กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
-
- Verified User
- โพสต์: 56
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
โพสต์ที่ 1
ผมได้ฟังคำพูดจากเพื่อนๆ นักลงทุนหลายท่านครับบอกว่า กลุ่มนี้ปลอดภัย กับสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ สภาวะซึ่งนำมันแพงมากๆ จากเหตุผลที่ว่า "ยังไง ยังไง คนป่วยก็ต้องเข้า โรงพยาบาล ค่าบริการก็ยังคงเดิม."
ตามความเห็นของผมนั้น ก็ถูกครับ แต่ไม่ทั้งหมดครับ
ผมว่า บางอย่างก็ไม่เกี่ยวจริงๆ อย่างที่พูดกันครับ เช่น โรคที่เกี่ยวกับ การคลอด อะไรอย่างนั้น
แต่อีกส่วน ปริมาณโรคนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะทางเศรษฐกิจครับ เช่น โรคอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วงนี้นั้น คนเมาน้อยลง หรือ ขับรถน้อยลง ก็ไม่ทราบ
แต่จากที่ได้ลองดูสติถิ ช่วงนี้ โรคประเภทนี้ลดลงมากครับ 50-60% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงพยาบาลเอกชนที่ตั้งอยู่ตามถนนสายหลัก คนไข้ส่วนนี้หายไปมากครับ
ถ้าสถานะการณ์แบบนี้ยังคงดำเนินต่อไป ผมว่ากลุ่มนี้โดยทั่วๆไปก็คงมีกำไรที่ลดลงครับ และไม่ทราบเพื่อนๆ เคยสังเกตุไม๊ครับ กลุ่มโรงพยาบาล ได้ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วคนไข้เพิ่มขึ้นตามทันได้อย่างไรในเมื่ออัตราการเกิดเราลดลง?
อันนี้เป็นความเห็น เล็กๆ น้อยๆ ครับ เพื่อนๆ นักลงทุนที่เป็นแพทย์ ถ้าจะกรุณาให้ความเห็นเพิ่มเติมได้ก็ดีครับ
ตามความเห็นของผมนั้น ก็ถูกครับ แต่ไม่ทั้งหมดครับ
ผมว่า บางอย่างก็ไม่เกี่ยวจริงๆ อย่างที่พูดกันครับ เช่น โรคที่เกี่ยวกับ การคลอด อะไรอย่างนั้น
แต่อีกส่วน ปริมาณโรคนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะทางเศรษฐกิจครับ เช่น โรคอุบัติเหตุทางรถยนต์ ช่วงนี้นั้น คนเมาน้อยลง หรือ ขับรถน้อยลง ก็ไม่ทราบ
แต่จากที่ได้ลองดูสติถิ ช่วงนี้ โรคประเภทนี้ลดลงมากครับ 50-60% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงพยาบาลเอกชนที่ตั้งอยู่ตามถนนสายหลัก คนไข้ส่วนนี้หายไปมากครับ
ถ้าสถานะการณ์แบบนี้ยังคงดำเนินต่อไป ผมว่ากลุ่มนี้โดยทั่วๆไปก็คงมีกำไรที่ลดลงครับ และไม่ทราบเพื่อนๆ เคยสังเกตุไม๊ครับ กลุ่มโรงพยาบาล ได้ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วคนไข้เพิ่มขึ้นตามทันได้อย่างไรในเมื่ออัตราการเกิดเราลดลง?
