ข่าวออกวันนี้ครับ ลงฐานเศรษฐกิจ
http://www.thannews.th.com/detialNews.p ... issue=2038
10วันน้ำหมดอีสเทิร์น ไบเออร์บินด่วนเช็กอ่าง
นับถอยหลังวิกฤตแล้งภาคตะวันออก เส้นยาแดงถึงต้นก.ย. ฝนไม่ตก อ่างหนองปลาไหล-ดอกกราย มีเหลือใช้เพียง 10 วันเท่านั้น จากที่มีน้ำขอดอ่างกลายเป็นเกลี้ยงอ่าง กลุ่มโรงงานในอีสเทิร์น ดิ้นต่อชีวิตธุรกิจ ล่าสุดบอสไบเออร์ เยอรมัน บินด่วนเข้าไทย ขอความมั่นใจจากรัฐบาล ล่าสุดเร่งผลิตสะต๊อกเม็ดพลาสติกสำรองเพิ่ม 2-3โกดัง ตัดใจปล่อยเงินจมดีกว่าเสียลูกค้า ด้านทุนเท็กซวิ่งนำเข้าพีทีเอ "อภิสิทธิ์"ยกพลปชป.ลุยดูของจริง 26 ส.ค.นี้
"ฐานเศรษฐกิจ"สำรวจโค้งสุดท้ายวิกฤตน้ำก่อนถึงเส้นยาแดงน้ำขาด! ไม่เพียงพอป้อนโรงงานอุตสากรรมในภาคตะวันออก หลังจากที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำดอกกราย และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลวัดปริมาณได้ในระดับที่เสี่ยงมากจนเกือบจะเกลี้ยงอ่างเก็บน้ำแล้วนั้น มีการตั้งข้อสังเกตุตามมาว่า สุดท้ายแล้วการสูบน้ำจากก้นอ่างขึ้นมาใช้อีก จะทำไม่ได้แล้ว เนื่องจากลักษณะน้ำเป็นโคลน มีความข้นของดินสูง ในขณะที่ภาครัฐบาลนำโดยพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพิ่งได้กฤษ์มีกำหนดการณ์จะลงพื้นที่ตรวจวิกฤตน้ำภาคตะวันออกเป็นครั้งแรกในช่วงวันที่ 27-28 สิงหาคมนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นภาครัฐออมายืนยันว่าน้ำมีเพียงพอ ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในขณะนี้
-"ไบเออร์"ฟันธงน้ำถึงจุดวิกฤติแล้ว
ล่าสุดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกลุ่มโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆขาดน้ำป้อน เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้ว เมื่อแหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด ทุนข้ามชาติจากเยอรมัน ที่มีโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกสำหรับใช้ในการผลิตแผ่นซีดี ดีวีดี ที่ตั้งโรงงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ออกมาเปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงสถานการณ์น้ำเพื่อใช้ในภาคอุตสาหกรรมในขณะนี้ว่า ได้มาถึงจุดวิกฤตชัดเจนแล้วเพราะน้ำมีปริมาณไม่เพียงพอกับการรองรับการผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมในธุรกิจปิโตรเคมีที่มามากว่า 30 แห่งในจังหวัดระยอง เมื่อพิจารณาจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำดอกกราย และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ที่ขณะนี้ถ้ากรณีฝนไม่ตกก็จะเหลือน้ำใช้ได้เพียง 7-10 วันเท่านั้น แต่ถ้ามีฝนตกก็จะยืดการใช้น้ำในอ่างเก็บน้ำ 2 แห่งดังกล่าวต่อไปได้อีกเพียง 1 เดือน(เดือนกันยายน) ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เต็มที่แล้ว ยกเว้นว่าจะมีการดึงน้ำจากที่อื่นมาช่วยเหลือได้ทัน อย่างไรก็ตามขณะนี้โรงงานอุตสาหกรรมเกือบทุกแห่งที่ใช้น้ำมาก ได้มีการควบคุมการผลิตให้สมดุลกับน้ำที่ใช้แบบวันต่อวันแล้ว
