Thai VI

ผมไม่ค่อยเห็นกระทู้ใน TVI พูดถึงธุรกิจธนาคารเท่าไร จึงอยากจะขอแบ่งปันความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจธนาคารไทยจากผู้รู้ใน TVI บ้างครับ

โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าธนาคารเป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจโดยรวม ในตอนที่เศรษฐกิจมีปัญหา ภาคธุรกิจจะล้มก่อน (ตอนนั้นคืออสังหาฯ) จากนั้นธนาคารล้มตาม และทำให้ภาคธุรกิจอื่น ๆล้มตามไปเป็นลูกโซ่

ผมลองมองกลับกันถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน อสังหาฯ เริ่มฟื้นตัว ธุรกิจโดยทั่วไปเริ่มฟื้นและใกล้จะต้องลงทุนเพิ่ม เนื่องจากกำลังการผลิตใกล้ถึง 70% แล้ว เลยคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่ภาคธนาคารจะได้กลับมามีบทบาทอีกครั้งหนึ่ง อันนี้ก็เป็นการมองกว้าง ๆไม่ได้เจาะลึกลงไปรายธนาคารนะครับ เพราะผมว่าธุรกิจธนาคารค่อนข้างซับซ้อนและดูบัญชียาก ไม่ทราบท่านอื่นมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ 8)

อ่านหนังสือพิมพ์วันสองวันมานี้ก็ขำๆดีครับ
ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะพูดถึงเรื่องธนาคารเท่าไหร่
หลังจากหุ้นธนาคารขึ้นมาเยอะๆตอนประมาณวันศุกร์
พวกนักวิเคราะห์ก็ออกมาพูดกันใหญ่เลย
ที่จำแม่นสุดก็ของกรุงเทพธุรกิจเมื่อวาน
ใน biz&money ลงไว้ตัวเบ้อเริ่ม
"ใครไม่ซื้อแบงค์ & ไฟแนนท์ก็บ้าแล้ว"
จามทฤษฎีของคุยดัชนีไทยที่ว่า "ตลาดหุ้นเป็นตัวนำเศรษฐกิจ"
ผมอยากจะเพิ่มอีกข้อครับ "ตลาดหุ้นเป็นตัวนำนักวิเคราะห์"
ขำๆๆๆ

yoyo เขียน:ทฤษฎีของคุยดัชนีไทยที่ว่า "ตลาดหุ้นเป็นตัวนำเศรษฐกิจ"
ผมอยากจะเพิ่มอีกข้อครับ "ตลาดหุ้นเป็นตัวนำนักวิเคราะห์"
ขำๆๆๆ

บทวิเคราะห์ส่วนใหญ่มักจะมาจากโบรกฯ ทีนี้โบรกฯเองก็ซื้อขายหุ้นด้วย ทีนี้มันก็เลยมองได้ว่าอาจจะมี "ผลประโยชน์ทับซ้อน" เท่าที่ผมสังเกตุดูบทวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยเนื้อหาก็ O.K. แต่มักจะออกมาไม่ค่อยถูกเวลาเท่าไร เช่น บอกให้ซื้อตอนที่หุ้นใกล้ถึงดอย หรือบอกให้ทยอยสะสมตอนที่หุ้นตกหาแนวรับไม่เจอ แต่ผมก็อ่านนะครับ อย่างน้อยข้อมูลเชิงตัวเลขก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และมักจะเป็นข้อมูลที่เราหาได้ยาก 8)

ผมเองก็เป็นคนนึงที่พยายามทำความเข้าใจธุรกิจของธนาคารอยู่เหมือนกัน โดยส่วนตัวเลยได้ข้อสรุปมานิดหน่อยคือ เวลาเรามองธนาคารอย่ามองแบบธุรกิจ เพราะจริงๆแล้วในมุมมองของผมธนาคารไม่ใช่ธุรกิจ แต่เป็นเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ตัวหนึ่ง ซึ่งเราสามารถสังเกตุได้ว่าปัจจัยภายในของธนาคารตามมาตรฐาน(ยกเว้นเรื่องฉ้อฉล)นั้นมีผลกระทบต่อผลกำไรของธนาคารไม่มากนักหากเทียบกับปัจจัยภายนอก เพราะธนาคารนั้นทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างคนมีเงินกับคนต้องการเงินนั่นเอง ดังนั้นปัจจัยสำคัญของการสร้างผลกำไรของธนาคารก็คือ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม หรือว่าง่ายๆก็คือ กลไกทางศรษฐศาสตร์นั่นเอง ดังนั้นหากจะวิเคราะห์ธนาคารน่าจะวิเคราะห์ที่ภาพรวมทางเศรษฐศาสตร์มากกว่าที่ตัวธนาคารเอง

