Thai VI

มีคนคอยขาย 33.75 ทีละนิทีละหน่อย ขายจะหมดก็มีมาเติม
คนซื้อก็ซื้อทีละนิดทีละหน่อย พอเหลือให้คนขายเติมทีละนิด
มันทีแฮะ ไม่มีอะไรทำ

ดีครับ ผมเลยได้ที่ 33.75 ไป 1000 หุ้น หมดตัวเลย รู้งี้ไม่น่าซื้อที่ 34.5 500 หุ้น เมื่อวานเลย

รู้งี้ ๆ ๆ  ๆ ๆๆ

สงสัยจะขายไปซื้อหุ้น IPO อาทิตย์หน้าหรือเปล่าเนี่ย

นั่นนะสิพี่ คงเห็นมันไม่ไปไหนเลยขายซะก่อน เหมือน aprint เลย
มีคนขาย ก็มีคนเก็บ ถามพี่ฉัตรชัยหน่อยสิครับ ถ้ามีหุ้นจนเกิน 0.5 % เนี่ย
เราต้องทำอะไรบ้างครับ ต้องแจ้งใครหรือปล่าว หรือ อยู่เฉยๆ

โห ถึงแล้วเหรอครับ แปลว่ากระสุนเยอะจัด

ยังไม่ถึงหรอกครับ ถามเผื่อไว้ก่อน

tt เขียน:นั่นนะสิพี่ คงเห็นมันไม่ไปไหนเลยขายซะก่อน เหมือน aprint เลย
มีคนขาย ก็มีคนเก็บ ถามพี่ฉัตรชัยหน่อยสิครับ ถ้ามีหุ้นจนเกิน 0.5 % เนี่ย
เราต้องทำอะไรบ้างครับ ต้องแจ้งใครหรือปล่าว หรือ อยู่เฉยๆ

อยู่เฉยๆครับ  เดี๋ยวชื่อก็จะปรากฏ

ผมก็รออยู่เหมือนกัน ลงมาอีกเดี่ยวช่วยรับ

เห็น volume การขายวันนี้แล้ว
ตอนแรกผมเริ่มสงสัยว่ามี inside รึเปล่า

เดี๋ยวผลประกอบการออกก็รู้ครับว่ามีรึเปล่า

หรืออาจจะมี inside ด้านบวกเลยทุบเอาของ

ว่าแล้วก็อย่าคิดมากดีกว่า
งบออกก็รู้เอง  :P

ปกติ ถ้าหุ้นถึง 0.5% และเพิ่มขึ้นถึงทุกๆ 0.5%

ต้องแจ้งตลาดหลักทรัพย์ครับ

ไม่แน่ใจว่านักลงทุนทั่วไปทุกคนก็ต้องแจ้งหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ๆ ต้องแจ้งครับ

ลองศึกษากฎหมายดู ไม่ก็ถามโบรกเกอร์ครับ เพราะถ้าพลาดไปแล้ว อาจซวยได้นะ

วันนี้ไม่มีกระสุน จะขาย PRANDA ไปซื้อ อินเตอร์เนตก็ยังขัดข้อง ส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเน็ตไม่ได้ ขัดลาภมาก ๆ  :roll:

harry เขียน:ปกติ ถ้าหุ้นถึง 0.5% และเพิ่มขึ้นถึงทุกๆ 0.5%

ต้องแจ้งตลาดหลักทรัพย์ครับ

ไม่แน่ใจว่านักลงทุนทั่วไปทุกคนก็ต้องแจ้งหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ๆ ต้องแจ้งครับ

ลองศึกษากฎหมายดู ไม่ก็ถามโบรกเกอร์ครับ เพราะถ้าพลาดไปแล้ว อาจซวยได้นะ

5% ครับ  ไม่ใช่ 0.5%

ไม่จริงเสมอไปหรอกที่ว่า Volume ขายเยอะ ผลประกอบการจะออกมาไม่ดี
ผมเห็นแบบนี้มาเยอะแล้ว อย่าง centel คราวที่แล้วก่อนผลประกอบการออกมีคนขายแบบถล่มทลาย พอวันรุ่งขึ้นก็กลับมาขึ้นกระฉูด

ขอบคุณครับ ตกลงแล้วมันคือ ทุกๆ 5%

ว่าแต่ พี่ฉัตรชัยได้ซื้อ wg เพิ่มบ้างป่าวครับ ถ้าราคามันลงมาน่าสน

ผลประกอบการออกแล้ว  กำไรเพิ่มขึ้น จาก 1.15 บาทต่อหุ้น เป็น 1.36 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 18%

