หน้า 1 จากทั้งหมด 1

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 4:50 am
โดย bigshow
'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 20 กันยายน 2548 01:37 น.


 


      รอยเตอร์ - ผลการวิจัยในสหรัฐฯชี้ "ไอ้โรคจิตที่ยังปฏิบัติหน้าที่ได้" หรือบุคคลที่สมองส่วนเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกมีความบกพร่องเสียหายนั้น จะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าคนปกติธรรมดา ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ไทมส์แห่งลอนดอนฉบับวันจันทร์(19)
     
      ตามรายงานของไทมส์ระบุว่า คณะนักวิจัยในสหรัฐฯพบว่า บุคคลที่มีลักษณะดังกล่าว จะมีความปรารถนาที่จะเสี่ยงด้วยเดิมพันสูงๆ มากกว่า แถมยังดูจะมีการตัดสินใจทางการเงินที่ดีอีกด้วย
     
      การศึกษาคราวนี้ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน และ มหาวิทยาลัยไอโอวา พวกเขามุ่งติดตามสังเกตพฤติกรรมการลงทุนของบุคคลที่มีระดับไอคิวธรรมดาจำนวน 41 คน โดยขอให้คนเหล่านี้เล่นเกมการลงทุนอย่างง่ายๆ เกมหนึ่ง ทว่ามี 15 คนในกลุ่มนี้ซึ่งเคยเจ็บป่วยมีรอยแผลในพื้นที่สมองส่วนซึ่งส่งผลต่อเรื่องอารมณ์ความรู้สึก
     
      ผลปรากฏว่าว่า พวกที่สมองบกพร่องเสียหายเหล่านี้ สามารถทำได้ดีกว่าพวกสมองปกติมาก
     
      คณะผู้วิจัยพบว่า อารมณ์ความรู้สึกเป็นปัจจัยที่ทำให้บุคคลบางคนในกลุ่มหลีกเลี่ยงไม่ยอมเสี่ยง แม้กระทั่งในเวลาที่เมื่อชั่งน้ำหนักกันแล้ว ผลประโยชน์ซึ่งจะได้มานั้นล้ำเกินความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอย่างมากมาย
     
      หนึ่งในคณะนักวิจัย คือ อองตวน เบแชรา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาแห่งมหาวิทยาไอโอวา กล่าวว่า นักลงทุนที่ดีที่สุดในตลาดหุ้นน่าจะเรียกได้ว่าเป็น "ไอ้โรคจิตที่ยังปฏิบัติหน้าที่ได้" (functional psychopath)
     
      ขณะที่ผู้ร่วมเขียนรายงานการวิจัยชิ้นนี้อีกคน คือ บาบา ชิฟ แห่งบัณฑิตวิทยาลัยบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด บอกว่า หัวหน้าของบริษัทจำนวนมากตลอดจนพวกนักกฎหมายระดับท็อป ก็อาจจะมีคุณสมบัติพิเศษในทำนองเดียวกันนี้ด้วย
     
      "อารมณ์ความรู้สึกแสดงบทบาทหน้าที่ในการปรับตัว ในเวลาเร่งรัดกระบวนการตัดสินใจให้เร็วขึ้น" ชิฟอธิบาย
     
      "อย่างไรก็ตาม มันก็มีสภาพการณ์แบบที่จะต้องหยุดยั้งไม่ให้เกิดการตอบสนองทางอารมณ์ความรู้สึกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อจะได้สามารถตัดสินใจอย่างสุขุมรอบคอบและมีโอกาสที่จะเป็นการตัดสินใจอย่างฉลาดมากขึ้น"
     
      การศึกษาวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสาร จิตวิทยาศาสตร์ (Psychological Science) ฉบับเดือนมิถุนายน

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 11:34 am
โดย Jeng
อืม ทำไมไปเรียกว่าไอ้โรคจิตหละ

เหมือนกับว่า เราทำไม่ได้พอมีคนทำได้ก็ไปด่าเขา

เวลาบีโทเฟน แต่งเพลงได้ แต่หูหนวก ทำไม ไม่เรียก ไอ้หนวกหละ

การพูดด้วยท่าที่ ที่เคารพ หรือ ดูถูก นี่มันต่างกันนะ

......................................................................................................

