Thai VI

1.ผลิตสินค้ามาสต๊อกมากกว่ายอดขายทีผ่านมา
2.เช่าโกดังสินค้าเพิ่มขึ้น เพื่อเก็บสินค้าที่ผลิตส่วนเกิน


ถ้าคุณเป็นผู้บริหาร  ทำแบบนี้
หมายถึงอะไร

มองได้ทั้งฝั่ง Demand และ Supply มองฝั่งDemandก็อาจจะคาดการณ์ว่าความต้องการจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต แต่ถ้ามองฝั่งSupplyก็อาจจะคาดการณ์ว่าวัตถุดิบอาจจะขาดแคลนในอนาคตหรือมีการปรับราคาทีสูงขึ้นกว่าต้นทุนการเก็บสต็อก แต่ทั้งหมดนี้ดูจากข้อมูลที่ยกมาเท่านั้น ยังไม่ได้ประเมินปัจจัยอื่นๆที่มากระทบ

และอะไรทำให้มั่นใจว่าการตัดสินใจของผู้บริหารไม่ผิดละคับ

1.ประวัติการทำงานที่ผ่านมา
2.ไม่มีใครเก่งกว่าด้านนั้นกว่าผู้บริหาร


อืม  แต่คนเราจะพลาดสักครั้งไหมคับ

คงเป็นสินค้าที่ไม่ล้าสมัยเร็ว

คาดการณ์ว่าต้นทุนการผลิตจากวัตถุดิบในอนาคตอันใกล้จะสูงขึ้นมาก

economy of scale




หรือไม่ก็

ขอไปตายเอาดาบหน้า :lol:
ผู้บริหาร  มีหน้าที่ขยายงาน เพื่อเป็นความหวังของผู้ถือหุ้น
เท่าที่เคยเห็นมา มีน้อยคนนัก
ที่จะยอมออกมาให้ข่าวว่า
บ.เราคงต้องลดกำลังการผลิตลงแล้ว เพราะว่าถึงสุดสูงสุดของรอบอุตสาหกรรมนี้แล้ว

กรณีกุ้งแช่แข็ง
กรณีไก่แช่แข็ง
กรณี เหล็กรูปพรรณ

อืม  อนาคต  ถ้าการตัดสินใจถูก  ถ้าการตัดสินใจผิด

เราจะเดาอนาคตอย่างไรดีถึงจะรู้นะ

สำหรับสินค้าที่เป็นcommodityอาจดูจากอัตราการผลิตของทั้งประเทศได้ ถ้ามีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ในอนาคตราคาอาจถีบตัวสูงขึ้นเพราะของขาดตลาด(ภายใต้สมมุติฐานว่าอุปสงค์ไม่เปลี่ยนแปลง) อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับราคายาง ที่มีช่วงนึงชาวสวนยางต่างตัดต้นยางไปทำเฟอร์นิเจอร์ จนน้ำยางดิบขาดตลาด ตอนนี้ราคายางก็สูงขึ้นแต่ไม้ทำเฟอร์กลับลดลง อีกหน่อยราคาน้ำตาลก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเพราะอัตราการผลิตลดลงเรื่อยๆ เหตุก็เอาอ้อยไปทำเอธานอลหมด ต้องติดตามชมกันต่อไป