Thai VI

น้องขอเรียนถามความเห็นจากพี่ๆและเพื่อนๆเกี่ยวกับมุมมองต่ออนาคตของหุ้นในกลุ่ม "อาหาร" หน่อยคะว่าอนาคตของตัวใดน่าจะมีที่ว่างให้เติบโตได้อีกมาก  เรียงตามลำดับ (เท่าที่จะนึกได้) พร้อมเหตุผลประกอบ เอาเฉพาะตัวผลิตภัณฑ์ก็แล้วกันนะคะ  ไม่ได้หมายรวมถึงการกะเก็งราคาหรือผลประกอบการ

น้องขอประเดิมก่อนเลยนะคะ

อันดับ 1  MINT (เฉพาะ Minor Food Group คะ .... โรงแรมไม่เกี่ยว)
อันดับ 2  CENTEL (เช่นกันคะ ... โรงแรมไม่เกี่ยว)
อันดับ 3  PB
อันดับ 4  TUF
อันดับ 5  TF
อันดับ 6  PR

เหตุผลหลักคือ MINT กับ CENTEL มีผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับ trend ของผู้บริโภคที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต  โดยที่ MINT จะเหนือกว่าเพราะเข้าไปขยายตลาดในจีน ซึ่งกระแสบริโภคแนวตะวันตกกำลังเบ่งบานสุดๆ

PB ตามมาอันดับสามจากกระแสบริโภคนิยมแนวตะวันตกเช่นกัน  ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า  สัดส่วนผู้บริโภคขนมปังจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของสังคมเมืองสมัยใหม่  แต่ขนมปังเมื่อเทียบกับ pizza หรือ steak รู้สึกสองอย่างหลังดูจะออกแนว western กว่า การขยายตัวจึงน่าจะยังไม่สู้สองอันดับแรก

TUF, TF, PR ไม่ใช่แค่ขวัญใจคนจนอีกต่อไปแล้ว  น้องว่าหาผลิตภัณฑ์ของทั้งสามได้ในทุกครัวเลย  TUF ได้เปรียบกว่าหน่อยเพราะมีตลาดต่างประเทศ  แต่กลุ่มนี้จะว่าไปก็ขยายตัวตามจำนวนประชากรซะมากกว่านะคะ  ไม่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยน life style ของประชากรสักเท่าไหร่

อยากอ่านความเห็นของท่านอื่นมากๆเลยคะ  เรียนเชิญพี่สามัญชน, พี่สุมาอี้, พี่ลูกอีสาน, พี่คัดท้าย, พี่Dr. T, พี่ปรัชญา, พี่Jeng เป็นพิเศษนะคะ

โดยเฉพาะคนสุดท้ายเนี่ยสำคัญนัก  มาชวนน้องคุยเรื่อง TR แล้วหายหน้าหายตาไปเลย

TUF นี่เก่งจริงๆนะ ปีที่แล้วขายได้ตั้ง 47000 ล้าน แถมมียอดขายปลาทูน่าติดอันดับสองของโลก ไม่ธรรมดาจริง

อืม และตอนนี้กระแสกำลังมาแรงเรื่องการกินปลา ป้องกันโรคหัวใจ

ซึ่งโรคหัวใจนี่ดันมาติดอันดับหนึ่ง ทั้งในและต่างประเทศ

ดูๆแล้ว แนวโน้มการกินปลาทูน่าในยุโรป และเมกา อาจจะเพิ่มขึ้นนะครับ

แต่เมื่องไทย ก็ไม่ค่อยเห็นคนกินเท่าไร

ส่วนเรื่อง TF นี่ไม่สนใจเท่าไร เพราะคิดว่า ไม่น่าจะครองใจคนได้ตลอด สังเกตุได้จาก มีบะหมี่แบบนี้ให้เลือกตรึมเลย

PB ต้องยกนิ้ว ทั้ง 20 นิ้วให้เฮียคลายเครียดนะ ไม่ธรรมดาจิงๆอ่านขาด อืม ตอนพี่ป่วยนะ ก็ได้กิน PB นี่แหละที่กินลง อย่างอื่นกินไม่ลงเลย