คงจะบอกได้ว่ามี Insider หรือเปล่า

สงสัยจะเป็นเพราะร้อนเงิน  หรือว่าเบื่อหน่ายมั๊งครับ

กำไรเพิ่มขึ้น แต่เอ๊ะมีคนขายทำไม

คุณฉัตรชัยครับ ผมเสนอว่าเลิกพูดข้อดีของ WG เรื่องเงินสด

แต่เปลี่ยนมาพูดถึง รายได้ที่โตขึ้น กำไรที่มากขึ้น และประมาณการกำไรที่มากขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้าดีกว่า

เกินความสามารถของผมนะครับ  และผมก็ไม่เชื่อว่าใครจะประมาณการได้แม่นยำ

โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก  มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อกันไปทั้งหมด  

ประเภทเด็ดดอกไม้สะเทือนไปถึงดวงดาวนะครับ

ตอนนี้ผมรอแค่ WG จะทำอย่างไรกับเงินที่มีล้นมือนี่แหละครับ อยากเห็นฝีมือผู้บริหารครับ

คุณฉัตรชัย คุณก็มีความสามารถมาก ดีกรี วิดวะจุฬา MBA ธรรมศาสตร์ และมีเวลาด้วย

ทำไมไม่ติดต่อไปที่ WG ขอเป็นที่ปรึกษาทางการเงินหละ

เรื่องนี้เปงไปได้นะ

อีกหน่อย WG กลายเป็นเหลนเบิกไชน์เลยนะ

ยินดีด้วยกับงบที่ออกครับ

ไม่รู้พี่ฉัตรชัยจะพอบอกเป็นวิทยาทานได้หรือไม่ว่า วันนึงเกิด WG มีกำไรลดลง พี่เตรียมทางออกไว้อย่างไรสำหรับหุ้นในมือ เพราะผมก็มี WG เยอะสุดเหมือนกันแต่ก็รู้สึกว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ WG เลย ว่ามันจะขายดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น หรือ แนวโน้มมันจะเป้นอย่างไร ไม่เหมือนอย่าง APRINT มันพอมองเห็นว่าสินค้าเขาเป็นอย่างไร ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร สิ่งที่รู้อย่างเดียวของ WG คือ ปัจจุบันงบการเงินดีมาก ดีพอที่พี่จะถือหุ้นตัวเดียวจริงๆ

เล่นเหมือนคราวก่อนปันผลเลยนะ  :lol:
อยากให้กำไรตกซักงวด (แบบชั่วคราว เรื้อรังไม่เอานะครับ )
:lol:

tt เขียน:ไม่รู้พี่ฉัตรชัยจะพอบอกเป็นวิทยาทานได้หรือไม่ว่า วันนึงเกิด WG มีกำไรลดลง พี่เตรียมทางออกไว้อย่างไรสำหรับหุ้นในมือ เพราะผมก็มี WG เยอะสุดเหมือนกันแต่ก็รู้สึกว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ WG เลย ว่ามันจะขายดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น หรือ แนวโน้มมันจะเป้นอย่างไร ไม่เหมือนอย่าง APRINT มันพอมองเห็นว่าสินค้าเขาเป็นอย่างไร ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร สิ่งที่รู้อย่างเดียวของ WG คือ ปัจจุบันงบการเงินดีมาก ดีพอที่พี่จะถือหุ้นตัวเดียวจริงๆ

จริงๆแล้วก็ไม่ยากสำหรับผมเลยครับ  

ถ้าถามผมว่าถ้า WG มีผลการดำเนินงานลดลง  แล้วผมจะขายไหม  

ผมจะขายเมื่อ  ผลการดำนเนิงานลดลงมากจนทำให้ราคาหุ้นในตลาดไม่มี Margin of Safety  

การที่เราลงทุนในราคาที่มี Margin of Safety มากๆเป็นเสมือนเป็นกันชนให้เราได้ส่วนหนึ่ง

แล้วถ้าต้องขาย  จะขายอย่างไร  เพราะผมถือไว้เยอะ

ก็ขายจนราคาลดลงจนมี Margin of Safety ก็หยุดขายครับ  

ไม่ยากครับ  ส่วนใหญ่ผมจะขายหมูมากกว่า  ฮิ  ฮิ      :)