ส่วนตัวผมเชื่อครับ ว่า การเล่นหุ้น ต้องมีความคิดที่แตกต่างจากคนธรรมดา ให้ได้ ถึงจะสำเร็จ

เสียดายนะ เมื่อไรผมจะสำเร็จสักกะที

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 11:55 am
โดย CK
pyschopath แปลภาษาไทยคือ ผู้ป่วยโรคจิตชนิดหนึ่ง
ถ้าใช้ในภาษาพูดทั่วไป ก็พอจะแปลได้ว่า "ไอ้โรคจิต" ครับ

ในอเมริกา ผู้ป่วยโรคจิตก็ไม่ต่างกับการเรียกว่า ป่วยโรคหวัด

แต่ในภาษาไทย คำว่าโรคจิตฟังดูรุนแรง

เพราะเรายังไม่ยอมรับว่า โรคจิต ก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง เหมือนหวัด
เหมือนโรคเบาหวาน บางอย่างรักษาได้ บางอย่าไม่ได้
แต่ที่ไม่ได้ ก็ยังสามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับคนทั่วไปได้
(ที่ไม่ได้ก็มี)

ในกรณีอาจจะเทียบได้เหมือนกับพูดว่า

"ไอ้ขาเป๋จะตีกอล์ฟได้เก่งกว่าคนปกติ" เป็นต้น

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 12:06 pm
โดย สุมาอี้
สมองมนุษย์ถูกออกแบบมาให้ใช้อารมณ์ประกอบการตัดสินใจครับ (loss aversion, overconfidence, ฯลฯ) นี่เป็นสัญชาตญาณที่ต้องใช้เพื่อความอยู่รอดมาตั้งแต่ยุคหินแล้ว  การตัดสินใจโดยใช้เหตุผลเป็นเรื่องที่ฝืนธรรมชาติมาก คนที่สมองบางส่วนถูกทำลายจึงมีความได้เปรียบตรงนี้อยู่

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 12:13 pm
โดย jaychou
Jeng เขียน:เวลาบีโทเฟน แต่งเพลงได้ แต่หูหนวก ทำไม ไม่เรียก ไอ้หนวกหละ
เพราะเรียกไป แกก็ไม่ได้ยินคับ

เอ้อ...บางคนเค้าว่า เบโทเฟนใช้อวัยวะอื่นฟังเสียงนะ

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 3:28 pm
โดย thaistock2005
งั้นกล้าลงทุนให้เขามาลงทุนจริง ๆ ไหมครับ
จะได้รู้กันจริง ๆ ไม่ได้ประชดนะครับ
อยากรู้จริง ๆ ต้องลองของจริงครับ

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 4:14 pm
โดย สุมาอี้
อย่างถ้าคุณเปิดบริษัทในกทม. คุณไม่ทำประกันแผ่นดินไหวเพราะโอกาสเกิดแผ่นดินไหวในกทม.มีน้อยมาก

ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวขั้นรุนแรงใจกลางกทม. โชคดีที่บริษัทคุณเสียหายเพียงเล็กน้อย หลังจากเหตุการณ์นั้นคุณจะรู้สึกอยากทำประกันแผ่นดินไหวขึ้นมาทันที และหลังจากนั้นสองสามปี พอไม่มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น คุณจะเริ่มรู้สึกว่าการทำประกันไม่จำเป็นขึ้นมาอีก

ที่จริงแล้วถ้าคุณเป็นคนมีเหตุผล คุณควรรู้สึกว่ายังไงก็ไม่ควรทำประกันอยู่ดี เพราะความน่าจะเป็นของการเกิดแผ่นดินไหวในกทม.ไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงหลังจากการเกิดแผ่นดินไหว มันยังคงมีค่าเท่าเดิมตลอดเวลา

คนที่สมองบางส่วนเสียหายไปจะไม่มี bias ทำนองนี้

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 4:37 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เอ้อ...บางคนเค้าว่า เบโทเฟนใช้อวัยวะอื่นฟังเสียงนะ
ใช้กระโหลกอะครับ ท่านเจ ผ่านทางกระดูกเข้าไป เป็นการรับแบบสั่นสะเทือน

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 4:40 pm
โดย สามัญชน
งานวิจัยหลายๆชิ้น ก็ค้นพบในทำนองเดียวกันว่า  อารมณ์มีผลให้การตัดสินใจทำได้ไม่ดี  ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ดี อารมณ์เศร้า รู้สึกโลภ รู้สึกกลัว

อารมณ์ที่เหมาะที่สุดที่จะตัดสินใจน่าจะอยู่ในสภาวะ อุเบกขา ตามที่ศาสนาพุทธได้ค้นพบมาสองพันกว่าปีแล้ว

ดังนั้นจึงเป็นข่าวดีว่า

ท่านใดที่ควบคุมอารมณ์ยังไม่ค่อยได้  ก็ไม่จำเป็นต้องไปทำให้สมองส่วนควบคุมเกี่ยวกับอารมณ์พิการนะครับ  ฝึกทำอุเบกขาก็ด้าย.......

