Thai VI

ปกติ ครอบครัวผม จะนิยมหยอดกระปุก ออมสินกันอยู่เป็นประจำ
ที่บ้านเราจะมีกระปุกออมสินใบใหญ่มากๆ เอาไว้หยอด เหรียญบ้าง
ธนบัตรบ้าง เวลาเหลือ จากซื้อกับข้าวนอกบ้าน

เก็บได้เกือบปี...
เราเลยแคะกระปุกออกมานับกัน เหรียญ 1 บาท, 5 บาท, และ 10 บาท
รวมทั้งธนบัตรอีกปึกนึง กองเป็นภูเขาย่อมๆ!! (ฮะๆๆ...):lol:

นั่งนับเป็นชั่วโมงๆ ได้เงินราว 7000 บาท!!!

ปกติเหรียญนี่ ถ้าเอาไปแลกธนาคารมากๆ เค้ามักไม่รับแลก เรา
ต้องไปหน่วยงานราชการที่รับแลกเหรียญโดยตรง ซึ่ง มันตั้งอยู่
หัวมุมถนน ย่านบางลำภู ใกล้กับถนนตรอกข้าวสาร

สะตังค์ที่แลกมานี่ เอาไว้เป็นเงินก้นถุงให้ลูกสาวเค้า ก็เลยตัดสินใจ
เอาไปซื้อกองทุน SCBSFF หรือ กองทุนตราสารหนี้

นั่งฟัง สาวธนาคารอธิบายอยู่พักใหญ่
"...ลงทุนแล้วดีนะค่ะ ตั้งแต่เปิดกองทุนมา มูลค่าหน่วยไม่เคยลดลงเลย
ตอนนี่ สิบหกบาทกว่าแล้วค่ะ...."

ฟังเค้าบรรยายเสร็จ ก็เลยควักสะตังค์ในกระเป๋า ซื้อไป 10,000 บาท
(ของลูก 7,000 สมทบให้เค้าอีก 3,000 บาท) เพราะเงินของลูก เราก็ไม่
อยากเอาไปใช้จ่ายอะไรมาก

เค้าให้สมุดบันทึกรายการมาเล่มนึง พร้อม แก้วน้ำเป็นที่ระลึกอีกหนึ่งใบ!! :lol:

ตอนนี้ Port ของผมเลยมีกองทุน ตราสารหนี้ เพิ่มมาอีกตัวนึง ก็ต้องนั่ง
ดูผลงาน กองทุนนี้ต่อไปนะครับ ว่าจะให้ผลตอบแทนดีหรือเปล่า
พอเป็นค่าขนมเด็กมั๊ย

กองทุนที่ไม่เคยติดลบเลยแม้แต่วันเดียวมีจริงๆ ครับ เป็นกองทุนประเภท Money Market Funds คือลงทุนแต่ตราสารการเงินระยะสั้นมากและ hold-to-maturity อย่างเดียว แต่ข้อเสียคือไม่มีโอกาส ฟลุ๊ค ได้ผลตอบแทนสูงๆ ส่วนใหญ่แล้วจะชนะเงินฝากประจำแค่นิดเดียว (ไม่เกิน 0.5%) แต่ดีตรงที่ไม่เสียภาษี เท่าที่ดู SCBSFF แล้ว ดูเหมื่อนจะคล้ายๆ แต่ยังไม่ใช่ MMF นะครับ โอกาสติดลบจึงยังมีอยู่บ้างแต่น้อยครับ  

ส่วนกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว ใครคิดว่าลงทุนในตราสารหนี้ไม่มีขาดทุนนี่ต้องเปลี่ยนความเชื่อเสียใหม่นะครับ กองทุนตราสารหนี้ระยะยาวมีโอกาสขาดทุนได้มากโดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยในตลาดเป็นขาขึ้นครับ อันตรายสำหรับคนที่ชอบฝากธนาคารครับ

ส่วนใหญ่พวกกองทุนก็จะไม่เทรดตราสารหนี้นะครับ จะถือจนครบอายุ ก็จะได้ตามคูปองที่ระบุไว้ ต่อให้ดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ถ้าไม่ขายก่อน mark to market ก้ไม่ขาดทุน อาจจะขาดทุนค่าเสียโอกาสที่ดอกเบี้ยมันขึ้นนี่แหละครับ

ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การลงทุนอยู่ดีแหละครับ ได้น้อยแต่ชัวร์

ผมลงใน AJF (1/ 49) ตอนต้นปี ปรากฎว่าตอนนี้ มูลค่าคงเหลือ 9.XX แล้ว (par 10 บาท)ได้รับหนังสือชี้แจงว่าไปลงทุนใน picnic. โอ้... พระเจ้าจอร์จ...  :(  :(

อ่าน beating the street ของ Peter Lynch แล้ว
ไม่อยากลงทุนในตราสารหนี้เลยครับ
ดูแกไม่ชอบเอาซะเลย

อ่านเหตุและผลดูครับ

[quote="yoyo_3112"]ผมลงใน AJF (1/ 49) ตอนต้นปี ปรากฎว่าตอนนี้ มูลค่าคงเหลือ 9.XX แล้ว (par 10 บาท)ได้รับหนังสือชี้แจงว่าไปลงทุนใน picnic. โอ้... พระเจ้าจอร์จ...

ที่จริงความเห็นเรื่องกองทุนตราสารหนี้ของผมก็ได้รับอิทธิพลมาจาก ลินซ์ นี่แหละครับ

กองทุนตราสารหนี้เป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ไร้เหตุผลที่สุด เพราะตราสารหนี้มี default risk ต่ำ interest rate risk สูง การ diversify จึงไม่มีประโยชน์เพราะ default risk เป็น unsystematic risk (diversifiable) ส่วน interest rate risk เป็น systemmatic risk (not diversifiable)

แต่ money market fund เป็นข้อยกเว้นเพราะ interest rate risk ต่ำ ตอนเริ่มมี MMF ใหม่ ๆในอเมริกาไม่มีใครนิยมเพราะคนที่นิยมฝากแบงก์ได้ยินคำว่ากองทุนแล้วกลัว แต่ผลตอบแทนในระยะยาวพิสูจน์ว่า MMF ให้ผลตอบแทนที่ไม่ติดลบและมากกว่าเงินฝากแบงก์ เบิกถอนได้ทุกวันเหมือนบัญชีออมทรัพย์แถมไม่เสียภาษี ทำให้สมัยนี้ธนาคารส่วนใหญ่ในอเมริกามี money market account ให้ลูกค้าเปิดได้เหมือน savings account เลย ตอนนี้คนอเมริกันเลิกกลัว MM กันแล้ว ผมเชื่อว่าอีกสัก 10 ปี คนไทยก็จะเลิกกลัวเหมือนกัน

update AJF 1/49 ครับ... 10.13 แว้วจริงๆด้วย ผมได้รับ statement ของ เดือนที่แล้วยัง 9.3 บาท อยู่เลย สงสัยอานิสงค์ของหุ้นเพิ่มทุน picnic.  :D

AJF แจ้งว่า ตั๋ว  B/E ของ PICNIC ได้รับการชำระหนี้เรียบร้อยแล้วครับ
NAV เลยกลับคืนสู่สภาวะปกติ  

ก็ดีไปครับ ใครช้อนซื้อไว้คงกำไร .... นานๆหาโอกาสได้สักทีในตราสารหนี้