หน้า 1 จากทั้งหมด 1
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 17, 2005 11:53 pm
โดย hot
คนเราทำงาน ต้องการเงินเดือน มาเพื่ออยู่รอด
ทำงาน30 วัน วันละ 8 ชม เดินทางไกลจากบ้านไปทำงาน
วันละ40นาที-1ชม บนรถเมล์
มีหลายคนเริ่มท้อ กับความลำบากที่เกิด เริ่มมองเห็นคนอื่นที่
เดินอีกวิถีทางหนึ่ง
ทำงานวันละ3 ชม นั่งรถเก๋ง มีแต่ความสบาย
แล้วทำไงต้องลำบากทำงาน ยากยาก ทำงานแบบสบายสบายดีกว่า
แน่นอน ความคิดนี้กำลังแพร่ขยายไปแบบไวรัส ร้าย ไม่มียาหรือวัคซีน
ที่ใช้รักษา บอกไม่ได้ท้ายสุด
จะมีคนรักความสบายมากขึ้นมากขึ้น
หรือคนไทย กำลังจะรวยกันทุกคน
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 2:28 am
โดย Onokung
หมายถึง พวกขายตัวรึป่าวครับ
ผมเกลียดจัง ถ้าขายตัวเพราะจำเป็นหรือเ พื่อความอยู่รอด ก็น่าช่วยอุดหนุน :mrgreen:
แต่ ส่วนใหญ่ขายตัว เพราะ ความฟุ้งเฟ้อ อยากได้ไม่รู้จบ อยากสบายด้วย
บางทีที่เห็นก็นึก ตลก คนซื้อขับกะบะไปซื้อ หรือนั่งแท๊กซี่ไปซื้อ
คนขายดันขับ BMW หรือ Benz
จะว่าก็ไม่ได้นั่นบางส่วนมันก็เงิน ของเราๆ ท่านๆ :lovl: :lovl: :lovl:
(กำ ตอนแรกเกลียดไหงตอนหลังอุดหนุน)
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 9:15 am
โดย hot
ผมว่าจะโทษน่าจะโทษที่ค่านิยม และการป้อนสินค้า และความต้องการ
เข้ามาในตลาดมากเกินไป สมัยเด็กผม ก็เคยมีประสบการ์ณ เกี่ยวกับ
เพื่อนเพื่อนมักมีของที่มีราคาและเอาอวดกัน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
เพราะเป็นบางคนที่ทำแบบนั้น แต่ปัจจุบัน รู้สึกว่าไม่ไช่
เพราะในกลุ่มเพื่อน10 คนจะมีแบบนี้ถึง8 คน คุณคิดดูว่า 2คนที่เหลือ
จะคิดได้ทุกคนหรือ ทางที่ดี การสร้างแนวคิด การประหยัด และลดความนิยม
สินค้าฟุ่ยเฟือย น่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะความจริงคนเราสามารถอยู่รอดได้
ในรายรับและรายจ่ายที่เหมาะสม
รายจ่ายที่เกินความจำเป็น คงต้องตัดไป
แต่ใครละจะสนใจปัญหานี้ ในเมื่อ คนส่วนใหญ่คิดว่า
คนที่ทำผิด แต่ค่านิยมไม่ผิด
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 9:29 am
โดย คัดท้าย
เพราะว่าคุณ hot ไปอ่านพระพยอมบทความนี้หรือเปล่าครับ
"พระพยอม" เตือนสาววัยโจ๋อย่าใช้เซ็กซ์แลกเงิน
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.a ... 0000127223
ผมมองว่าสังคมเปลี่ยนไป เพราะยุค Information Technology นะครับ
สมัยนี้คนได้รับข่าวสาร เยอะ และไวมากๆ คนรุ่นใหม่และเด็กๆได้รับรู้ข้อมูลที่ไว และเยอะกว่าผู้ใหญ่แต่ก่อนมาก สิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นจุดเปลี่ยนคือ สื่อ ที่ส่งป้อนเข้าสู่เด็กๆนั้นไม่ได้รับการควบคุมที่ดีพอ ซึ่งผมมองอย่างนี้ครับ
ยุคนี้ใครมีเงินก็หาความสุขได้ เด็กๆ คนรุ่นใหม่ได้รับรู้ความจริงเรื่องนี้ ไม่เชื่อคำสอนที่บอกเล่า หรือขู่กันในอดีต ว่าต้องเป็นคนดี ก็มันเห็นทนโท่อยู่นี่หว่าว่ามีเงินซื้อได้ทุกอย่าง
นักการเมืองไม่ดี ก็เห็นแก่ตายหลายคน แม้แต่พวกทรราชหลายๆคนก็แก่ตายโดยสุขขี ผมดูรายการช่อง9 ที่เอาประวัติผู้นำโหดๆหลายๆคนในอดีตตั้งแจต่ยุคล่าอนานิคม จนถึงยุคปัจจุบันมา เห็นแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ... คนดีๆ หลายๆคนกลับตายไว ตายอนาถ
คนรุ่นใหม่ ได้รับข้อมูลที่แท้จริง จากสื่อทุกวันนี้ แล้วจะให้เค้ายึดมั่นในความดีหรือ ?