ถ้าไปเรื่อย ๆ ก็ต้อง TF คงไม่มีแย่ลงแน่นอน เพราะถึงมีให้เลือกตรึม แต่ผมก็เห็นส่วนใหญ่หลัก ๆ ก็ต้อง มาม่า

ส่วน centel กัน mint นี่ดูแล้วน่าจะน้องมินท์ที่คาดว่าจะโตเร็วกว่า เพราะ centel เองตัวนี่น่าจะขยายได้เยอะ ก็แค่ ป้าแอนตี้แอนต์ ส่วนอันอื่นไม่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธ์คนเดียวคงขยายไม่ได้มากนัก

ส่วน PR กับ PB ผมว่าคงพอ ๆ กัน รายได้ส่วนใหญ่ของ PR ก็คงตามจาก PB นั่นแหละ เพราะพวกโจ๊ก กับบะหมี่เส้นขาวนี่ คงไม่ stable เท่าไหร่

เอาเฉพาะคุณภาพนะครับ ไม่คำนึงถึงราคา ความถูกแพงของหุ้น

MINT เป็นผู้นำตลาดทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้นแฮมเบอเกอร์ นอกจากนั้นยังมีแบรนด์ รวมถึงการได้สิทธิ์ขยายไปต่างประเทศ นอกเหนือจากประเทศไทย ทำให้มีโอกาสขยายตัวมหาศาล  ผู้บริหารก็เยี่ยมมากครับ กระแสเงินสดเฉพาะส่วนอาหารดีมาก ความเสี่ยงก็คือความสำเร็จในการขยายตัวไปต่างประเทศครับ (ในประเทศคงไม่ต้องสงสัย) รวมถึงการพึ่งพิงผู้บริหาร

CENTEL เป็นผู้รับแฟรนไชร์จากต่างประเทศ มีความเสี่ยงสูงกว่า การขยายตัวถูกจำกัด เพราะบริษัทแม่ทำธุรกิจแข่งขันด้วย(KFC PIZZA) ส่วนแบรนด์อื่นๆ ดังกิ้น โดนัท ความสำเร็จของ pon der ring ก็ดูฉาบฉวย อานตี้ แอนด์ ผมไม่คิดว่าจะถูกปากคนไทยในระยะยาวครับ สาขาใกล้บ้านผม ตอนเปิดใหม่ๆ ต้องรอคิวครับ แต่ตอนนี้แทบไม่มีคนเข้า ผมซื้อครั้งแรกก็ไม่เอาอีกแล้ว เพราะแพงมาก สำหรับแป้งอบธรรมดา  แต่ที่หนักกว่าคือ บาสกิ้น รอบบิ้น แทบไม่มีคนซื้อเลย ไปซื้อ Dairy Queen กันซะหมด

เป็นมุมมองของผมคนเดียวนะครับ คนที่ถือหุ้น centel อาจจะไม่มองอย่างนี้ และก็ใช่ว่าความคิดผมจะถูกเสมอไป

กลัวโดนหรือ

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เป็นมุมมองของผมคนเดียวนะครับ คนที่ถือหุ้น centel อาจจะไม่มองอย่างนี้ และก็ใช่ว่าความคิดผมจะถูกเสมอไป

กลัวโดนหรือ

:lol:  :lol: ต้องออกตัวไว้ก่อนครับพี่ แต่ความหมายก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

PR  ธุรกิจหลักอิ่มตัวแล้วครับ แต่มีกำไรจากที่ถือหุ้น PB 37% บริษัทมีเงินสดมาก แต่ต้องใช้ในการสร้างโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งไม่ได้รับประกันว่าจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้น เพราะปัญหาของ PR ไม่ใช่กำลังการผลิต แต่เป็นการขายมากกว่า นี่อาจจะเป็นเหตผลที่ ดร. ขายหุ้นไปครับ

PB ธุรกิจเติบโตตลอดครับ อาจจะตามวิถีชีวิตคนยุคใหม่ มีจุดแข็งที่การกระจายสินค้า มีกลุ่มสหพัฒน์สนับสนุน มีความเสี่ยงอยู่บ้างที่มีการขายผ่าน 7-11 พอสมควร อาจโดนกระทบเพราะ cp จะผลิตขนมปังเอง  มีการขยายไปทำร้านเบเกอรี่ เดลิย่า (ไม่แน่ใจ) ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำกำไรหรือเปล่า