-บิ๊กไบเออร์ เยอรมัน บินด่วนเข้าไทย
อย่างไรก็ดี เมื่อสถานการณ์น้ำเป็นเช่นนี้ บริษัทไบเออร์ไทย ถือเป็นหนึ่งในบริษัทข้ามชาติที่ต้องเผชิญกับปัญหา และถือเป็นปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด กระทั้งทำให้ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท ไบเออร์จากประเทศเยอรมันซึ่งเป็นบริษัทแม่ ถึงกับต้องเดินทางมาดูสถานการณ์ด้วยตัวเองในราวต้นเดือนกันยายน 2548นี้ เพื่อขอความมั่นใจ และความชัดเจนว่าวิกฤตน้ำครั้งนี้ รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างไร ที่จะไม่เกิดผลต่อการลงทุนของไบเออร์ในประเทศไทย ที่ตั้งโรงงานผลิตมานานนับ 10 ปี เนื่องจากบริษัท ไบเออร์ไทย เป็นฐานการผลิตสำคัญในการป้อนตลาดเอเซียแปซิฟิก ด้วยขนาดกำลังผลิต 200,000 ตัน/ปี
"ขณะนี้ไม่แน่ใจว่าจะผ่านวิกฤตน้ำไปได้จนถึงสินปีนี้หรือไม่ จึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการเช่าโกดังเก็บสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 2-3 แห่งเพื่อสะต๊อกเม็ดพลาสติกไว้ล่วงหน้า กรณีที่ไม่มีน้ำผลิต ก็นำสะต๊อกดังกล่าววออกมาขายแทน"
สำหรับสาเหตุที่ไบเออร์ไทยยอมให้เงินไปจมอยู่กับของที่สะต๊อกไว้ มองว่าเสียค่าเช่าดีกว่าที่บริษัทต้องเสียตลาดไป เพราะจะต้องส่งออก 85-90% นอกจากนี้ก็ได้ลงทุนเป็นเงินนับ100 ล้านบาทขึ้นไปในการซื้อน้ำ และจ่ายค่าขนส่งเรื่องน้ำ ซึ่งตกเดือนละประมาณ 20 ล้านบาท รวมถึงการเช่าที่ดินที่มีสระน้ำหรืออ่างน้ำขนาดเล็กสำรองไว้ก่อน กรณีถ้าฝนไม่ตกทางบริษัทก็มั่นใจว่าจะมีปัญหาแน่นอน
-"ทุนเท็กซ"พล่านวิ่งน้ำเข้าพีทีเอ
สอดคล้องกับแหล่งข่าวจากธุรกิจปิโตรเคมีในกลุ่มทุนเท็กซ จากประเทศไต้หวัน ที่ตั้งโรงงานผลิตผงพีทีเอ(Purified Terephthalic Acid) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์และเรซินสำหรับทำขวดPET ในจังหวัดระยอง ระบุว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำดอกกรายเหลือรวมกันเหลือปริมาณน้ำเพียง 8.85 ล้านลบ.ม.(เป็นปริมาณน้ำที่หักน้ำก้นอ่างออกไปแล้วจำนวน 7 ล้านลบ.ม.) เปรียบเทียบกับการบริโภคน้ำในจังหวัดระยองที่มีวันละ 500,000ลบ.ม. ก็น่าจะบริโภคได้ถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้นกรณีที่ฝนไม่ตก หรือกรณีที่บริษัทตั้งสมมติฐานว่า ถ้ามีฝนตกบ้าง มีการทำฝนหลวง มีการผันน้ำรวมแล้วได้น้ำเข้ามาประมาณ 200,000 ลบ.ม./วัน
