Thai VI

มีใครพอจะทราบไม๊ครับว่ามี Value Investor คนไหนอีกบ้างครับที่ติดอันดับมหาเศรษฐีของโลก หรือในอเมริกา นอกจาก Warren Buffett

อยากรู้เหมือนกันครับ ใครมีข้อมูลเชิญนะครับ

อยากรู้ในเวปนี้ก็ได้ครับ เคยทราบมาว่าคุณฉัตรชัย ก็คนนึงละ :lol:

ตรึม หาได้ในเว็บนี้ครับ ที่หน้าแรก ไม่ใช่ในเว็บบอร์ด

นั่นสิน่ะครับ ผมมัวแต่มองอะไรไกลตัวเกินไป  :lol:

jiras เขียน:อยากรู้ในเวปนี้ก็ได้ครับ เคยทราบมาว่าคุณฉัตรชัย ก็คนนึงละ :lol:

เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ  ผมแค่พอมีพอกินไปวันๆครับ

คนที่นี่ถ่อมตัวกันจริงๆ

เรียนถามพี่ chatchai ครับ WG มันไม่มีหนี้เลยเหรอครับ แล้วมีบริษัทไหนอีกบ้างที่ไม่มีภาระจ่ายดอกเบี้ยเลย

ที่เห็นมี WG กับ TR

ถ้าเช่นนั้น เราควรลงทุนกับบริษัทที่มีหนี้หรือไม่มีหนี้ดีล่ะ  บางบริษัทแม้หนี้เยอะแต่กำไรต่อส่วนผู้ถือหุ้นก็สูงกว่านะครับ

มันเหมือนงูกินหางได้อย่างเสียอย่างยังไงไม่รู้

อืม belffet ถ้าจะลงทุนแบบกำไรแน่นอน แต่ช้าหน่อยก็ WG นะ

( เรื่องช้าเป็นความรู้สึก แต่ถ้านับผลงาน กลับเร็วกว่าตัวอื่นหลายตัว เช่นบางคนถือ S&P ตอน 25 บาท ถือไปถือมาเหลือ 22 บาท อย่างนี้ต้องถือว่า WG เร็วกว่า S&P ในด้านผลตอบแทน )

อีก 3 ปี บริษัทจะมีเงินสดเท่ากับ 35 บาท เท่ากับราคาตอนนี้

แถม goodwill พนักงาน ตึกรูเบีย และสินค้าคงคลัง

เรื่องหนี้ไม่ต้องกลัวเพราะไม่มีหนี้ และ ลูกหนี้การค้า - เจ้าหนี้การค้า เหลือเงิน

ขอบคุณพี่ Jeng มากๆครับ

อีกนิดนึงนะครับ  แล้วเรื่องที่ว่า WG ทำธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเคมีล่ะครับ
ราคาที่ cycle ของมันจะส่งผลมากน้อยแค่ไหนกัน

บริษัทที่ไม่มีหนี้ในตลาดมีหลายบริษัทเหมือนกันครับ

แต่การที่บริษัทมีหนี้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร  ถ้าไม่มีมากเกินไป

บริษัทที่ไม่มีหนี้หรือมีน้อยๆ  เช่น  MANRIN    CVD    SHANG   SAWANG   LNH    SPG    TMD    AHC    FANCY    JCT    CSL    NIPPON    GYT    PR    IT    TNL    TOPP    MAKRO    CP7-11    UBC    SAUCE    SSC    SE-ED    APRINT    OISHI    S&P    RHC    ROH    MATI    FE    P-FCB    TR    TPCORP    TTL    WACOAL    SST    BTC    TSTE    KWC    SPSU    TCB    TPA  มากมายไหมครับ

ส่วนเรื่อง WG นั้น

บริษัทเป็นเพียงตัวแทนจำหน่ายเคมีภัณฑ์จากต่างประเทศครับ  

ราคาที่เป็น Cycle กระทบต่อบริษัทบ้างแต่ไม่มากนัก  เนื่องจากบริษัทใช้วิธีเสนอราคาแบบ Cost Plus ครับ  คือราคาขายคิดจากต้นทุนบวกกำไรครับ

อยากให้พี่ฉัตรชัยเล่าถึง MANRIN ให้ฟังอีกครั้งครับ

สุดยอดอะ ผมรู้สึกว่าตัวเองยังตัวจิ๊ดเดียวเมื่อเทียบกับพี่ Jeng กับพี่ chatchai

ขอบคุณมากๆครับ

แล้วเรื่องที่ว่าถือตัวเดียวในport (ที่รู้มาว่าใหญ่มาก)ของพี่ chatchai นี่ ยิ่งทึ่งครับ แหม....ทำไปได้   ...