นอกจากนี้ เด็กเดี๋ยวนี้โตมากับสื่อ โตมากับ MTV ... ละคร AF ... ทั้งหลาย สื่อเหล่านี้ก็หล่อหลอมให้เค้าเป้นไปตามนั้น ตัวอย่างที่เค้าใช้เป้นต้นแบบก็คือ ดาราซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี แต่ต้องยอมรับว่าโลกมายานั้น มีพวกเหลวแหลกปะปนอยู่เยอะพอสมควร
สมัยก่อน เด็กถูกผู้ใหญ่สอนว่า อย่าทำตัวเหลวแหลกมันจะแย่ จะไม่ดี แต่เดี๋ยวนี้ดาราก็ทำกัน ก็ไม่เห็นมันจะตาย จะร้าย อะไรตรงไหน ก็อยู่ในสังคมได้
แถมไม่พอ ยังมีพวกหมาหางด้วน ออกมาพูดทำนองว่าเรื่องไม่ดีเหล่านั้นเป้นเรื่องที่ปกติ ใครๆก็ทำกัน เท่ห์ เป็นการมั่นใจในตัวเอง ก็แล้วไปใหญ่ฃ
และที่ผู้ใหญ่ควรจะโทษตัวเองคือ ต้องยอมรับว่าผู้ใหญ่ก็เห็นแก่ตัว โดยการทำสื่อโฆษณาต่างๆเพื่อมอมเมาเยอวชน ทั้งสื่ออย่างบริษัทเพลง บริษัทหนัง บริษัทมือถือ ฯลฯ ก็หากินกับเด็กๆ ซึ่งทำให้รายจ่ายที่เด็กๆคิดว่าจำเป็นเพื่ออยู่ในสังคมเพื่อนฝูงมันพุ่งกระฉูดกว่ายุคก่อนๆ มากจริงๆ
จริงๆยังมีหลายๆเรื่อง แต่ขี้เกียจขุดมาครับ
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 9:34 am
โดย hot
ผมว่าการศึกษา ฐานนะ โอกาส
ไม่ไช่ทำให้คนเปลี่ยน
แต่ทีเปลี่ยน คนหมู่มากทำได้ หัวเดียวกระเทียบรีบ
ไปทำอะไรได้ ใครเสียงดังก็ว่าตามกัน ใครเสียงค่อย ก็ต้องว่าตามเขา
สิ่งที่อันตรายที่สุด มูลค่าในค่านิยมที่ กำลังถูกปลูกฝังในคนร่นใหม่ต่อไปในอนาคต
น่าเป็นห่วง ที่สุด
ถ้าวันหนึ่ง เราคนรุ่นเก่า อยู่สังคม คนร่นใหม่
คนรุ่นใหม่จะมองเรา คนรุ่งเก่าว่า
ไดโนเสาร์ก็ได้นะคับ
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 10:15 am
โดย SmileGraycop
ผมเฝ้ามองลุงจำลองมาเกือบ 20 ปี ยังหวังลึกๆว่าอยากให้แกเป็นนายก ด้วยความต้องการที่จะเห็นว่า
1. นายกที่ขับรถกระบะเข้าสภาเพื่อแสดงให้เห็นว่าค่าของนายกรัฐมนตรีไทยอยู่ที่การทำงานไม่ใช่อยู่ที่ยี่ห้อรถเบ๊นซ์
2. โปรเจ็คยักษ์ที่เกินความจำเป็น ส่วนตัวผมเองนะระยะในเมืองไม่เกิน 30 กิโล ลุงแกคงจัดหาทางจักรยานให้คนขี่แบบปลอดภัย
3. เรื่องพลังงาน พรรคพวกลุงที่อโศกคงยกโขยงมาวางระบบการแปรขยะให้เป็นเชื้อเพลิง
4. เด็กๆเห็นผู้นำอย่างนี้ก็คงจะดีกว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่บ้ากามเอาเงินมาซื้อตัวอีหนูให้เป็นแบบอย่างไม่ดีแก่สังคม
อะไรๆก็ดีหมดเพียงแต่แกเกิดผิดยุค เพราะมนุษย์อย่างแกไม่เหมาะกับระบบทุนนิยมเลย ปัจจุบันคนในสังคมส่วนใหญ่ต้องการอะไรเร็วๆ ด่วนๆ ง่ายๆ ความสำเร็จแบบสำเร็จรูป การอดออม ใช้ชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไปคือค่านิยมที่ล้าสมัยเป็นของคนโง่
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 11:03 am
โดย Muffin
ใช่ครับ ค่านิยมกำลังเปลี่ยน
คนบูชาเงิน และวัตถุ แต่ไม่ส่งเสริมคนดี
ทุนนิยมส่งเสริมความโลภของมนุษย์ ถ้าขาดศีลธรรมที่ดีเข้าประกอบแล้ว ก็นับว่าน่าเป็นห่วงมาก