อันนี้เป็นความเห็น เล็กๆ น้อยๆ ครับ เพื่อนๆ นักลงทุนที่เป็นแพทย์ ถ้าจะกรุณาให้ความเห็นเพิ่มเติมได้ก็ดีครับ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
โพสต์ที่ 5
ที่จริงแล้ว โรงพยาบาลอย่าง BH หรือบางดรงเราคุยกันแต่ที่อยู่ใน ตลาด
เขามีกลุ่มลูกค้าที่มาจากต่างประเทศ
อย่างโรงพยาบาลเอกชน
กลุ่มลูกค้าคือ ผู้บริหาร พนักงาน ประกันสังคม ของนิคมอุตสาหกรรม
อย่างโรงพยาบาลราม
กมีหลายสาขากระจายไปหลายจังหวัด
โรงพยาบาลมหาชัย
เขาก็มีกลุ่มลูกค้า อย่างเพชรบุรีนั่ก็เกี่ยวกับหน่วยงานราชการ
เรื่องอุบัติเหตเรื่องกินเหล้า คงไม่เข้าประเด็นกระมังครับ
เขามีกลุ่มลูกค้าที่มาจากต่างประเทศ
อย่างโรงพยาบาลเอกชน
กลุ่มลูกค้าคือ ผู้บริหาร พนักงาน ประกันสังคม ของนิคมอุตสาหกรรม
อย่างโรงพยาบาลราม
กมีหลายสาขากระจายไปหลายจังหวัด
โรงพยาบาลมหาชัย
เขาก็มีกลุ่มลูกค้า อย่างเพชรบุรีนั่ก็เกี่ยวกับหน่วยงานราชการ
เรื่องอุบัติเหตเรื่องกินเหล้า คงไม่เข้าประเด็นกระมังครับ
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
โพสต์ที่ 7
โอ๋ๆๆๆๆ...มาช่วยตอบอีกคนละจ้า
มองอีกแง่หนึ่ง สถิติอุบัติเหตุลดลง ก็แสดงว่าจะมีคนแก่เพิ่มมากขึ้น(รึปล่าว?)
คนแก่ต้องใช้งบรักษาพยาบาลมากกว่าคนหนุ่มๆที่ตายเพราะอุบัติเหตุนะ
ในอนาคต ประชากรน่าจะมีอายุเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และการให้ความสำคัญกับสุขภาพก็น่าจะเพิ่มตามด้วยมั้ง
มองอีกแง่หนึ่ง สถิติอุบัติเหตุลดลง ก็แสดงว่าจะมีคนแก่เพิ่มมากขึ้น(รึปล่าว?)
คนแก่ต้องใช้งบรักษาพยาบาลมากกว่าคนหนุ่มๆที่ตายเพราะอุบัติเหตุนะ
ในอนาคต ประชากรน่าจะมีอายุเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และการให้ความสำคัญกับสุขภาพก็น่าจะเพิ่มตามด้วยมั้ง
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
โพสต์ที่ 8
เทรนอนาคตของประชากรไทยอีก20ปีข้างหน้า จะเป็นรูปปิรามิดหัวคว่ำครับ
เด็กๆหายากขึ้น
คนแก่ และแอร์กี่จะเต็มเมืองครับ(ปล.ถ้าเมียรู้ว่าโพสท์แบบนี้หูยานแน่ๆเลย) :lovl:
เด็กๆหายากขึ้น
คนแก่ และแอร์กี่จะเต็มเมืองครับ(ปล.ถ้าเมียรู้ว่าโพสท์แบบนี้หูยานแน่ๆเลย) :lovl:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
โพสต์ที่ 9
จะบอกว่ากลุ่มโรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจเลย คงไม่ถูกแน่ๆ ลองย้อนกลับไปดูผลประกอบการของกลุ่มนี้ในช่วงปี 2539-2541 ก็เห็นได้ว่าไม่ดีเท่าภาวะเศรษฐกิจปกติ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจนี้สามารถจะพื้นตัวได้เร็ว และปรับตัวเข้ากับสภาวะที่แย่ลงของเศรษฐกิจได้ดีกว่าอีกหลายๆธุรกิจ ด้วยเหตุที่เป็นหนึ่งในปัจจัย 4 และธรรมชาติคนเราย่อมต้องการให้การเจ็บป่วยของเราหรือคนที่เรารักได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ทำให้อย่างไรก็ยังมีผู้มาใช้บริการ แม้เศรษฐกิจจะแย่ลง รายจ่ายด้านการรักษาพยาบาลมักจะเป็นรายจ่ายอันดับหลังๆที่เราจะตัดออกในบรรดารายจ่ายทั้งหลายในชีวิตประจำวัน
ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนปัจจุบัน มองได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆตามกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ กลุ่มแรกคือกลุ่มที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก มักจะเล็กกว่า 100 เตียง ราคาไม่แพงมาก เน้นเป้าหมายลูกค้าระดับกลางถึงล่างในละแวกใกล้เคียงกับที่ตั้งที่พร้อมที่จะจ่ายเพิ่มบ้าง เพือไม่ต้องไปรอระบบของรัฐ กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากภาวะเศรษฐกิจเพราะกำลังซื้อของคนระดับนี้จะแปรตามภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างมาก และปัจจุบันมีทางเลือกโครงการ 30 บาท ทำให้โรงพยาบาลในกลุ่มนี้ต้องเข้ามารับผู้ป่วยประกันสังคมและ 30 บาทด้วย