รวมถึงมีน้ำจากแม่น้ำระยองเข้ามาอีกวันละประมาณ 80,000ลบ.ม. รวมแล้วจะมีน้ำเท่ากับ 280,000ลบ.ม./วัน ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดีเมื่อวัดจากระดับการบริโภคในพื้นที่จังหวัดระยองรวมกัน แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมองต่อไปถึงทางเลือกที่ว่าโครงการตั้งปั๊มสูบน้ำจากคลองน้ำหูมาซึ่งจากแม่น้ำระยองเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดวันละประมาณ 100,000ลบ.ม. ซึ่งจะแล้วเสร็จไม่เกินกลางเดือนกันยายนนี้
ส่วนกรณีดึงน้ำก้นอ่างที่เหลืออยู่ประมาณ 7 ล้านลบ.ม.ขึ้นมาใช้นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะมีลักษณะเป็นโคลนน้ำข้นมากมีส่วนผสมของดินจำนวนมาก ภาคอุตสาหกรรมไม่สามารถใช้ได้เพราะมีผลต่อการผลิต
สำหรับทุนเท็กซเองขณะนี้ไม่สามารถรอดิน ฟ้า อากาศได้ เพราะถ้าพีทีเอขาดมือแล้วจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับลูกค้า ขณะนี้จึงได้ทะยอยสั่งพีทีเอนำเข้ามาขายให้กับลูกค้าต่อเนื่องในประเทศแล้ว โดยมีการนำเข้าต่อเดือนขนาด 4,000-5,000 ตัน ส่วนการผลิตพีทีเอในประเทศไทยตามภาวะปกติก็จะผลิตได้ 1,600 ตัน/วัน ซึ่งภายในเดือนหน้าถ้าปริมาณน้ำขาดตอน จนไม่เพียงพอสำหรับใช้ในการผลิตก็ต้องลดการผลิตลง
-ซื้อน้ำยกสระผูกขาดรายเดียว
แหล่งข่าวจากบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มปูนใหญ่ในการผลิตเม็ดพลาสติก กล่าวว่า ขณะนี้หลายโรงงานแก้ปัญหากันเจียนตัวมาก เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลบอกว่าไม่มีปัญหา โรงงานปิโตรเคมีเดินการผลิตได้เต็มที่ แต่หลังจากนั้นมาก็เริ่มเกิดความมุ่นวายมากขึ้นเมื่อแต่ละบริษัทวิ่งาทางออกเองโดยการหาน้ำมาใช้ ด้วยวิธีต่างๆ รวมไปถึงการเช่าพื้นที่เพื่อทำสัญญาการใช้น้ำแบบเหมาสระเก็บน้ำของชาวบ้านแล้ว ซึ่งบริษัทก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น นอกจากนี้ก็มีการซื้อน้ำจากผู้รับเหมาส่งน้ำทั้งทางรถ ทางเรือ บางรายที่หนักสุดก็ถึงขั้นซื้อที่ดินที่มีอ่างเก็บน้ำไว้เป็นสมบัติของตัวเองโดยไม่ต้องไปเสียเวลาขุดสระเอง
-กลุ่มปิโตเคมีเสียหายยับเยิน
ด้านกลุ่มลูกค้าของกลุ่มปิโตรเคมีในเครือปตท. กล่าวว่าเวลานี้ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ทุกบริษัท พยายามเตรียมหาน้ำมาสำรองไว้ให้มากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่จะซื้อน้ำจากชาวบ้านในราคา 120 บาทต่อลูกบาศก์เมตร เนื่องจากไม่มีเงินลงทุนมากพอที่จะไปหาซื้อน้ำจากแหล่งอื่นๆได้ ทำให้เวลานี้รางระบายน้ำจากที่เคยเป็นที่ทิ้งน้ำ ต้องปรับมาเป็นที่เก็บน้ำสำรองไว้แทน เพราะต้องหาที่เก็บน้ำให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม การจะลดกำลังการผลิตหรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับลูกค้าด้วยว่า จะลดกำลังการผลิตหรือไม่ เพราะหากกลุ่มปตท.มีน้ำผลิตเพียงพอ แต่กลุ่มลูกค้าไม่มีน้ำผลิต ถ้ายังผลิตได้เต็ม 100 % ก็ไม่รู้ว่าจะไปขายให้ใครอีก ซึ่งเรื่องนี้ต้องมองเป็นลูกโซ่ รัฐบาลต้องคิดแล้วว่ามันเป็นปัญหาใหญ่