ผมไม่ค่อยชอบธนาคาร เพราะว่าผมเคยทำงานธนาคารมาก่อน รู้ว่างบการเงินนั้นแต่งกันง่ายมากครับ ผมเลยไม่ชอบที่จะลงทุนในหุ้นธนาคาร

ผมว่าธนาคารเป็นธุรกิจที่ไม่เลวเลยนะครับ แต่ผลประโยชน์นั้นจะถูกผองถ่ายไปให้กับเจ้าของ หรือผู้บริหารอย่างไร จนแทบไม่ตกมาถึงผู้ถือหุ้นเลย นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เป็นธุรกิจที่ D/E สูงที่สุด ผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ส่วนทุนก็จะหายไปหมดครับ

ปัญหาของธนาคารเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งนะครับ

ยังไม่ฟื้นตัวหรอกครับธุรกิจธนาคาร ผมกลับเห็นว่ามันน่ากลัวยิ่งขึ้นครับการดูธุรกิจธนาคารเราสามารถดูได้จากอัตราดอกเบี้ยครับ

จะบ่งบอกถึงความต้องการเงิน แต่ปัจจุบันไม่ใช่ ต้นทุนเงินฝากคือรายจ่ายของธนาคารนะครับ ปัญหา NPLs ธนาคารไม่พูดความจริงครับยังมีอีกมากเลยครับ สังเกตได้จากพวกสถาบันจัดอันดับถ้าธนาคารพ้นวิกฤติแล้วจริงเกรดของธนาคารไทยไม่อยู่แค่นี้หรอกครับ ธนาคารกรุงเทพเคยเป็นธนาคารที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นะครับ ณ ปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร แค่นี้ก่อนดีกว่าครับ มันจารไนไม่หมดครับ

ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านหุ้น KTB ในโครงการร้อยคนร้อยหุ้น ขอเสนอให้ไปช่วยกันแสดงความเห็นเกี่ยวกับธุรกิจการธนาคารกันในกระทู้ของผมกันดีไหมครับ ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเฉพาะกรุงไทยก็ได้
พอดีช่วงนี้ยังไม่มีเวลาเขียนความเห็นต่อ ก็คงต้องอาศัยแรงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นี่แหละครับ

genie เขียน:ผมเองก็เป็นคนนึงที่พยายามทำความเข้าใจธุรกิจของธนาคารอยู่เหมือนกัน โดยส่วนตัวเลยได้ข้อสรุปมานิดหน่อยคือ เวลาเรามองธนาคารอย่ามองแบบธุรกิจ เพราะจริงๆแล้วในมุมมองของผมธนาคารไม่ใช่ธุรกิจ แต่เป็นเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ตัวหนึ่ง ซึ่งเราสามารถสังเกตุได้ว่าปัจจัยภายในของธนาคารตามมาตรฐาน(ยกเว้นเรื่องฉ้อฉล)นั้นมีผลกระทบต่อผลกำไรของธนาคารไม่มากนักหากเทียบกับปัจจัยภายนอก เพราะธนาคารนั้นทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างคนมีเงินกับคนต้องการเงินนั่นเอง ดังนั้นปัจจัยสำคัญของการสร้างผลกำไรของธนาคารก็คือ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม หรือว่าง่ายๆก็คือ กลไกทางศรษฐศาสตร์นั่นเอง ดังนั้นหากจะวิเคราะห์ธนาคารน่าจะวิเคราะห์ที่ภาพรวมทางเศรษฐศาสตร์มากกว่าที่ตัวธนาคารเอง

ไหนๆ คุณ Genie ก็สนใจแล้วมาช่วยผมทำการบ้านแล้วกัน

กำลังมาให้นักลงทุน ช่วยกันเพิ่มทุน
แกะงบยากที่สุด
หมกเม็ดมากที่สุด
แต่งบัญชีมากที่สุด

(ผมคิดคนเดียวนะครับ)


ปัญหาคือ การเพิ่มทุนอีกเกือบทุกแบ๊งก์
ทั้งสำรอง ทั้งไถ่ถอนสลิป-แคป
ผมไม่เข้าไปแตะต้องกลุ่มแบ๊งก์ มา4-5ปีแล้ว
แต่ถ้าแบ๊งก์ไม่ลากกันขึ้นไป
ที่นักวิเคราะห์คุยกันถึงดัชนี650-750จุด คงไม่ได้เห็น
เพราะฉนั้น เขาต้องเชียร์แบ๊งก์กันตลอด
เขาฝากความหวังกับแบ๊งก์กันครับ

ส่วนเดย์เทรด ไฟ.....อย่างเดียว

ไหงพี่FEมาลากผมไปด้วยละครับ