กลุ่มที่สองคือกลุ่ม premium เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ราคาแพง (เป็นที่รู้กันดีเช่นกัน ) มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือครบ มีแพทย์ที่มีชื่อเสียงอยู่ประจำ กลุ่มนี้เจาะตลาดลูกค้าระดับกลางถึงบน รวมไปถึงชาวต่างประเทศ ซึ่งมีกำลังซื้อมากกว่า และได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กลุ่มนี้จะมีการลงทุนค่อนข้างมากเป็นระยะๆ เพื่อผลในเชิงการตลาดและการรักษาพยาบาล
นอกจากนี้ แม้ประชากรจะไม่ได้เพิ่มมากขึ้นนัก แต่อัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจากความเสื่อมยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตลอด ตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขยังคงมีคนที่ป่วยจากโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี ซึ่งโรคเหล่านี้ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่าอุบัติเหตุเยอะ เพราะรักษาไม่ค่อยหายขาด ต้องติดตามดูแลและใช้ยาต่อเนื่องยาวนาน นอกจากนี้โรคเหล่านี้มักเป็นในคนสูงอายุ ซึ่งมักจะมีเงินเก็บมากพอที่จะรักษาพยาบาลตัวเองได้ ต่างกับอุบัติเหตุซึ่งมักเป็นในวัยรุ่นหรือวัยเริ่มทำงานซึ่งยังไม่มีเงินเก็บมากนัก ดังนั้นการลงทุนของโรคพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ก็จะเน้นเรื่องโรคจากความเสื่อมเหล่านี้เป็นหลักครับ :mrgreen:
สรุปว่า จะลงทุนในกลุ่มนี้ ก็ยังต้องอาศัยความระมัดระวังเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ แต่ปัญหาใหญ่ของกลุ่มนี้ปัจจุบันอยู่ที่ราคาหุ้นที่สูงมากๆ ทำให้ margin of safety ไม่ค่อยจะมีเลยครับ :(
อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจนี้สามารถจะพื้นตัวได้เร็ว และปรับตัวเข้ากับสภาวะที่แย่ลงของเศรษฐกิจได้ดีกว่าอีกหลายๆธุรกิจ ด้วยเหตุที่เป็นหนึ่งในปัจจัย 4 และธรรมชาติคนเราย่อมต้องการให้การเจ็บป่วยของเราหรือคนที่เรารักได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ทำให้อย่างไรก็ยังมีผู้มาใช้บริการ แม้เศรษฐกิจจะแย่ลง รายจ่ายด้านการรักษาพยาบาลมักจะเป็นรายจ่ายอันดับหลังๆที่เราจะตัดออกในบรรดารายจ่ายทั้งหลายในชีวิตประจำวัน
ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนปัจจุบัน มองได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ๆตามกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ กลุ่มแรกคือกลุ่มที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็ก มักจะเล็กกว่า 100 เตียง ราคาไม่แพงมาก เน้นเป้าหมายลูกค้าระดับกลางถึงล่างในละแวกใกล้เคียงกับที่ตั้งที่พร้อมที่จะจ่ายเพิ่มบ้าง เพือไม่ต้องไปรอระบบของรัฐ กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากภาวะเศรษฐกิจเพราะกำลังซื้อของคนระดับนี้จะแปรตามภาวะเศรษฐกิจค่อนข้างมาก และปัจจุบันมีทางเลือกโครงการ 30 บาท ทำให้โรงพยาบาลในกลุ่มนี้ต้องเข้ามารับผู้ป่วยประกันสังคมและ 30 บาทด้วย