คงต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทำเท่าที่ทำได้ ทำดีทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ส่งเสริมคนดี และช่วยกันปลูกฝังค่านิยมที่ดี เราไม่สามารถเปลี่ยนสังคมได้ทั้งหมดในทีเดียว แต่เราก็เป็นคนหนึ่งในสังคม
ช่วยกันวันนี้ ก่อนที่คนดีจะท้อ
ไปหันหาเงิน หาความสุข แบบไม่สนวิธีการกันหมด
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 12:32 pm
โดย M149
จริงๆแล้วจะว่าทุนนิยมมันเหลวแหลกไปซะทีเดียวก็ใช่ที่ เพราะตัว"วัตถุ"หรือ"ทุน"เองไม่สามารถที่จะเปลี่ยนสังคมได้ แต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ"คน"นำ"วัตถุ"หรือ"ทุน"ไปใช้ในทิศทางใดมากกว่า คราวนี้ต้องย้อนกลับมาดูที่ตัวเราเสียก่อน อันดับแรกลักษณะทางครอบครัว ทางตะวันตกมีลักษณะการดำรงชีวิตแบบ"ปัจเจก"เสียส่วนใหญ่ ซึ่งการที่เป็นปัจเจกชนทำให้น้ำหนักจะอยู่ที่"survive"เป็นหลัก ในขณะที่บ้านเราในอดีตจะอยู่อาศัยแบบ"สห"ดังนั้นน้ำหนักจึงอยู่ที่"relation"เป็นสำคัญ แต่พอมาปัจจุบันเรารับวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นการ"survive" ซึ่งเครื่องมือหลักที่สำคัญก็คือ"วัตถุ"นั่นเอง เพื่อที่จะสามารถ "แข่งขัน" หรือ "ได้เปรียบ" ในขณะที่บ้านเราเน้นการ "อยู่ร่วม" กับ "เกื้อกูล" ดังนั้นเราจึงมอง"วัตถุ"เป็นสิ่งแปลกปลอมและน่ารังเกียจ เนื่องด้วยความต่างในการบ่มเพาะทางสังคม อีกทั้ง"วัตถุ"ไม่มีออมชอม เหมือนมีดกรีดกระดาษมันต้องขาด ค้อนทุบแก้วก็ต้องแตก ซึ่งในสังคมที่เน้นหนักเรื่อง"survive"จะคุ้นเคยและรู้สึกปกติที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้(แหม่ก็คิดขึ้นมาเองกะมือนิ) แต่ในขณะที่บ้านเราเอาของเขามาใช้โดยขาด"ทักษะ"หรือความ"เข้าใจ"ใน"แก่นแท้"ของมัน แล้วก็เอามาใช้ด้วนๆ มันก็ฉิบหายนะสิครับ จะเปรียบไป"ทุนหรือวัตถุนิยม"ก็สเมือน"ไฟ" ถ้ารู้จักใช้ เข้าใจความเป็นมา เข้าใจรากฐาน เข้าใจผลกระทบ และที่สำคัญ "ใช้เป็น" มันก็ไม่เกิดปัญหา ดังนั้นปัญหาที่เกิดอย่าไปเที่ยวโทษโจษขานใครเลยครับ ไอ้เราๆนั่นเองแหละที่"โง่"และ"เขลา"เกิดกว่าที่จะรู้จักที่จะ"ใช้ให้เป็น"
ปล. วัตถุเสมือนหนึ่งองุ่นใครใช้เป็นก็บอกว่าหวานใครใช้ไม่เป็นเอื้อมไม่ถึงก็บอกว่าเปรี้ยว
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 3:33 pm
โดย Supra
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 19, 2005 1:23 pm
โดย sunrise
ปัจจุบัน เพื่อนผมคนนึง พูดบ่อยๆว่า
มนุษย์เป็น ไวรัสโลก
ว่าแล้วก็คิดว่าเป็นจริงๆ
ปัจจุบันเห็นแล้วก็แย่ ดูหลุมดำแล้วก็เศร้าใจ
แต่ก็อย่างว่าครับ
ใครๆก็ติดสบาย ทำงาน 2 ชั่วโมงรายได้มากกว่า คนบางคนทำทั้งเดือน
จะไปว่าใครล่ะครับ เห็นๆอยู่ว่า ทำงานสบายกว่า รายได้เยอะกว่า
แถมคนที่จ่ายก็อยากจ่ายด้วย
ถ้าคิดว่า ดาราขายหน้าตาและร่างกาย
พวกนี้ก็ขายร่างกายเหมือนกัน