ปล.ควรฝึกตามลำดับก่อนหลังนะครับ  ถ้ากระโดดไปฝึกอุเบกขาก่อน ท่านอาจจะเป็นคนแล้งน้ำใจ  ธาตุไฟเข้าแทรก  อิอิ

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 20, 2005 7:56 pm
โดย naris
ถ้าผมตายด้านทางอารมณ์การลงทุน  จะเรียกผมว่าไอ้โรคจิต หรือเปล่าครับ :lovl:

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2005 12:10 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ปล.ควรฝึกตามลำดับก่อนหลังนะครับ  ถ้ากระโดดไปฝึกอุเบกขาก่อน ท่านอาจจะเป็นคนแล้งน้ำใจ  ธาตุไฟเข้าแทรก  อิอิ
อะไรกันท่าน

ฝึกอุเบกขาก่อนจะกลายเปงคนแล้วน้ำใจ งง

อุเบกขา เปงการรักษาจิตใจตัวเอง มะให้ทุกข์นะครับ

อุเบกขา = เหงคนอื่นทุก มะทุกข์ด้วย

อุเบกขา มะใช่มะมีเมตตา คือ อะไรช่วยได้ก็ช่วยไปแล้ว แต่ถ้ายังทุกข์

อุเบกขา ก็มะทุกข์ด้วยนะ

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2005 1:38 pm
โดย สามัญชน
อาจจะเฉยๆครับ  

อาจจะเป็นหรืออาจจะไม่เป็นก็ได้  บางคนมีบุญเก่า(มีเมตตามากๆ)มาก่อน ก็อาจจะไม่เป็นไร  ฝึกได้เลย บางกลุ่มอาจจะไม่มีบุญเก่า  ก็มีโอกาสเสี่ยง  เหมือนเล่นยิมนาสติคหนะ  ถ้าไม่ได้วอร์มอัพและเริ่มเล่นท่าง่ายๆก่อน  แต่ข้ามขั้นไปเล่นท่ายากๆเลย ก็มีโอกาสบาดเจ็บ

พรหมวิหารสี่เองก็เช่นเดียวกัน ผมว่าการเรียงลำดับ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ไม่ได้เรียงแบบบังเอิญนะ  แต่เป็นการเรียงตามลำดับการปฏิบัติเลยทีเดียว

นั่นหมายถึงว่าควรจะเจริญเมตตาก่อน แล้วกรุณา แล้ว มุทิตา แล้วค่อย อุเบกขา  ซึ่งถ้าปฏิบัติสามขั้นแรกได้ดี  จะมีโมเมนตัมส่งให้การปฏิบัติอุเบกขาอยู่ในบริบทของการมีเมตตา

การข้ามขั้นตอนโดยกระโดดไปอุเบกขาเลย  ถ้าผู้ปฏิบัติทตีความความหมายได้ไม่ถูกต้อง อาจจะคิดว่าตนเองวางเฉย เฉยๆถูกต้องแล้ว ไม่ต้องไปสนใจใครจะทุกข์จะยากอย่างไร  แต่ถ้าผ่านสามขั้นตอนแรกมาก่อน  โมเมนตัมที่ยังมีอยู่ก็จะทำให้อุเบกขานี้แตกต่างออกไป

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2005 1:42 pm
โดย 121
ถ้าพระอรหันต์ ที่เราถือว่ามีสติ มีเหตุผลพร้อม  มา trade หุ้นจะประสบผลสำเร็จไหม :!:  :?:

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2005 1:46 pm
โดย สามัญชน
หลวงพ่อพุทธทาสท่านเคยบอกไว้ว่า  ผู้ที่บรรลุอรหันต์แล้ว ทำไมยังมาสนใจสอนธรรมะอยู่ ในเมื่อทุกอย่างก็เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สอนไปก็ไม่คงทนยั่งยืนถาวร ไม่มีตัวตูของตู แล้วสอนไปทำไม

ท่านบอกว่า ผู้ที่บรรลุอรหันต์ มักจะมีโมเมนตัมของความมีเมตตาเหลืออยู่  แม้ท่านจะไม่ยึดติดในตัวตนแล้ว ไม่มีตัวตูของตูแล้ว แต่โมเมนตัมของเมตตาเป็นตัวผลักดันให้พระอรหันต์ยังสอนอยู่

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2005 1:48 pm
โดย สามัญชน
ท่าน 121 อย่าดึงพระอรหันต์มาเล่นหุ้นเลยครับ  ไม่สมควร  เราเป็นปุถุชนยังมีกิเลสก็อยู่ส่วนของเราไปเถอะ

'ไอ้โรคจิต'ลงทุนเก่งกว่าคนทั่วไป

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 22, 2005 11:28 am
โดย adi
ถ้างั้นผมยอมลงทุนไม่เก่งดีกว่า