กลุ่มที่สองคือกลุ่ม premium เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ราคาแพง (เป็นที่รู้กันดีเช่นกัน ) มีอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือครบ มีแพทย์ที่มีชื่อเสียงอยู่ประจำ กลุ่มนี้เจาะตลาดลูกค้าระดับกลางถึงบน รวมไปถึงชาวต่างประเทศ ซึ่งมีกำลังซื้อมากกว่า และได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กลุ่มนี้จะมีการลงทุนค่อนข้างมากเป็นระยะๆ เพื่อผลในเชิงการตลาดและการรักษาพยาบาล
การตลาดของโรงพยาบาลเอกชน มีอยู่ 2 แนวทางใหญ่ๆ อย่างแรกคือการเสาะหาลูกค้าใหม่ให้เข้ามารับการรักษาพยาบาล อย่างที่สองคือการเพิ่มอัตราการใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของลูกค้าเก่า ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มบริการใหม่ๆเข้าไปหรือเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ที่สามารถทำการวินิจฉัยหรือรักษาได้มากขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นถ้ามองรายได้โรงพยาบาล อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ จะสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนคนไข้ เพราะส่วนหนึ่ง(และเป็นส่วนใหญ่ด้วย)มาจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้ป่วยเดิมและไม่ทราบเพื่อนๆ เคยสังเกตุไม๊ครับ กลุ่มโรงพยาบาล ได้ขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วคนไข้เพิ่มขึ้นตามทันได้อย่างไรในเมื่ออัตราการเกิดเราลดลง?
นอกจากนี้ แม้ประชากรจะไม่ได้เพิ่มมากขึ้นนัก แต่อัตราการเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจากความเสื่อมยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตลอด ตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขยังคงมีคนที่ป่วยจากโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี ซึ่งโรคเหล่านี้ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษามากกว่าอุบัติเหตุเยอะ เพราะรักษาไม่ค่อยหายขาด ต้องติดตามดูแลและใช้ยาต่อเนื่องยาวนาน นอกจากนี้โรคเหล่านี้มักเป็นในคนสูงอายุ ซึ่งมักจะมีเงินเก็บมากพอที่จะรักษาพยาบาลตัวเองได้ ต่างกับอุบัติเหตุซึ่งมักเป็นในวัยรุ่นหรือวัยเริ่มทำงานซึ่งยังไม่มีเงินเก็บมากนัก ดังนั้นการลงทุนของโรคพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ก็จะเน้นเรื่องโรคจากความเสื่อมเหล่านี้เป็นหลักครับ :mrgreen:
สรุปว่า จะลงทุนในกลุ่มนี้ ก็ยังต้องอาศัยความระมัดระวังเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ แต่ปัญหาใหญ่ของกลุ่มนี้ปัจจุบันอยู่ที่ราคาหุ้นที่สูงมากๆ ทำให้ margin of safety ไม่ค่อยจะมีเลยครับ :(
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
โพสต์ที่ 10
ไม่ทราบที่ว่ากลุ่มโรงพยาบาลปลอดภัย คำนึงจากอะไรครับ ผลการดำเนินงานที่ดี หรือราคาขึ้นที่จะเพิ่มขึ้น ครับ
ถ้าให้เดาผมว่าน่าจะเป็นราคาหุ้นมากกว่า
ซึ่งถ้าใช่ บางครั้งถึงแม้บริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่ดี แต่นักลงทุนอาจขาดทุนก็ได้นะครับ ถ้าปีนยอดเขาไปซื้อครับ
ถ้าให้เดาผมว่าน่าจะเป็นราคาหุ้นมากกว่า
ซึ่งถ้าใช่ บางครั้งถึงแม้บริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่ดี แต่นักลงทุนอาจขาดทุนก็ได้นะครับ ถ้าปีนยอดเขาไปซื้อครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 56
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
โพสต์ที่ 12
... ก็มีความเห็นเข้ามาหลายท่านหนะครับ
บางทีข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ทำเอางงไปเหมือนกันครับ เช่น capacity ของโรงพยาบาล และ จำนวนเครื่องมือแพทย์ ตอนนี้ ของกรุงเทพ มีใกล้เคียงกับที่ London ...