เพียงแต่ สังคมเรารับไม่ได้
ส่วนตัวผมว่าคนที่ขายยังดีกว่า นักการเมืองที่โกงบ้านโกงเมืองเลยครับ
คำถามน่าจะเป็นว่า
ใครควรจะแก้ ปัญหานี้ ในเมื่อแต่ละคน ประเมินค่าสิ่งต่างๆไม่เท่ากัน
คนปากว่าตาขยิบก็เยอะ
บางคนต่อว่าน้องๆ เค้าว่าไม่มีศักศรี แต่ก็ใช้บริการ
เฮ้ออออๆๆๆๆ อนาคตจะเป็นอย่างไรน้า
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 19, 2005 1:32 pm
โดย ฐิติ
หลานผม อยู่ป.4 ถามแม่ว่าเมื่อไหร่จะซื้อโทรศัพท์มือถือให้สักที เพื่อนๆเขามีกันหมดแล้ว
ทั้งๆที่ผมคิดว่าแม่เขาสอนดีนะครับ ที่ผ่านๆมาก็ไม่เห็นเลี้ยงดูแบบผิดๆ
ผมนึกถึงตัวเองตอนอยู่ป.4 ไม่เคยอยากได้อะไรแพงๆแบบนั้นเลย
ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือผมราคา3,500 บางทีเห็นเด็กมัธยมใช้โทรศัพท์ราคาหมื่นทั้งนั้น
บางทีสิ่งแวดล้อมก็พาเด็กไป ค่านิยมในสังคมชี้นำเด็ก
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 19, 2005 2:16 pm
โดย สามัญชน
ผมว่าเป็นพฤติกรรมที่มีมานานแล้วนะครับ เรื่องชอบความสะดวกสบาย เพียงแต่ช่วงหลังๆจะมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ จนหลายท่านเป็นห่วง
แม้จะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ก็มีข้อดีอยู่เยอะ และผมว่าเป็นปัจจัยหลักเลยนะครับที่ทำให้โลกเราเจริญขึ้น
ผมคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่มีลักษณะเป็น one way thicket คือเดินหน้าอย่างเดียวไม่มีตั๋วกลับด้วยซ้ำ
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 19, 2005 2:21 pm
โดย สามัญชน
แต่ก็ไม่น่ากังวลมาก ย้อนดูประวัติศาสตร์เป็นพันๆปี ก็เป็นอย่างนี้ แค่ช่วยกันประคับประคองบางอย่าง ไม่ถึงขั้นบังคับ น่าจะดีกว่า the life has the way
คนไทยรุ่นใหม่ กำลังต่อต้านความลำบาก ไปหาความสบาย
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 21, 2005 12:07 am
โดย M149
เป็นธรรมดามากๆครับที่คนทุกคนต้องการ maximum gain under minimum lost แต่ปัญหามันอยู่ที่ "การให้น้ำหนัก" กับ gain และ lost นั้นๆมากกว่า ซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องปัจเจกชนมากๆ และบรรทัดฐานที่ใช้ในการวัดก็ต่างกันมากๆด้วย พูดยากครับ แต่ประเด็นนึงที่น่าพิจารณาคือ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ดังนั้นย่อมมีความต้องการที่จะได้รับการยอมรับจากกลุ่ม ฉะนั้นการที่เด็กต้องการมือถือ ผู้ปกครองต้องมองให้ลึกว่า สิ่งที่ต้องการคืออะไรกันแน่ ระหว่าง "ตัวมือถือ" กับ "การยอมรับ" ดังนั้นผู้ปกครองควรชี้ให้เด็กเห็นว่าการที่จะได้รับการยอมรับไม่ได้ขึ้นอยู่กับ"ตัวมือถือ"แต่ขึ้นกับหลายๆอย่างโดยที่ไม่ต้องมี"มือถือ"ด้วยซ้ำ เช่น ความสามารถในทักษะต่างๆ ความมีน้ำใจ ใจสู้ ฯลฯ ฉะนั้นผู้ใหญ่ต้องมีความใจเย็นที่จะแยกแยะความต้องการแท้จริงออกมาแล้วชี้แนะ แต่ยอมรับครับ ยากส์มากๆๆๆๆ