Margin of safety มันไม่มีสูตรคำนวณใช่มั๊ยครับ

ของใครของมันรึเปล่า

แล้วของพี่ chatchai กำหนด margin ตัวนี้ยังไงล่ะครับ

ถ้ากำไรน้อยกว่า 50% ผมจะไม่ลงทุนครับ

คือพี่ไม่ได้ดูราคาปัจจุบันใช่มั๊ยครับ พี่ดูว่าผลประกอบการ OK ก็ไม่สนใจราคาในตลาดยกเว้นมันสูงจริง ผมมักจะใจหายแว๊บ เวลามันทำท่าลง เช่นอาทิตย์ก่อน แต่ก็ยังกัดฟันเก็บมาอีก หมื่นหุ้น ไม่รู้ว่าสถานการณ์อย่างอาทิตย์ก่อนพี่รู้สึกอย่างไร หรือ พี่ไม่สนราคาเลย ดูแต่ผลประกอบการอย่างเดียว ผมมักจะติดกับว่าเราได้กำไรเท่านี้แล้ว กลัวว่าวันนึงมันจะหายไปหมด ต้องฝึกยังไงพี่ช่วยแนะนำหน่อยสิครับ

การลงทุนนอกจากผลตอบแทนที่ดีแล้ว

ที่สำคัญเราควรมีความสุขในขณะที่ลงทุนด้วยครับ

การที่เราเต้นไปกับราคาตลาดในแต่ละวัน  ชีวิตเราคงสุขๆทุกข์ๆตลอดเวลา  และมีแต่ความกังวล

ลองคิดดูซิครับ  เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน  วันหนึ่ง อยู่ๆ WG ก็วิ่งเกือบชนซิลลิ่งที่ 30%  ราคาวิ่งไปแถวๆ 37-38 บาท

ผมก็ไม่ได้ขายอะไร  หลังจากนั้นราคาก็ไหลลงมาแถวๆ 30 บาท

ถ้าผมคิดมาก  ลองคิดดู  ขาดทุนกำไรไปหุ้นละตั้ง 7-8 บาท

ผมถืออยู่หลายแสนหุ้น  เงินก็ตกหล่นหายไปหลายล้านเหมือนกัน

แต่ใครจะไปรู้  จริงไหมครับ

กลับกัน  ถ้าผมขายไปหมด  แล้วราคาไม่หยุดวิ่ง  วิ่งต่อไป 45 บาทละครับ

ก็คงต้องมานั่งเสียดายกำไรหายไปหลายล้านอีก

ชีวิตคงแย่  ตัดสินใจแต่ละทีเป็นเงินหลายหมื่นหลายแสน  ช่องหนึ่งก็เป็นเงินแสนแล้ว

ขอบคุณครับพี่ ผมคิดอย่างที่พี่อธิบายจริงๆ คงต้องค่อยๆปรับจิตใจให้มั่นคงขึ้น

ถ้ากำไรน้อยกว่า 50% ผมจะไม่ลงทุนครับ

ขอ idea หน่อยครับ กรณีที่หุ้นตัวหนึ่ง
มีค่า intrinsic value โดยที่คิดว่าบริษัทไม่มี growth
       V = CF/K
V = มูลค่าสินทรัพย์
CF = cash flow
K = อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ

สมมุติว่าผมใช้ค่า K = 50% คำนวนมูลค่าหุ้นได้ 20 บาทต่อหุ้นขณะที่ราคาตลาด 18 ผมได้ซื้อไว้ แล้วพี่ฉัตรชัยใช้เกณท์อย่างไรในการพิจารนาขายหุ้นออก roll: [/quote]

ค่า K เป็นผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับทุกๆปีนะครับ

ถ้า K = 50% แสดงว่าเราลงทุนราคานี้แล้วได้ผลตอบแทนปีละ 50% เชียวนะครับ  รวยแน่นอน

ปรกติถ้าเราน่าจะหวังผลตอบแทนปีละไม่น่าเกิน 15%

บริษัทสมมุติมี เงินสดอิสระปีละ 6 บาท  ไม่เพิ่มไม่ลดในอนาคต

ราคาที่เหมาะสมที่จะลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนปีละ 15% คือ
6/0.15 = 40 บาท

ถ้าราคาหุ้นอยู่ที่ 20 บาท  ก็เท่ากับว่าเราลงทุนหวังผลตอบแทนได้ 100%  

แต่เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่จะราคาจะไปถึงราคาตามพื้นฐาน

ถึงแม้ราคาจะไปไม่ถึง  เราก็จะได้ผลตอบแทนทุกปีที่ 30%  เราก็ไม่จำเป็นต้องกระวนกระวายกับราคาตลาด  จริงไหมครับ