ก็ขอบคุณทุกๆ ความเห็นครับ
ท่านปรัชญา ก็ ได้ให้ Positioning ของแต่ละโรงพยาบาลมา และให้ความเห็นว่าไม่มีผลกระทบอะไร...
ท่าน Knott ก็ได้ให้ความเห็นถึงทิศทางการทำรายได้ของโรงพยาบาลในอนาคต
จากอดีต ที่มีโรคทางการติดเชื้อมาก ปัจจุบัน และอนาคต รายได้จะมาจากการรักษาโรคที่ไม่ได้มาจากการติดเชื้อแทน
และจาก topics ที่แยกแต่ละโรงพยาบาล ก็ยังมองอนาคตโดยรวมๆ ก็ยังดีอยู่ ก็คล้ายๆกับความเห็นของเพื่อนๆผมในห้องค้าครับ
จริงๆ ผมเคยชื้อหุ้น ram เมื่อ 4 ปีที่แล้ว และเพิ่งขายไปเมือต้นปี ตอนนี้ราคาหุ้นก็ได้วิ่งขึ้นไปอีกมาก เมือได้ฟังความเห็นของเพื่อนๆแบบนี้แล้ว
ก็รู้สึกว่า "ตัวเองได้ทำอะไรที่โง่ๆไปแล้วครับ"
บางทีข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ทำเอางงไปเหมือนกันครับ เช่น capacity ของโรงพยาบาล และ จำนวนเครื่องมือแพทย์ ตอนนี้ ของกรุงเทพ มีใกล้เคียงกับที่ London ...
ก็ขอบคุณทุกๆ ความเห็นครับ
ท่านปรัชญา ก็ ได้ให้ Positioning ของแต่ละโรงพยาบาลมา และให้ความเห็นว่าไม่มีผลกระทบอะไร...
ท่าน Knott ก็ได้ให้ความเห็นถึงทิศทางการทำรายได้ของโรงพยาบาลในอนาคต
จากอดีต ที่มีโรคทางการติดเชื้อมาก ปัจจุบัน และอนาคต รายได้จะมาจากการรักษาโรคที่ไม่ได้มาจากการติดเชื้อแทน
และจาก topics ที่แยกแต่ละโรงพยาบาล ก็ยังมองอนาคตโดยรวมๆ ก็ยังดีอยู่ ก็คล้ายๆกับความเห็นของเพื่อนๆผมในห้องค้าครับ
จริงๆ ผมเคยชื้อหุ้น ram เมื่อ 4 ปีที่แล้ว และเพิ่งขายไปเมือต้นปี ตอนนี้ราคาหุ้นก็ได้วิ่งขึ้นไปอีกมาก เมือได้ฟังความเห็นของเพื่อนๆแบบนี้แล้ว
ก็รู้สึกว่า "ตัวเองได้ทำอะไรที่โง่ๆไปแล้วครับ"
-
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
โพสต์ที่ 13
ระบบสาธารณสุขแตกต่างกัน เทียบกันได้ยากครับ ของอังกฤษส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ เป็นรัฐสวัสดิการ การบริการไม่ค่อยดีและ waiting time นานมาก เคยเห็นตัวเลขจำไม่ได้ว่าจากไหน ว่าหากไปห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลในอังกฤษโดยเฉลี่ยจะรอนานประมาณ 8 ชั่วโมงก่อนพบแพทย์ ไม่ทราบว่าจริงเท็จอย่างไร แต่ประสบการณ์ส่วนตัวที่ดูแลคนไข้ชาวอังกฤษจะชื่นชมระบบโรงพยาบาลเอกชนของเรามาก ส่วนโรงพยาบาลเอกชนในอังกฤษเข้าใจว่ามีอยู่น้อยและราคาคงสูงมากๆกว่าที่คนส่วนใหญ่ของเขาจะไปใช้ได้บางทีข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ทำเอางงไปเหมือนกันครับ เช่น capacity ของโรงพยาบาล และ จำนวนเครื่องมือแพทย์ ตอนนี้ ของกรุงเทพ มีใกล้เคียงกับที่ London ...
