือมามันเคยเกิดขึ้นแล้วกี่รอบ และมัน มีเหตุอันเกิดจาก เรื่องใดเป็นตัวการ (ที่ทำให้ฟุบขาดทุน) ทุกรอบวิกฤตเกิดด้วยเหตุผลเดียวกันเสมอ หรืออย่างไรคะ

และ มาถึงสภาวะตอนนี้ ที่ตลาดกังวล "จบรอบของไซเคิ่ลเรือ"
เหตุ และปัจจัย ที่ปรากฏในปัจจุบันนี้นั้น มีความเหมือน หรือแตกต่าง กับแต่ละรอบวิกฤติ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วบ้าง อย่างไร

ที่สงสัยก็ไม่ใช่อะไรค่ะ แค่ว่า จำเป็นเสมอหรือไม่ว่า หุ้นที่จัดอยู่ในหมวดประเภทใด จะต้องเป็นเหมือนเดิมๆ ไม่มีการพัฒนา ให้แตกต่างไปจากวิถีเดิมๆ  จริงหรือคะ
เช่นว่า ถ้าใครเป็นเจ้าของกิจการเดินเรือ(หรือกิจการอื่นก็ตาม) ที่เจอเหตุผิดพลาดใดๆ ที่เคยผ่านมาแล้ว และฟื้นตื่นขึ้นมาได้ ในกาลต่อมา จะนั่งมองเหตุรายล้อมต่างๆที่ได้เคยถูกเล่นงานมาซะอ่วม กระอัก อย่างนิ่งเฉย ไม่รู้สึกอยากปรับปรุงรับมือใดๆเลย มันก็น่าแปลก
เช่น(อีก)ว่า สมมุติถ้าไอ้ที่เกิดวิกฤต รอบก่อน เป็นเพราะมีการแย่งกันออกเรือใหม่ๆ เข้ามาแย่งลูกค้ากันมากมายคุมไม่อยู่งี้ ทำไมพวกเขาที่ก็เพิ่งผ่านเหตุการณืมากันก็ไม่กี่ปีมานี่ เขาไม่อยากมารวมหัวกันคุย เช่นว่า...

"เอ้ยๆๆ พวกต่อเรือ ลื้อ อย่าต่อออกมามากไปดิ่ อั๊วะดูงานในมือมันไม่มากเท่าที่ลื้อ กะลังวางแผนจะต่อเรือออกมานะ ..."

อารายเงี้ยอ่ะค่ะ
แค่สงสัยว่า ทำไมเขาต้องกระทำกิจกรรมอะไรในแบบ วิถีเดิมๆ ที่ประวัติศาสตร์ ก็จารึกไว้อยู่แล้วว่า จะทำให้เกิดผลเสีย
หรืออะไรทำนองนั้นอ่ะค่ะ

.

ลองของบดุล 12 ปี อัพเดทของพี่ครรชิตไปดูสิครับ ผมไม่เห็นว่าธุรกิจนี้มันไซเคิลนะ มันมีพื้นฐานของมันและเป็นสิ่งจำเป็นในการค้าขายมาตั้งแต่อดีต จวบจนถึงปัจจุบันตราบเท่าที่จะมีใครส่งสินค้าฝ่าประตูวิเศษโดเรมอนมาได้

แค่สงสัยว่า ทำไมเขาต้องกระทำกิจกรรมอะไรในแบบ วิถีเดิมๆ ที่ประวัติศาสตร์ ก็จารึกไว้อยู่แล้วว่า จะทำให้เกิดผลเสีย

รอบของเรือค่อนข้างยาวนานหนะครับ สิบปีขึ้น  คนที่เคยเจ็บตัวก็เลยอาจจะลืมอดีตที่ขมขื่นเมื่อเจอกับปัจจุบันที่หอมหวนแรงๆ

คนที่ไม่เคยเจ็บตัวก็อาจจะเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน  เพราะไม่เคยโดนราดน้ำร้อนมาก่อน

วัฏจักรหลายๆอย่าง  รวมทั้งประวัติศาสตร์หลายๆเรื่องจึงสามารถเกิดซ้ำรอยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

อย่างเรื่องการเล่นหุ้น นักลงทุนที่เล่นเก็งกำไรแล้วขาดทุนอาจจะเรียนรู้และเปลี่ยนวิธีเล่นบ้าง  แต่จนแล้วจนรอดสัดส่วนของนักเก็งกำไรก็ไม่ลดลงเท่าไหร่ ทั้งๆที่รู้ว่าโอกาสขาดทุนสูง  ไม่ว่าจะเป็นเมืองนอกหรือเมืองไทย  มีตัวตายตัวแทนได้เรื่อยๆ ของเมืองนอกนี่ มีประวัติศาสตร์ยาวนานเป็นร้อยๆปี ก็มีการเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงน้อยมาก

หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะ  แต่พฤติกรรมมนุษย์ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในเรื่องความกลัวและความโลภ......มั้งครับ

jiras wrote

เดี๋ยวต้องทำการบ้านซะหน่อย ถ้าค่าระวางเหลือ 8,000 เหรียญต่อวัน กำไรของ tta,psl จะเหลือเท่าไร จะได้หาโอกาสซื้อ

น่าคิดครับ  รู้สึกว่าต้นทุนของ psl จะอยู่ที่ 5,500 เหรียญ/ตันนะ

ไม่เคยศึกษาเรื่องธุรกิจเรือเลย แค่ดูผ่านๆ เพราะคิดว่าในระยะยาว โดยรวม เรือไทย ค่อนข้างเสียเปรียบเรือต่างชาติ ก็ไม่ได้สนใจดูนัก แต่เคยเห็น research ผ่านๆ ตาของ ทางตปท CLSA มั้ง เค้า แนะให้ขาย Underperform หุ้นเรือไทย TTA กับ PSL ตั้งแต่เดือน มิย 48 พอไปดู research ไทยช่วงเดียวกัน ทั้ง ACS KEST ฯลฯ แนะซื้อกันทั้งนั้น เลย ทำไม broker ไทยถึงมอง ไม่เหมือน broker ตปท หรือ ของ ตปท มุมมองเค้ามองแบบ regional และดูเป็นระยะยาวกว่า ส่วนพี่ไทยชอบแบบ แนะเก็งกำไรกัน

ยังมี RCL อยู่
ก็คงถือไปเรื่อยๆ เพราะติดซะแล้ว
แต่ถือน้อยกว่าคราวที่แล้วเยอะ จาก70% เหลือ7%

ผมว่ามันยังไปได้อีกไกลนะครับ แค่หา space ในการส่งของยังหากันวุ่นเลย แต่ที่มันลงมาแรงๆนี่อาจเป็นเพราะBDI และอีกหลายๆอย่างนะ
แต่เคยทำงานในวงการนี้มาก่อนผมว่ามันมีแต่โตกับโตนะครับ

ต้องรอดูซัพพลายใหม่ที่จะเข้ามาในปีหน้า คิดว่าการที่จะทำสัญญาล่วงหน้านานๆและราคาสูงคงจะยากแล้ว อาจจะคล้ายๆดอกเบี้ยขาลงยิ่งทำสัญญาระยะยาว ยิ่งได้ราคาถูก ลูกค้าคงทำสัญญาสั้นๆหรือไม่ก็เป็นราคาสปอต รอดูราคาสัญญาใหม่แล้วต่อยประเมินมูลค่ากิจการอีกที:idea:

ตอนนี้มีแต่ข่าวให้ขายเรือ
ถ้าจำไม่ผิดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วยังบอกว่าซื้อเลย วันนี้หัวข้อมาบอกว่า

"TTA ประเมินราคาเหมาะสมปี 49 ไว้ที่ 25 บ.ปรับคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น ขาย "

โหดูมันทาม

ย้อนไปดูบทวิเคราะห์ปลายปีที่แล้ว มีเพียง TISCO ที่แนะนำให้ขาย TTA,PSL
นักวิเคราะห์ของค่ายนี้ค่อนข้างยึดมั่นในข้อมูลของตัวเองนะ สวนกระแสเลย

คุณลองตามบทวิเคราะห์ ทิสโก้ดูนะ ไม่เคยแนะนำขาย โนเบิลเลย แต่ปรับราคาเป้าหมายตลอด จาก 26 หล่นมาวูบเหลือ 10 จนปัจจุบันเหลือ 5 บาทกว่าๆๆ แต่บทวิเคราะห์คือ เรายังคงแนะนำซื้อ  555555   (ตอนนั้น โนเบิลราคาจาก 13-14 หล่นลงมาเหลือ 4-5 บาทเอง)   ลองดูเอเจ วิเอ็นจี และอื่นๆๆอีกเพียบ

นักวิเคราะห์คงไม่มีใครถูกตลอดนะผมว่า และจะให้วิเคราะห์เหมือนเดิมได้งัยถ้าพื้นฐานมันเปลี่ยน ผมก็อ่านเพื่อดูข้อมูลที่เค้าอ้างอิง สุดท้ายก็อยู่ที่เรา

 :(  :(

คนที่ถือ คือคนที่มีหุ้น และคิดว่ามันจะขึ้น
คนที่ขายคือคนที่เคยมีหุ้น และคิดว่ามันจะลง

ก็เท่านั้น