ขอบคุณอย่างสูงครับที่ให้เกียรติ

แต่ผมไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย รู้แค่งูๆปลาๆครับ  

คุณ INVISIBLE HAND รู้สึกว่าจะเป็นแฟนประจำ MINT  เช่นเดียวกันและคงได้กำไรไม่น้อยเลยทีเดียว เดี๋ยวผมช่วยเชิญมาตอบนะครับ

  ไม่มีใครสน oishi กับ s&p บ้างเหรอครับ

   Tuf  พูดทีไรปวดใจทุกทีเคยซื้อ 19 บาทกว่าๆ ขายไป 20 มั้ง  เพราะตอนนั้นเพิ่งเริ่มลงทุนและเห็นโครงการ Esop  ไม่รู้เมื่อไรจะมีข่าวร้ายแบบนั้นอีกเนี่ย   :lol:

TF หลังจากปีที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเสียส่วนแบ่งการตลาดให้คู่แข่ง แต่ปีนี้ทราบว่าดึงส่วนแบ่งคืนมาได้แล้ว ทำให้มีกำไรพอสมควรครับ เป็นธุรกิจที่อิ่มตัว ถือกินปันผลไปได้เรื่อยๆครับ

TUF เป็นบริษัทที่ดีแห่งนึงครับ พยายามหาโอกาสเติบโตอยู่เสมอ แต่แลกมาด้วยความเสี่ยงระดับนึงครับคือ
-หนี้ค่อนข้างสูงประมาณ 8,000 ล้าน เป็นผลจากการปันผลมากเกินไปในอดีต ทำให้งบการเงินดูอ่อนแอลงไป ในอนาคน tuf จะปันผลจากกำไรเป็นสัดส่วนที่น้อยลงครับ
-คาดการณ์กำไรยากครับ เพราะต้นทุนวัตถุดิบ (ส่วนใหญ่เป็นปลาทูน่า skipt jack) ค่อนข้างผันผวนครับ ตอนนี้ราคาปลาขึ้นมาสูงมาก ไม่ทราบว่ากำไรจะเป็นอย่างไร ในขณะที่การพยายามลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า หันไปด้านกุ้ง ก็มีปัญหาเรื่องแรงงาน และการกีดกันการค้าครับ
-อีสป เข้าใจว่ามีไม่มากนะครับ การใช้สิทธ์ ที่ราคา 8 บาทลบ-ราคาตลาด ผมมีเพื่อนๆหลายคนที่ได้อีสป ได้เงินมากกว่าโบนัสมากครับ

สรุปว่าโอกาสการเติบโตมีสูง แต่ควรลดหนี้ครับ

OISHI มีกระแสเงินสดดีมากครับ แต่ความเสี่ยงของกิจการก็สูง เช่นกัน เช่นการพึ่งพิงผู้บริหาร และกระแสความนิยมผลิตภัณฑ์หลัก ดูเหมือนไม่ยั่งยืนครับ คิดว่าตลาดก็รับรู้ถึงความเสี่ยงนี้ครับ ทำให้ราคาสาละวันเตี้ยลง

S&P ก็อีกตัวครับ หุ้นดีที่ไม่น่าซื้อเพราะมีวอร์แรนต์ทั้งที่มีเงินสดเหลือเยอะมาก น่าจะนำมาซื้อหุ้นคืนนะครับ โอกาสขยายตัวในประเทศมีจำกัด ในขณะที่การรุกตลาดต่างประเทศ เป็นไปอย่างเชื่องช้ามากๆ ครับ น่าผิดหวัง  ผมไม่ชอบร้านอาหาร เพราะแพง และไม่มีจุดเด่นเลย แต่ชอบพวกเบเกอรี่ อุดหนุนบ่อยมาก แพงหนอ่ย แต่อร่อย สะอาด บรรจุภัณฑ์สวยน่ากิน

SFP ตัวนี้ผมเคยพูดถึงนานมาแล้ว ตอนที่ราคา 80 บาท
ราคาก็กระโดดขึ้นไปที่ 90 กว่าบาท
ตอนนี้ราคา 47 บาท คนที่ซื้อตอนนั้นและถือไว้อาจจะ  :twisted:

ที่ราคาลดลงมาก เพราะธุรกิจสัปปะรด ไม่เป็นสัปปะรดครับ คือผลผลิตน้อย คู่แข่งตีตลาด ค่าเงินแข็ง กระป๋องแพง ในปีนี้ก็เช่นกัน ทำให้กำไรลดลงมาก หากเป็นเหตุการชั่วคราว ก็น่าสนใจครับเพราะ

-ในอดีต ยกเว้นปีที่แล้ว ปันผลสูงครับประมาณ 4-5 บาท
-ผู้ถือหุ้นเพิ่งซื้อหุ้น big lot ที่ 90 บาท
-ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น มีความน่าเชื่อถือ
-มีที่ดิน 20,000 ไร่ 12,000 ไร่ที่ชลบุรี ราคาตลาดเท่าไหร่ไม่ทราบ แต่ผืนใหญ่อย่างนี้ น่าจะเอาไปทำนิคม เหมือนที่หุ้นส่วนกับเหมราช
-บริษัทที่หุ้นส่วนกับเหมราช ทำนิคม กำไรดีมากเพิ่มขึ้นทุกปี
-กำไรสร้างโรงงานข้าวโพดหวาน ตัวนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของบริษัทได้ครับ

MINT   คงจะเป็นหุ้นอาหารที่ผ่านวิกฤติมาแล้ว  วิกฤติในที่นี้คือการที่ต้องเสีย brand  " Pizza Hut "  ไป  แต่สามารถสร้าง brand " The Pizza " ให้มี mkt share อันดับ 1 ได้  และทำให้ไม่ต้องเสียค่า brand อีกด้วย   ส่วน  brand อื่นๆ  ก็ถือว่าทำได้ดี  โดยเฉพาะ Swensen  ซึ่งเป็นยีห้อที่ในเมืองนอกก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรแต่สามารถทำให้มี share อันดับ 1 ในประเทศไทยได้   brand ที่ Mint ยังทำไม่ได้ดีคือ Burger King ครับ

CENTEL  ทำได้ดีมากๆ ในระยะหลังๆ คือ Auntie Ant ( เกรงว่าจะสะกดผิดเพราะยังไม่ได้ถือตัวนี้เลย  แต่ผมก็ชอบทานพอสมควร )  และ Mister Donut    สำหรับ Baskin ก็ดีขึ้นมาก   โดยส่วนตัวแม้ผมจะถือ Mint แต่ก็ชอบทาน Baskin มากกว่า    สำหรับ KFC ก็ดีเช่นกัน   แต่ที่ยังไม่ดีนักคือ Pizza Hut    จุดเสียของ centel อาจจะอยู่ที่การที่ต้องเสียค่า royalty fee ใน brand หลักอย่าง KFC และ Pizza Hut ครับ

Value อีกตัวหนึ่งของ Mint และ Centel คือฐานข้อมูลลูกค้า delivery ซึ่งผมมองว่าน่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้มากในอนาคตครับ

PB  ผมก็มองว่าน่าจะมีการเติบโตที่สูงทีเดียว   เวลาผมต้องซื้อขนมปังก็ไม่ค่อยได้ดูยี่ห้ออื่นๆ เท่าไหร่และด้วยความที่ราคาขนมปังแถวก็ไม่ได้แพงมากดังนั้นราคาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่   เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงจะติดกับยี่ห้องฟาร์มเฮาส์มากกว่า   และขนมปังเป็นอาหารที่ทานเร็วกว่าข้าวมากๆ  ดังนั้นความนิยมการทานเป็นอาหารเช้าอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  

TF  มาม่า  ก็คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากมั้งครับ  ตราบใดที่ไม่มีบทวิจัยที่ชัดเจนว่าการทานมาม่าจะอันตรายมากๆ  ผมว่ามาม่ายังขายดี   ผมว่าถ้าทานไม่มากเกินไปในแต่ละเดือนก็คงไม่เป็นอะไรมั้งครับเพราะคนไทยก็ทานกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว   จะหาอะไรที่ราคา 5 บาทกับน้ำร้อน 1 ถ้วย  ทานแล้วอิ่มตอนนี้ก็คงไม่มีแล้วถ้าไม่ใช่มาม่าครับ      

