Thai VI

เกิดอะไรขึ้นครับ...

สงสัยโดนกีดกัน ไม่สมหวัง

แปลว่าได้เวลาสะสมตังค์ซื้อทองคำดำอีกแล้วซิครับ

สงสัยโดนขายสั้นละมังครับ

ปรับค่า FT เพิ่มแค่ 10 ตังค์ นายตลาดขวัญผวาเลยครับ

ผมมีทั้ง 2 ตัวเลยเนี่ย ขาดทุนกำไรตรึม... จะซื้อเพิ่มก็ไม่มีตังค์  

PTTช่วยฉุดปรับเอฟทีไฟฟ้าขึ้น10สต. 'ประเสริฐ'ยอมรับกระทบกำไรในปีนี้

       สรุปค่าไฟฟ้าค่าเอฟทีปรับขึ้น 10 สตางค์/หน่วย เหตุ 'ปตท.'เกลี่ยราคาส่วนลด
ก๊าซล่วงหน้า และนำสัญญาเทคออร์ก๊าซพม่ามาปรับลดให้รวม 6.5 หมื่นลบ. 'ประเสริฐ'
ระบุงวดหน้าต้องปล่อยไปตามกลไกลตลาด พร้อมยอมรับส่งผลกระทบต่อกำไรในปีนี้บ้าง
               นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับ
สูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) เปิดเผยถึงการประชุมคณะอนุกรรมการเอฟที
วานนี้ (18 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาค่าเอฟทีตามสูตรการคำนวณค่าเอฟทีใหม่เก็บตาม
งวดที่เกิดขึ้นจริง ประจำเดือนตุลาคม 2548 - มกราคม 2549 และมีมติเห็นชอบให้เรียกปรับค่า
เอฟทีในงวดนี้เพิ่มขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย จากเอฟทีเดิม 46.83 สตางค์ต่อหน่วย จะเป็น 56.83
สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฐานคงที่ 2.25 บาทต่อหน่วย ค่าไฟฟ้าที่จะเรียกเก็บจาก
ประชาชนชน จะเป็น 2.82 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.68
             ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญเพราะไม่สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำที่มีต้นทุนต่ำที่สุดได้เต็มที่
เนื่องจากเกิดปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ต้องใช้เชื้อเพลิงอื่นผลิตไฟฟ้าแทน ซึ่งที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันเตามีราคาสูงขึ้นร้อยละ 34 จากต้นปีมาอยู่ที่ระดับ 14.18 บาทต่อลิตร และในขณะ
เดียวกัน ราคาก๊าซธรรมชาติได้ทยอยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 188 บาทต่อล้านบีทียู อย่างไรก็
ตาม ในส่วนของราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบจากค่า
ไฟฟ้าให้กับประชาชน  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) จะได้นำส่วนลดราคาก๊าซธรรมชาติ
ในอนาคตจากผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติต่าง ๆ ในอ่าวไทยตั้งแต่ปี 2549 - 2551 กว่า 6,000 ล้าน
บาท มาเกลี่ยราคาจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้กับ บริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน)  และผู้ผลิตไฟฟ้า
อิสระรายใหญ่ (IPP) ทำให้สามารถลดราคาก๊าซธรรมชาติลงได้ 28 บาทต่อล้านบีทียู มาอยู่ที่
ระดับ 160 บาทต่อล้านบีทียู
             นอกจากนั้น ที่ผ่านมา กฟผ. ยังช่วยรับภาระค่าเชื้อเพลิงที่จ่ายไปล่วงหน้าแล้ว แต่ยังไม่
ได้เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าเป็นเงินรวมประมาณ 35,000 ล้านบาท โดยจะไม่นำมาเรียกเก็บใน
ค่าเอฟทีกับประชาชนอีก
             'คณะอนุกรรมการกำกับสูตรเอฟที มีความเห็นว่า แม้ว่าค่าเอฟทีที่จะปรับเพิ่มขึ้น 10
สตางค์ต่อหน่วย แต่ในส่วนของผู้ใช้ไฟฟ้า บ้านอยู่อาศัยขนาดเล็กที่มีการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณ
78 หน่วยต่อเดือน จำนวน 9.58 ล้านราย ซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 61 ของกลุ่มผู้ใช้
ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยทั่วประเทศ จะมีค่าใช้จ่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 7.80 บาทต่อเดือนเท่า
นั้น และทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประชาชนทุกคนคือ การช่วยกันประหยัดการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อ
ลดการใช้น้ำมันในการผลิตไฟฟ้า เพราะปัจจุบันต้นทุนน้ำมันมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ
ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าให้สูงขึ้นตาม ดังนั้น ความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในการ
ประหยัดไฟฟ้า นอกจากจะทำให้ประชาชนจ่ายค่าไฟฟ้าถูกลงแล้ว ยังทำให้ประเทศชาติประหยัด
การนำเข้าน้ำมัน ทำให้ไม่ต้องเสียดุลการค้าอีกด้วย' นายเชิดพงษ์ กล่าว
            'กลางปีหน้า ค่าเอฟทีอาจจะต่ำกว่า หรือลดลงกว่านี้ก็ได้ เพราะท่อก๊าซฯ จากแหล่ง
ภูฮ่อม มาโรงไฟฟ้าน้ำพองเสร็จแล้ว กำลังผลิตโรงไฟฟ้าจะเพิ่มจาก 150 เมกะวัตต์ เป็น 700
เมกะวัตต์ ถ้า ปตท. 6,000 ล้านบาท ที่มาเกลี่ยได้เจรจามา ถ้าไม่เกลี่ยแล้วค่าไฟฟ้าเอฟทีจะปรับ
ถึง 26 สตางค์/หน่วย ในขณะเดียวกัน กระทรวงพลังงานได้ทำหนังสือถึงเจ้าของสัมปทานแหล่ง
ก๊าซฯ ต่าง ๆ เกลี่ยราคาก๊าซฯ อีกครั้ง หากเสร็จสิ้นใน 3-4 เดือนข้างหน้า ก็จะทำให้ค่าไฟฟ้างวด
หน้าเพิ่มขึ้นน้อยลง' นายเชิดพงษ์ กล่าว
              นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ส่วนลดราคา
ก๊าซฯ ที่ ปตท.ได้นำมาช่วยปรับลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดนี้ เป็นวงเงินรวม 6,500 ล้าน
บาท มาจากการเจรจาปรับลดราคาก๊าซจากแหล่งต่าง ๆ ในอ่าวไทย ที่มีการเจรจามาก่อนหน้านี้
เป็นส่วนลดตั้งแต่ปี 2549-2551 เป็นเงิน 6,000 ล้านบาท และส่วนที่ 2 มาจากราคาก๊าซฯ ทีไทย
ได้รับผลประโยชน์กรณีการรับซื้อก๊าซฯ จากพม่า ในช่วงแรกที่โรงไฟฟ้าราชบุรี ยังก่อสร้างไม่แล้ว
เสร็จตามสัญญา Take Or Pay หรือสัญญาที่ไม่ใช้ก็ต้องจ่าย ที่นับได้ว่าในขณะนี้เป็นประโยชน์
ต่อประเทศไทยเพราะราคาถูกกว่าในอัตราปัจจุบัน นับเป็นวงเงินที่มาลดราคาเอฟทีครั้งนี้ 500
ล้านบาท จึงส่งผลทำให้ราคาเชื้อเพลิงรวมที่เดิมจะมีการปรับขึ้น 10,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น
ค่าเอฟทีงวดนี้ที่เดิมจะมีการปรับขึ้น 25-26 สต.ต่อหน่วย จึงลดลงมาได้เหลือเป็นการปรับขึ้น
ประมาณ 10 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น หรือมีภาระค่าเชื้อเพลิง 4,000 ล้านบาท
             นายประเสริฐ ย้ำว่า การปรับลดราคาก๊าซฯ ครั้งนี้ เป็นการดำเนินการที่ไม่ต้องการให้ค่า
เอฟทีงวดนี้กระโดดสูงเกินไป แต่ถือได้ว่าเป็นการนำราคาก๊าซฯ ที่ได้รับส่วนลดในช่วง 3 ปีข้าง
หน้า หรือ 2549-2551 มาเกลี่ยไปหมดแล้ว ดังนั้น การพิจารณาปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าเอฟทีงวดหน้า
หรือกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม 2549 ก็ต้องให้เป็นไปตามกลไกตลาด ปตท. คงไม่สามารถนำราคา
ก๊าซฯ ที่ได้รับส่วนลดในปัจจุบันไปลดได้อีก นอกเหนือจากมีการเจรจาในแหล่งก๊าซฯ ใหม่ ๆ เข้า
มา หรือสัญญาใหม่เข้ามา จึงจะมีการเกลี่ยราคาแล้วลดราคากันใหม่ได้ ซึ่งยอมรับว่าการที่ ปตท.
เข้ามาร่วมรับภาระครั้งนี้ อาจจะส่งผลกระทบกำไรปีนี้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม เป็นการดำเนินการที่
จะร่วมรับภาระของประชาชน นอกเหนือจากก่อนหน้านี้ที่ ปตท. เข้ามาร่วมรับภาระในกรณีที่ไม่ได้
มีการปรับขึ้นราคาน้ำมันตามต้นทุนที่แท้จริง
              นายประเสริฐ กล่าวว่า ราคาก๊าซฯ สำหรับคำนวณเอฟทีงวดนี้ หากไม่มีการเกลี่ยลงมา
ราคาก๊าซจะอยู่ที่ประมาณ 188 บาทต่อล้านบีทียู จากราคาฐาน 160 บาทต่อล้านบีทียู ซึ่งเหตุผล
เนื่องจาก 1 ปีที่ผ่านมา ได้มีการชะลอการปรับค่าเอฟที ประกอบกับราคาน้ำมันได้มีการปรับสูง
ขึ้น โดยราคาน้ำมันเตาปรับขึ้นประมาณร้อยละ 40-50 ในขณะที่ราคาก๊าซฯ ปรับขึ้นประมาณร้อย
ละ 10-11 เนื่องจากสูตรของก๊าซฯ ได้ผูกติดกับราคาน้ำมันร้อยละ 30 และมีผลย้อนหลังเมื่อเทียบ
กับราคาน้ำมันประมาณ 6-13 เดือน

ที่มา : น.ส.พ.กระแสหุ้น

สงสัยมานานแล้วเวลาตรึงค่าไฟฟ้า ใครจะต้องมีหน้าที่รับกรรม กฟผ. โรงไฟฟ้าเอกชน หรือ คนขายเชื้อเพลิง

คราวนี้เป็นคนขายเชื้อเพลิงแหะ

ข่าวแบบนี้ดูจะหนุนราคา EGAT นา...โชว์ว่ามีอำนาจต่อรองราคาวัตถุดิบได้

ผมว่ารัฐบาลกำลังทำทุกอย่างเพื่อให้ ราคา egat เพิ่ม
อย่างนี้เดี๋ยวเรียบร้อยกันหมดครับ

รายย่อยหายหมด

ถ้าเรื่องส่วนลดค่าก๊าซ เป็นการนำส่วนลดในอนาคตมาลดให้ในปัจจุบัน คือทำให้กำไรในปัจจุบันน้อยลง แต่กำไรอนาคตน่าจะมากขึ้น ส่วนนี้ไม่น่าวิตกมากเท่ากับ การที่รัฐเข้ามาแทรกแซงการดำเนินการของบริษัทได้ จุดนี้มากกว่าที่น่ากลัว เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะมีการสั่งให้ทำอะไรอีกหรือเปล่า ในฐานะผู้ถือหุ้นย่อมไม่แน่ใจ

ท่าน วิเศษ จูภิบาล บอสเก่าปตท. ได้นั่งรัฐมนตรีพลังงาน

จะแปลความอย่างไรได้อีกครับท่าน

2 ปีก่อน.... อสังหาฯ
ปีก่อน.... เรือเทกอง ปิโตรฯ
ปีนี้.... น้ำมัน??

แล้วปีหน้าเป็นอะไรดีครับ  :lol:

มันขึ้นมาจากเท่าไหร่  ลงไปแค่นี้เอง :lol:

แสดงว่าอสังหาเป็น leading indicator ว่าอย่างนั้นได้ไหมครับ

ปีหน้าBank ครับ 555

สุมาอี้ เขียน:แสดงว่าอสังหาเป็น leading indicator ว่าอย่างนั้นได้ไหมครับ

อืมมมม ... เท่าที่เคยอ่านผ่านๆตามมีตามเกิด คิดว่าใช่นะขอรับ

The First Leading Indicators
1. Sensitive Commodity Prices
2. Average Workweek (Manufacturing)
3. Commercial and Industrial Business Contracts
4. New Incorporation
5. New Orders
6. Housing Starts
7. Stock Price Index
8. Business Failure Liabilities

ไม่ทราบข้อมูลในแต่ละข้อนี้ เราจะหาข้อมูลได้จากไหนมั่งครับ ?

ปีหน้าจาก ต้นน้ำ จะมุ่งสู่ กลางน้ำ ครับ

เลือกธุรกิจที่มี price elasticity ต่ำๆ ไว้ครับ เดี๋ยวดีเอง