-บิ๊ก"ซีพี"แนะทำเขื่อนทุกจุด
นายธนินท์ เจียวนนท์ ประธานกรรมการบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด หรือซีพี แสดงความเห็นต่อปัญหาวิกฤตน้ำครั้งนี้ว่า ปัญหาน้ำท่วม หรือภัยแล้งมีเกิดขึ้นทุกปี แต่ที่อยากจะฝากให้"ฐานเศรษฐกิจ"บอกต่อคือเขื่อนจะต้องทำทุกจุด ที่ เวลาเรื่องน้ำมันก็ทำให้ ทำไมคนที่ต่อต้านไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้ว่าเวลานำน้ำมันเข้ามานั้นมันเสียหายกว่าที่เราไปทำเขื่อนขนาดไหน! เวลานี้มองว่าการทำเขื่อนเสียหายอย่างเดียวคือ ทำให้พันธุ์ปลา พันธุ์กุ้งมันหายไป เพราะพันธุ์ปลาบางชนิดต้องไปออกไข่ตามน้ำจืด น้ำเค็ม แต่พอโตแล้วต้องว่ายกลับไป ว่ายไม่ขึ้นก็จะไปติดเขื่อนทำให้สูญพันธุ์
"จริงๆ แล้วรัฐบาลก็คิดจะทำเขื่อนอยู่แล้วแต่มีการต่อต้านอยู่ ทำให้เสียหายมหาศาล"นายธนินท์ กล่าว
-กรมชลลุ้นเทวดาโปรยฝนกู้หน้า
นายบุญสม ยุติธรรมภิญโญ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน กล่าวว่า หากฝนไม่ตกนับจากนี้ไปปริมาณน้ำที่เหลือใช้ได้ถึงเดือนตุลาคม แต่มั่นใจว่าฝนจะตกลงมามากในเดือนกันยายนนี้ ส่วนการสูบน้ำก้นอ่างขึ้นมาใช้นั้น สามารถสูบขึ้นมาได้จนกว่าจะสูบไม่ได้ และอ่างเก็บน้ำจะไม่ได้รับความเสียหายอย่างที่เป็นห่วงกัน เพราะถ้าสังเกตให้ดีๆเวลาสร้างเขื่อนมีการทำฐานรากไว้ 1-5 ปี ซึ่งขณะนั้นน้ำก็ยังไม่มีลงอ่าง ก็ยังไม่เป็นไร
"ขณะนี้เริ่มมั่นใจว่านับจากนี้ไปจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ดังกล่าว ก็จะมีน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำได้วันละเป็นแสนลบ.ม. ปัญหาวิกฤตน้ำก็น่าจะบรรเทาลงได้"
-ฝ่ายค้านลุยพื้นที่ดูของจริง
ด้านนายไพฑูรย์ ปฎิบัติ เลขาธิการสมาคมชาวสวนผลไม้จังหวัดระยอง กล่าวว่า ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัด จะเปิดพื้นที่รวมตัวระหว่างตัวแทนภาคเกษตร ชาวบ้าน สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จาก 6 อำเภอ และอีก 2 กิ่งอำเภอคือ อำเภอเมือง,แกลง,บ้านค่าย,ปลวกแดง,บ้านฉาง,วังจันทร์ และกิ่งอำเภอเขาชะเมา กับกิ่งอำเภอนิคมพัฒนา รวมตัวกันเพื่อชี้แจงและตอบข้อซักถามต่อปัญหาวิกฤตน้ำในภาคตะวันออกอีกครั้ง ก่อนที่จะรวบรวมข้อมูลเพื่อชี้แจงต่อไปฝ่ายค้านที่มีนาย อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนาย อลงกรณ์ พลบุตร รงอหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ในวันที่ 26 สิงหาคม เพื่อพบพี่น้องประชาชนที่อ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง เพื่อฟังความเดือดร้อนจากภาคเกษตร จากนโยบายแก้ปัญหาจากรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา
-ชาวสวนขายเสื้อตั้งกองทุนค้านผันน้ำ