TUF  คงเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ ยากอยู่ครับ  หากมอง brand ในประเทศก็ยังถือว่าไม่แข็งแรงนัก  ส่วนแบรนด์ต่างประเทศก็คือ Chicken of the Sea   ก็เป็นอันดับ 2-3  ในแง่ปลาทูน่ากระป๋อง  ก็คงพอไปได้เรื่อยๆ   ปลาทูน่าที่สหรัฐก็กระป๋องละประมาณ 0.5-1.0 เหรียญก็เปรียบเทียบคล้ายๆ มาม่าบ้านเราคือมีความเป็น inferior goods อยู่หน่อยๆ  

PR  ผมคงตัดออกไปเพราะรายได้หลักมาจากการขายข้าวซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ครับ

ธุรกิจอาหารก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่ควรมีใน port บ้างเช่นกันครับเพราะมีความผันผวนตามเศรษฐกิจต่ำและลูกค้ามีแนวโน้มที่จะซื้อซ้ำ

โห ได้ข้อมูลเพียบเลย...

หุ้นเหล่านี้ผมไม่ค่อยมีความรู้เลยครับ มองๆ MINT อยู่บ้างแต่ไม่ได้ซื้อครับ

ผมเพิ่งพาลูกสาวตัวเล็กไปทาน Pizza Hut มาเมื่อเที่ยงวันนี้เอง  ไม่ได้ไปนานนนนนน มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกแล้ว  ตั้งแต่เกิดปัญหา Pizza Hut VS The Pizza
ปรกติสั่ง Pizza บ่อยมาก  แต่สั่งมาส่งที่บ้าน  และก็สั่ง The Pizza มาตลอด ไม่เคยสั่ง Pizza Hut เลย  วันนี้บังเอิญ จะไปที่ห้างฯ   Central Airport Plaza...Robinson...เชียงใหม่  ก็เลยกะว่าจะพายายตัวเล็กไปทาน Pizza Hut ลิขสิทธิ์ของแท้...ดั้งเดิม

แต่สิ่งที่ได้รับ...ผิดหวังมากครับ..ขอบอก

ที่แรกที่เข้าไปก็สังเกตุอยู่เหมือนกันว่า..ปรกติทานอาหารตอนเที่ยงวันในร้านอาหารดังๆ  มักจะมีคนแน่นไปหมด  เคยรอคิวบ่อยๆ  แต่ไหงวันนี้วันเสาร์เที่ยงกว่าๆหน่อย...ทามมายไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่

คิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ้างว่าวันนี้โชคดี...

แต่สิ่งที่ได้พบ....กลับกันโดยสิ้นเชิง

ปรกติ...ผมสั่ง Pizza  มาทานเพราะลูกสาวผมชอบทานมาก  ผมแทบจะไม่เคยทานเลย...ลิ้มรส...ก็ตอนที่มันเหลือ...หาคนทานไม่ได้แล้ว...เข้าข่ายเสียดายของอย่างที่ VI ทั้งหลายเป็น

จริงๆที่สั่งบ่อยไม่ใช่ Pizza หรอก แต่เป็น Spagetti(Pasta) อบชีส ไวท์ครีมซอร์สแฮมเห็ดที่เคยสั่งประจำ  ยายตัวเล็กลูกสาวผมชอบมาก...แต่ผมเคยชิมดูแล้ว...ไม่เห็นอร่อยเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย

แต่เด็กๆชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ก็ไม่ว่ากัน

แต่ก็เกิดเรื่องที่ทำให้ผมสงสัยว่า...มาตรฐานแฟรนส์ชายต่างๆมันอยู่ที่ไหน

ผมสั่งอาหารหลายอย่าง...ที่พนักงานมาเสิร์ฟได้ตามปรกติ
แต่ผมไม่ชอบดื่มน้ำดำ...ก็เลยขอน้ำเปล่า...คริสตอล  ขวดละสิบห้าบาท  ของยายตัวเล็กลูกสาวผม...ก็ต้อง Pepsi แก้วละสามสิบบาท....แก้วนอดเดียว...ทามมัยแพงจัง...แต่คนมีตังซะอย่าง...สบายมาก

ที่เสียความรู้สึกมากๆก็คือ  แก้วใส่น้ำแข็งที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ  ปรกติพนักงานจะเปิดขวดแล้วรินให้  แต่ตอนนี้ไม่ริน...ผมต้องเปิดเอง..รินเอง
ที่เสียความรู้สึกคือ...พอรินน้ำใส่แก้วน้ำแข็ง   ก็สังเกตุเห็นว่ามีวัตถุแปลกๆมันเกาะอยู่ที่ก้อนน้ำแข็งร่วงหล่นลงก้นแก้ว  ดูเหมือนแมลง...กับอไรซักอย่าง  ผมรีบบอกพนักงานที่อยู่ใกล้ๆว่าขอเปลี่ยนแก้วน้ำแข็งใหม่  ซึ่งพนักงานก็นำแก้วน้ำแข็งใหม่มาเปลี่ยนในเวลาไม่นานนัก  แต่...น้ำในขวดตูรินทิ้งไปเกือบครึ่งขวดแล้ว....ม่ายเป็นไร...ยังมีเหลือพออิ่มน่า

อาหารที่สั่งทยอยมาส่งเป็นลำดับ...แต่

ยายตัวเล็กลูกสาวผมรอคอยแต่ Pasta อบชีสที่ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกก

อาหารอื่นทานกันจนหมด...................

รอคอยแต่ Pasta อบชีส...คอยแล้วคอยเล่า มันเกินครึ่งชั่วโมงแล้วนี่หว่า

จนกระทั้งผมรอไม่ไหว...

ก็ที่เคยสั่งจาก The Pizza 1112 ไปส่งถึงบ้าน  ยังไม่เคยช้าขนาดนี้เลย...เคยเหมือนกัน...แต่ผมได้รับค่าชดเชยเป็นคูปอง สั่ง Pizza ฟรี ถาดใหญ่เคยได้มา  2 ครั้งแล้ว

ที่ได้เป็นเพราะเป็นช่วงเทศกาล...วันหยุด...อะไรม่ายรู้...จำไม่ได้ พนักงานส่งบอกว่าส่งไม่ทันจริงๆ...คนสั่งเยอะมาก...ตอนนั้นจำได้ว่าได้รับ Pizza หลังจากสั่งเกือยชั่วโมงครึ่ง....ก็หงุดหงิดนะสิ

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่...ก็มานั่งที่ร้าน
สั่งที่ร้านแท้ๆ
แต่รอแล้วรอเล่า
อาหารอย่างอื่นมาเร็วมาก...ก็คงทำรอไว้แล้ว
แต่  Pasta อบชีส  ไม่มาซักที
รอแล้วรอเล่า  สิบนาที...ยี่สิบนาที
จนกระทั้งครึ่งชั่วโมง

ผมก็เลยต้องเรียกพนักงานมาสอบถาม...และขอให้เร่งรายการอาหารที่สั่งหน่อย...มันนนานแล้ว...อย่างอื่นทานกันจนหมดแล้ว

พนักงานกลับมาแล้วแจ้งว่า Order หลุดไป

ผมไม่โทษว่าเป็นความผิดของพนักงานหรอก  แต่ที่อยากถามคือ

แฟรนส์ไชน์ Pizza Hut มีมาตรฐานการให้บริการแค่ไหนหรือ  ขาย Pizza มากี่ปีแล้ว  ค่าแฟรนส์ไชน์แพงแสนแพง  มีอย่างที่ไหน...ลูกค้าออเดอร์แล้วมันหลุดไปไหนไม่รู้  

วันนี้ลูกสาวผมได้ทาน Pasta หลังจากสั่งแล้วประมาณ 45 นาที ซึ่งปรกติ...ผมสั่งจาก The Pizza มาทานที่บ้าน  ซึ่งห่างจากร้านประมาณ 8 กม. ได้ทานไปแล้ว...นี่นั่งสั่งที่ร้านแท้ๆ

ผมแค่จะมาบ่นให้นักลงทุนรับทราบว่า...Pizza ของใครเป็นไงแค่นั้นเอง  ส่วนใครจะถือหุ้นใครก็คิดกันเอง...

บอกก่อนเลยว่า...ตอนนี้ผมไม่มีหุ้นทั้ง MINT และ CENTEL  และยังไม่คิดจะซื้อ