เรื่อง MANRIN

ก่อนหน้าที่ไทยจะลดค่าเงินบาทนั้น  ทาง MANRIN ได้มีการกู้ยืมเงินเยนมาสร้างอาคารแถวศูนย์ประชุม

พอไทยลดค่าเงิน  ทาง MANRIN ก็ต้องประสบปัญหาขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจำนวนมาก

ผลการดำเนินงานของธุรกิจเดิม  คือโรงแรมเก่าๆแถวพระราม 4 ก็ไม่น่าสนใจซักเท่าไร

วันหนึ่งผมก็ได้อ่านข่าว  การข่าวโครงการดังกล่าวให้แก่กองทุนอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง  ในราคาที่มีกำไรมากทีเดียว

เมื่อผมนำเงินสดที่ได้รับจากการขายหักหนี้สินเงินกู้ยืมทั้งหมดของบริษัทแล้ว  ยังคงเหลือสิบกว่าบาทต่อหุ้น  ในขนาดที่ราคาหุ้นขณะนั้นอยู่แถวๆ 6 บาท

ผมก็ทะยอยสะสมไปเรื่อยๆนะครับ  ได้วันละไม่กี่ร้อยหุ้น  บางวันอาจได้เป็นพันหุ้น  จนถืออยู่เป็นแสนหุ้นได้

เมื่องบการเงินงวดต่อไปออก  ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้  คือบริษัทมีเงินสดต่อหุ้นจำนวนมาก  ราคาก็ค่อยๆขยับจาก 6 บาท เป็น 10 บาท

พอวันที่บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 4 บาทเศษๆ  ราคาก็มีแต่เสนอซื้อที่ Ceiling 13 บาท  เป็นแสนๆหุ้น

ลองคิดดูครับ  ซื้อหุ้นราคาประมาณ 6 บาท  ได้ปันผล 4 บาทเศษๆ ในเวลาไม่ถึงปี

แต่ผมก็ขายออกทั้งหมด  ภายใน Order เดียวครับ  ที่ตัดสินใจขายเพราะ  ถึงแม้บริษัทจะมีเงินสดอยู่มาก  แต่ตัวธุรกิจของบริษัทก็ยังคงย่ำอยู่กับที่

หลังจากปิดตลาดวันนั้น  ทาง Marketing ของผมก็บอกว่า  ทาง กลต.ได้โทรมาสอบถามประวัติของผมนะครับ  กลัวว่าเป็น Insider นะครับ  

หลังจากผมขายเป็นอย่างไรต่อหรือไม่ครับ  ราคาก็ยังคงวิ่งต่อครับ  ไปหยุดแถวๆ 20 บาทหลัง XD นะครับ

ผมขาดทุนกำไรเป็นล้านเชียวนะครับ

แล้วพี่รู้สึกยังไงครับ กับ deal ครั้งนั้น

ความเห็นผมก็เหมือนพี่นะครับ โรงแรมตรงพระราม4 มันเก่าๆไม่น่าเข้าจริงๆ
ถ้ามองว่าเป็นการลงทุน ผมคงไม่อยากเป้นเจ้าของโรงแรมตรงนั้นเท่าไหร่

ราคาหุ้นตอนนี้อาจสูงเกินไปแล้วก็ได้

แล้วพี่ Chatchai คิดเห็นอย่างไรครับ

ปล. แสดงว่าแต่ก่อนพี่ก็ไม่ได้ถือ WG ตัวเดียวใช่มั๊ยครับ เรียนถามว่าเคยถือสูงสุดใน port ซักกี่ตัวอะครับ