นายไพฑูรย์กล่าวอีกว่า เวลานี้ดูแล้วปัญหาจะลากยาวไปไกล เพราะความไม่เข้าใจของรัฐบาล ทำให้ชาวบ้านและเกษตรกรในพื้นที่ต้องมีการประชุม หารือกันต่อเนื่อง รวมถึงการเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อร้องเรียน ชี้แจงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ได้รับความเดือดร้อน ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่ารถ ค่าน้ำมัน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรณรงค์ทำหนังสือคัดค้านเรื่อง การนำน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม แจกชาวบ้าน ล่าสุดจึงมีการทำเสื้อขายตัวละ 200 บาท โดยในเบื้องต้นผลิตเสื้อขายประมาณ 1,000 ตัว โดยที่ตัวเสื้อมีโลโก้รูปอ่างน้ำและมีธงชาติไทยปักอยู่ และมีคำเขียนว่า "อ่างประแสร์ สร้างเพื่อคนแกลง วังจันทร์ เขาชะเมา
ส่วนรายได้ที่เข้ามาจะตั้งเป็นกองทุนกลางสำหรับเป็นงบในการใช้จ่ายกรณีวิ่งเต้นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเป็นทุนในการทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการทำหนังสือรณรงค์การคัดค้านการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์เพื่ออุตสาหกรรมแจกชาวบ้านและกลุ่มเกษตรกร
-เช็กปริมาณน้ำ กรมชล-กรมทรัพย์ฯ
สำหรับปริมาณน้ำในอ่างหนองปลาไหลและดอกกราย ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน ระยอง ณ วันที่ 22 สิงหาคม2548 มีน้ำอยู่ในอ่างรวมกันประมาณ 15.846 ล้านลูกบากศก์เมตร(อ่านตารางประกอบ) แบ่งเป็นน้ำจากอ่างเก็บน้ำดอกกราย 5.88 ล้านลูกบาศก์เมตร และหนองปลาไหล 9.966 ล้านลูกบากศก์เมตร ซึ่งสามารถนำน้ำมาใช้ได้อีก ประมาณ 9.376 ล้านลูกบากศก์เมตรเท่านั้น โดยมีน้ำไหลเข้าอ่างในปริมาณ 3 แสนลูกบากศก์เมตรต่อวัน ขณะที่ต้องจ่ายน้ำออกในปริมาณกว่า 5 แสนลูกบากศก์เมตรต่อวัน ซึ่งหากมีปริมาณน้ำไหลเข้าระดับนี้ จะยังทำให้มีน้ำใช้งานไปได้อีกประมาณ 50วัน
ในขณะที่กรมทรัพยากรน้ำ จะมองปริมาณน้ำทั้งภูมิภาค ซึ่งได้รายงานตัวเลขปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำและระบายออก รวมทุกพื้นที่ในภาคตะวันออกจำนวน 11 อ่าง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา มีน้ำไหลเข้าอ่างทั้งสิ้น 656,000 ลูกบากศก์เมตรต่อวัน การการระบายน้ำออก 539,000 ลูกบากศก์เมตรต่อวัน ทำให้มีน้ำในอ่างที่สามารถใช้การได้อยู่ 17.37 ล้านลูกบากศก์เมตร
นอกจากนี้ ทางด้านกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รายงานว่าขณะนี้ได้ดำเนินการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลไปแล้วกว่า 259 บ่อ มีปริมาณน้ำที่ได้ 130,000 ลูกบากศก์เมตรต่อวัน และอยู่ระหว่างการขุดเจาะเพิ่มเติมให้เป็นไปตามเป้าที่จะให้ได้น้ำ 180,000 ลูกบากศก์เมตรต่อวัน ให้แล้วเสร็จในวันที่ 5 กันยายน นี้ ซึ่งปริมาณน้ำที่ได้เวลานี้ จะแบ่งนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งจะป้อนให้กับการประปาส่วนภูมิภาค ส่วนราชการและประปาหมู่บ้าน