จริงเท็จอย่างไร หากใครมีประสบการณ์จริงกับโรงพยาบาลในอังกฤษก็เล่าให้ฟังได้นะครับ 8)
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
-
- Verified User
- โพสต์: 136
- ผู้ติดตาม: 0
กลุ่มโรงพยาบาล กับสภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน
โพสต์ที่ 14
มีโรงพยาบาลหนึ่งมีลูกค้าจากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงมากและจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากการไปขยายการลงทุนในต่างประเทศ
ลูกค้าหลักคือ middle eastians และเป็นกลุ่มที่มีกำลังจ่ายสูงแถมยังเป็นลูกค้าที่รักโรงพยาบาลอีกต่างหาก
การขยายกิจการใน dubai ก็เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้ที่นิยม brand นี้อยู่แล้ว โรงพยาบาลก็จะได้ลูกค้าที่เป็น primary, secondary care อีกมากโดยการไปตั้งสาขา local
โรงพยาบาลอะไรเอ่ยที่มีลูกค้า middle eastians มากที่สุดในโลก อิ อิ คำตอบอยู่ใกล้ ๆ ตัวนี้เองครับ
ฉะนั้นน้ำมันยิ่งแพง ลูกค้าต่างประเทศกลุ่มหลักของโรงพยาบาลนี้ก็จะยิ่งมีกำลังจ่ายมากขึ้น
อีกปีสองปีจะเริ่มรับรู้รายได้จากสาขาในต่างประเทศและทะยอยรับรู้เต็มที่น่าจะ 3 ปีไปนะ ผมคาดว่า ฉะนั้นยังเป็น growth stock ที่น่าจับตามอง
ลูกค้าหลักคือ middle eastians และเป็นกลุ่มที่มีกำลังจ่ายสูงแถมยังเป็นลูกค้าที่รักโรงพยาบาลอีกต่างหาก
การขยายกิจการใน dubai ก็เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้ที่นิยม brand นี้อยู่แล้ว โรงพยาบาลก็จะได้ลูกค้าที่เป็น primary, secondary care อีกมากโดยการไปตั้งสาขา local
โรงพยาบาลอะไรเอ่ยที่มีลูกค้า middle eastians มากที่สุดในโลก อิ อิ คำตอบอยู่ใกล้ ๆ ตัวนี้เองครับ
ฉะนั้นน้ำมันยิ่งแพง ลูกค้าต่างประเทศกลุ่มหลักของโรงพยาบาลนี้ก็จะยิ่งมีกำลังจ่ายมากขึ้น
อีกปีสองปีจะเริ่มรับรู้รายได้จากสาขาในต่างประเทศและทะยอยรับรู้เต็มที่น่าจะ 3 ปีไปนะ ผมคาดว่า ฉะนั้นยังเป็น growth stock ที่น่าจับตามอง