การประเมินมูลค่าบริษัทนั้นก็แล้วแต่วิธีการ  และขึ้นอยู่กับคนด้วย

อย่าง MANRIN ถ้าพิจารณาจากตัวธุรกิจ  ราคาแถวนี้ก็เรียกว่าไม่ถูก  แต่ถ้าพิจารณาจากสินทรัพย์ที่บริษัทมีอยู่  ก็ยังถูกอยู่มาก  เนื่องจากบริษัทก็ยังคงมีเงินสดเหลืออยู่มาก  และที่สำคัญมีที่ดินแปลงใหญ่ๆ  แถวรังสิต  อยุธยา  และอีกหลายที่  ซึ่งลงบันทึกมูลค่าต่ำกว่าราคาตลาดมากๆ

ผมเคยลงทุนมากสุด 4 บริษัทนะครับ

หลังจากอ่านการวิเคราะห์ธุรกิจย้อนหลังในร้อยคนร้อยหุ้น ดูข้อมูลตามตัวเลขต่างๆ ของ WG ทำให้ผมมองตัวนี้น่าซื้อลงทุนดีทีเดียว

แต่เรื่องใจเกี่ยวกับ ราคาหุ้น นี่สิครับ ปัญหาใหญ่ผมคงยังไม่เก่งกล้าพอที่จะซื้อในราคาที่ขึ้นมาพอสมควรในช่วงหนึ่งปีมานี้

คุณ Chatchai ดูราคาตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ ยังพอรับได้ไหม

[quote="chatchai"]บริษัทที่ไม่มีหนี้ในตลาดมีหลายบริษัทเหมือนกันครับ

แต่การที่บริษัทมีหนี้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

อย่าง ดร. นิเวศน์ นี่ถือว่ารวยอันดับที่เท่าไหร่ของเมืองไทยครับ

ผมเห็นคนจัดอันดับรวยหุ้น จำได้ว่า ไม่เจอชื่อ ดร. นะ

หรือว่าต้องระดับหมื่นล้าน ถึงจะมีชื่อให้เห็น

harry เขียน:อย่าง ดร. นิเวศน์ นี่ถือว่ารวยอันดับที่เท่าไหร่ของเมืองไทยครับ

ผมเห็นคนจัดอันดับรวยหุ้น จำได้ว่า ไม่เจอชื่อ ดร. นะ

หรือว่าต้องระดับหมื่นล้าน ถึงจะมีชื่อให้เห็น

ดร มีหุ้นในชื่อภรรยาด้วยนี่ครับ เข้าใจว่าเยอะทีเดียว

ตอนนี้ไม่ติดอันดับ แต่อีกห้าปีสิบปี นี่อาจพุ่งปรี้ดเลยก็ได้

รวยแบบยั่งยืน

สงสัย ดร. แบ่งทั้งชื่อตัวเองและภรรยา

ตามกฎหมายถือว่าเป็นหนึ่งเดียวกันมั้ยครับ หรือไม่ใช่

แต่พวกสำรวจหุ้นที่เคยอ่านเจอ แม่ ลูก พี่ น้อง แยกกันหมดเลย

เท่าที่ทราบ ดร.ซื้อหุ้นในชื่อภรรยาของท่านทั้งหมดครับ (เท่าที่สังเกต ในที่นี้ก็มีหลายท่านที่ซื้อในชื่อแฟนและก็มักจะได้รับผลตอบแทนกันสูงๆทั้งนั้นเลย สงสัยต้องลองทำดูบ้าง :lol: )

ตามกฎหมาย ถือว่าเงินได้จากเงินปันผล (และเงินได้ประเภท 40(2) - 40 (8)) ของภรรยา(จดทะเบียน)ให้นำมารวมคำนวณเป็นเงินได้ของสามี เพื่อเสียภาษีเงินได้ครับ

Kao เขียน:เท่าที่ทราบ ดร.ซื้อหุ้นในชื่อภรรยาของท่านทั้งหมดครับ (เท่าที่สังเกต ในที่นี้ก็มีหลายท่านที่ซื้อในชื่อแฟนและก็มักจะได้รับผลตอบแทนกันสูงๆทั้งนั้นเลย สงสัยต้องลองทำดูบ้าง :lol: )

หุๆ ผมก็ใช้เคล็ดนี้นะครับ ปรากฎว่าพอร์ตของแฟนกำไรครับ แต่ของผมเจ๊งครับ

อืมมมม ไม่เชื่ออย่าลบหลู่  :lol: