Thai VI

TR เขาผลิตอะไรเกี่ยวกับผ้าหรือครับ ธุรกิจเขามีอะไรบ้าง เห็นคนใน web สนใจจึงตามไปดูงบการเงินพบว่าน่าสนใจอย่างแรง แต่ circle of competence ของผมไม่ถึง จึงขอความกรุณาด้วยครับ

ลองหาอ่านดูครับ ไม่เข้าใจแล้วก็ถามมา คนในเว็บรู้จักตัวนี้ดี เพราะไป visit company กันมาแล้ว

ตาถึงนะครับ ท่าน

กระสอบ สินค้าเกษตรใช้  ผ้าตัวนี้หรือเปล่าคับ

จากที่อ่านน่าจะใช้ผลิตเสื้อผ้าทั่วไปที่เราใส่กันมากกว่านะครับ

ผ้าที่เขาผลิต มีความแตกต่างจากผ้าธรรมดาอย่างไร
ละคับ  

เห็นมีผ้าบางชนิด  บาง  แต่กันความร้อนเป็นเยี่ยม

หน้าหนาวปีนี้ผมว่าจำเป็นต้องใช้แน่
ถ้ามีคนผลิตออกมาขายก็ดีซิคับ

ผลิตผ้าเรยอนครับ

ลองอ่านในร้อยคนร้อยหุ้นดูครับ

เพื่อน ๆ สมาชิกจัดทำไว้ให้แล้ว

ต้องขอบคุณสำหรับข้อมูล

สำหรับหุ้นจริง ๆ สภาพคล่องมัน
ผมไม่แคร์หรอก

แต่เงินปันผลนี่ซิ ทำให้อยู่ในภาวะ
ไม่ซื้อเพิ่ม แต่ก็ไม่ขายทิ้งเหมือนกัน
ถ้าซื้อคิดว่า ก็น่าจะอยู่ในสภาพเดียวกันครับ

เรยอนครับ (นึกถึง ผ้ายับง่าย พองตัวเมื่อถูกน้ำ) ไม่ใช่ ไนล่อน (พวกนี้ก็ ให้นึกถึง ผ้าถัก ถุงเท้า)
แต่ก็เป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกเหมือนกัน

กิจการหลักของ tr คือผลิตเส้นใยเรยอนครับ ขายให้โรงปั่นด้าย โรงทอผ้า และกิจการที่ใช้เส้นใยไม่ถักทอ เช่น หน้ากาก แผ่นกรอง etc..

กรรมวิธีผลิตก็โดยการนำเยื่อกระดาษชนิดละลายได้ นำมาละลายในกรด แล้วนำไปรีดเป็นเส้นใย ทำให้แห้ง แพ็คเป็นบล็อค ส่งให้ลูกค้า สินค้ามีหลายเกรด หลายแบบ  สามารถหาอ่านได้ที่เวปไซร์ tr ครับ

tr มีการทำกิจการครบวงจร ตั้งแต่วัตถุดิบโรงกระดาษที่แคนาดา 2 โรง ผลิตเสร็จแล้วก็ส่งขายให้โรงงานทอผ้าในเครือเบอร์ล่าเช่นกันสัดส่วนเกือบๆ 50 % ทำให้มีความมั่นคงมากครับ

tr ปันผลค่อนข้างน้อย เพื่อนำเงินไปขยายกิจการทั้งธุรกิจส่งทอ และธุรกิจผลิตสารเคมี ทำให้ในอนาคตสัดส่วนกำไรจากบริษัทร่วม บริษัทย่อย จะมีสัดส่วนมากขึ้นเรื่อยๆครับ

ถ้าไม่ติดเรื่องจ่ายปันผลน้อย และสภาพคล่อง จะเป็นหุ้นที่ดีมากครับ

ขอบคุณมากครับ

ผมลงซื้อตัวนี้ร้อยหุ้นและทิ้งเลยเพราะชอบ
งบดุลจัดว่าสุดยอดและ book มากที่สุดในตลาดหุ้นไทย
ชอบลักษณะการทำงานที่ว่าลูกค้าซื้อสินค้าจากบริษัท
แม้แพงว่ารายอื่นเพราะคุณภาพสินค้า

อยากรู้ว่าถือไปห้าปีสิบปีมันจะเป็นไง
ผมว่า book คงโตแหลกรานเลย

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่าถ้ามีเงินเย็นน่าลงทุนยาว ขอบคุณพี่ ๆ ใน web มากครับที่ให้ข้อมูลกันคับคั่งจริง ๆ

TR  
หัวข้อข่าว
แจ้งลงทุนในบ.เบอร์ล่าในลาวและไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนบ.ไทยออแกนิก

                                            วันที่  13 ตุลาคม 2548

เรื่อง      แจ้งมติที่ประชุมกรรมการ
เรียน      ฝ่ายบริษัทจดทะเบียน
         ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

       ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ไทยเรยอน จำกัด  (มหาชน) ครั้งที่ 59 ซึ่งประชุมเมื่อ
วันที่ 13 ตุลาคม 2548  ได้มีมติอนุมัติเรื่องการลงทุนโดยมีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้.-

1.      อนุมัติให้บริษัทลงทุนจำนวน 7.5 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 310 ล้านบาท ในบริษัท
เบอร์ล่า ลาว พัลพ์ และแพลทเทชั่น จำกัด -ประเทศลาว  โดยการถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30
บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทร่วมทุน ดำเนินกิจการด้านการปลูกป่ายูคาลิปตัสเพื่อนำมาผลิตเป็นเยื่อกระดาษ
ดังรายละเอียดปรากฎในเอกสารแนบ 1

2.      อนุมัติไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ไทยออแกนิก เคมีคัลส์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือ
ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงจากร้อยละ 49 เป็นร้อยละ 29.98 ดังรายละเอียดปรากฎในเอกสารแนบ 2

       จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ


                             ขอแสดงความนับถือ


                             นายพี.เอ็ม. บาจาจ
                             กรรมการผู้จัดการ



                                                           เอกสารแนบ 1

                              สารสนเทศการลงทุน
                   บริษัท เบอร์ล่า ลาว พัลพ์ และแพลนเทชั่น จำกัด
                                 ประเทศลาว

1.    วัน เดือน ปี ที่เกิดรายการ :
      หลังจากเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 (ภายในสามปี)

2.    ลักษณะโดยทั่วไปของรายการ
     เมื่อพิจารณาจากปัจจัยด้านความสมบูรณ์ของพื้นดิน ลักษณะอากาศ จำนวนขนาดที่ดินที่ต้องการ
และต้นทุนด้านค่าแรงของประชากรในประเทศลาวแล้ว คณะกรรมการมีมติอนุมัติเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุน
เพื่อดำเนินกิจการปลูกต้นยูคาลิปตัส เพื่อนำผลผลิตที่ได้มาผลิตเป็นเยื่อกระดาษต่อไป โดยเป็นร่วมทุน
ระหว่างบริษัทในเครือเบอร์ล่าจากประเทศอินโดนีเซีย และประเทศอินเดีย

     ชื่อบริษัท              บริษัท เบอร์ล่า ลาว พัลพ์ และแพลทเทชั่น จำกัด

     วัตถุประสงค์           เพื่อเป็นการขยายการลงทุนแบบรวมตัวไปข้างหลัง
     ของการลงุทน          โดยนำไม้ที่ได้มาผลิตเป็นเยื่อกระดาษ

     ประเภทกิจการและ:     ปลูกป่าเพื่อผลิตเยื่อกระดาษ
     ลักษณะการดำเนินงาน

     ทุนจดทะเบียน:         25 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ภายใน 3 ปี)

     สัดส่วนการถือหุ้น        ร้อยละ 30 หรือ 7.5 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
                         หรือ 310 ล้านบาท ส่วนที่เหลือร้อยละ  70 ถือหุ้นโดย
                         บริษัทในเครือเบอร์ล่าจากประเทศอินโดนีเซีย
                         และอินเดีย

     แหล่งเงินทุน:          แหล่งเงินทุนภายในบริษัทฯ ตัดจ่ายจากบัญชี
                         กำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร

     ระยะเวลาและ:        เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาว บริษัทฯ จะได้รับผลตอบ
     อัตราผลตอบแทน        แทนในรูปของเงินปันผล และเป็นหลักประกันการนำ
                         วัตถุดิบมาใช้เพื่อผลิตเป็นเยื่อกระดาษต่อไป

                                                               2/.....


                                                           เอกสารแนบ 1

                                  -  2  -


     ประโยชน์ที่คาด:      - ขยายการลงทุนในลักษณะรวมตัวไปข้างหลัง
     ว่าจะได้รับ            (Backward Integration)
                       - เพื่อเป็นแหล่งประกันการป้อนวัตถุดิบให้แก่บริษัทฯ
                       - เป็นการสร้างเสถียรภาพของการซื้อวัตถุดิบ

3.    ขนาดของรายการ
     เท่ากับ 3.23% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548
ซึ่งเท่ากับ 9,577 ล้านบาท เมื่อนับรวมขนาดของรายการย้อนหลัง 6 เดือน ไม่เข้าเกณฑ์การได้มา
หรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ และไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน




                                                           เอกสารแนบ 2

                              สารสนเทศการลงทุน
                        บริษัท ไทย ออแกนิก เคมีคัลส์ จำกัด

1.     วัน เดือน ปี ที่เกิดรายการ :
      หลังวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2548

2.     ลักษณะโดยทั่วไปของรายการ
      บริษัท ไทย ออแกนิก เคมีคัลส์ (TOCC) จำกัดเป็นหนึ่งในบริษัทในเครือ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ
TOCC มีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจากจำนวน 1,040 ล้านบาท เป็น 1,700 ล้านบาท โดยการออกหุ้นเพิ่มทุน
ในสัดส่วน 3.173 หุ้นใหม่ ต่อ 5 หุ้นเดิม  บริษัทฯ ได้รับสิทธิการจองซื้อหุ้นจำนวน 32,340,385 หุ้น
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 323,403,850 บาท
     เมื่อพิจารณาถึงความต้องการด้านเงินทุนสำหรับโครงการลงทุนในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความ
แข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจหลัก คณะกรรมการจึงมีมติไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ TOCC

     โครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน TOCC ก่อนและหลังการเพิ่มทุนเป็นดังนี้

     ทุนจดทะเบียนของ TOCC            1,040 ล้านบาท
     ก่อนวันที่ 12 ตุลาคม 2548          (แบ่งออกเป็น 104 ล้านหุ้น)

     หลัง                           1,700 ล้านบาท
                                   (แบ่งออกเป็น 170 ล้านหุ้น)

     มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ                10 บาท

     จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่                 32,340,385 หุ้น หรือคิดเป็น
     บริษัทฯ ไม่ใช้สิทธิ์                 323,403,850 บาท

     สัดส่วนการถือหุ้นก่อนเกิดรายการ      49%

     สัดส่วนการถือหุ้นหลังเกิดรายการ      29.98%

3.    ขนาดของรายการ
     เท่ากับ 3.37% ของมูลค่าสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิของบริษัท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548
ซึ่งเท่ากับ 9,577 ล้านบาท เมื่อคำนวณขนาดของรายการในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่เข้าเกณฑ์
ของประกาศตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องได้มาหรือจำหน่ายไป บริษัทจึงไม่มีหน้าที่ต้องจัดทำรายงานและ
เปิดเผยการตกลงเข้าทำรายการ และไม่ต้องขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นตามประกาศดังกล่าว
เกณฑ์การคำนวณการได้มาและจำหน่ายไป
     ทันทีที่บริษัทฯ ทราบรายชื่อผู้ถือหุ้นซึ่งมาใช้สิทธิแทนบริษัทฯ และถ้าเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
ตามนิยามของตลาดหลักทรัพย์ฯ  บริษัทฯ จะจัดทำรายงานและเปิดเผยการตกลงเข้าทำรายการ
ตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัท
จดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกันต่อไป

สงสัยสองอย่างครับ

1. ราคาหุ้นที่ซื้อ เทียบกับ book แล้วเท่าไหร่ pe เท่าไหร่ อัตราผลตอบแทนเท่าไหร่ คือซื้อแล้วได้ราคาถูกหรือแพง
กรณีนี้รายย่อยไม่สามารถทราบได้เลย

2. กรณีไม่ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ปกติเท่าที่ผมดูซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะได้ทุนต่ำ
ทำไมไม่ซื้อ หรือเพราะบริษัทนี้ขาดทุนเลยไม่ต้องการลงทุนต่อ

มันมาสู่คำถามสุดท้ายครับ
ผู้บริหาร tr เป็นยังไงครับ
ไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหน
ไม่ได้ดูหมิ่นหรืออะไรนะครับ
เพราะผมก็ยังใหม่กับ tr อยู่
เลยอยากถามพี่  ๆ ที่เป็นแฟนประจำ
ถ้ามัน ok ผมอาจจะซื้อเพิ่ม
ถ้ามันไม่ชัวร์คงไม่รับเพิ่ม

เรื่องปันผลน้อยตอนนี้ทำใจได้แล้วครับ
ส่วนเรื่องสภาพคล่องผมไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

ที่อยากต้องการแน่ใจจริง ๆ คือผู้บริหารเป็นยังไง
ถ้าแน่ใจซื้อเพิ่มแน่

อย่างที่ผู้บริหารเคยพูดว่า
bank กู้ยาก
เพราะ bank ต้องดูว่าคุณเป็นใคร
สามารถจะชำระเงินกู้และเงินต้นได้ไหม
ถึงจะให้กู้

การลงทุนก็เหมือนกัน
การจะนำเงินไปก็ควร
ดูให้ดี ว่าเขาเอาเงินเราไปทำอะไร
และทำอะไรกับเงินของเราบ้าง
ซึงเราก็ต้องดูคนที่เราจะเอาเงินเราไปให้เขาลงทุน
ถ้าไม่แน่ใจก็ไม่ควรเอาเงินเราให้ไป