Thai VI

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ปรกติ

ที่เราดีใจน่าจะเป็นเพราะ...

1.พลอยทำให้หุ้นที่เราลงทุนราคาสูงขึ้นด้วย ช่วยสร้างบรรยากาศตลาดให้ดี
2.การที่ราคาหุ้นซื้อขายกันแพงๆ ทำให้กลใกตลาดหุ้นทำงานได้ดี คือเป็นแหล่งระดุมทุนให้บริษัทขายหุ้น ipo ได้แพงๆ  ถ้าตลาดซื้อ-ขายหุ้นกันที่ราคาถูกๆ คงไม่มีใครเข้ามาระดมทุน

ที่น่าเป็นห่วงคือ...

1.ฟันกำไรทั้งราคาหุ้น+ปันผล เอาเงินกำไรออกนอก ทำให้ดุลการชำระเงินขาดดุล ซ้ำเติมดุลการค้าที่ขาดดุล

วันดีคืนดี  มีรายการโทรทัศน์ไปแนะนำร้านนี้เข้า  ก็มีผู้คนเข้ามาซื้อเข้ามทานกันมากขึ้นเรื่อยๆ  จนทางร้านได้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเป็นจานละ 30 บาท  35 บาท  40 บาท  

ดีตรงนี้แหละครับ ทุนทำอาหารก็เท่าเดิม  คุณค่าอาหารก็เท่าเดิม  แต่เราขายได้ราคามากกว่าเดิม ได้ตั้ง 40 บาทแน่ะ  ไม่ดีใจเหรอ  แปลกคน  ท่านฉัตรชัยนี่

ก็เราเป็นเจ้าของหุ้น ก็เหมือนเราเป็นคนขายอาหารสิครับ  ถ้าเรายังไม่ได้ซื้อหุ้น(ตกรถ)และกลายเป็นว่าเราเป็นผู้ซื้อ(ไม่ใช่ผู้ขาย)ต้องซื้ออาหารในราคาแพงขึ้นถึงค่อยเซ็งครับ  อิอิ  555

เพิ่งเห็นข้อความของน้องลูกอิสาน

ที่น่าเป็นห่วงคือ...

1.ฟันกำไรทั้งราคาหุ้น+ปันผล เอาเงินกำไรออกนอก ทำให้ดุลการชำระเงินขาดดุล ซ้ำเติมดุลการค้าที่ขาดดุล

ใช่ครับ  เรื่องนี้น่าเป็นห่วง

แต่เฉพาะงวดนี้(ต่างชาติเริ่มเก็บตั้งแต่ พย.47)ผมสังหรณ์ใจพิกล ว่าต่างชาติต้องดึง set ให้สูงๆโดยเข้ามาซื้ออีกอย่างต่อเนื่องยาวนานพอสมควร  ไม่งั้นต่างชาติจะได้บทเรียนจากนักลงทุนไทยแหงๆ 5555

เพราะคนไทยชอบตามก้นฝรั่ง เรียนก็ต้องไปเรียนเมืองฝรั่ง ใช้สินค้าก็ต้องแบรนด์ฝรั่ง

เพราะคนไทยคิดว่าตัวเองโง่กว่าฝรั่ง

8) ที่คุณฉัตรชัยพูด มันก็น่าคิดนะครับ
     แต่ถ้าคิดต่อว่า
     มันมีโซลูชั่น ต่อปัญหานี้ไหม
     เราก็ได้แต่เล่าสู่กันฟังว่า
     มันมีเจ้ามือนะ มันจ้องเอากำไรทั้งราคาและปันผลกลับบ้านมัน นะ
     ต้องเรียนรู้วิธีที่จะอยูกะเสือโดยไม่ถูกเสือขบหัว สมองเละ นะ
     เราก็เลยมาวนกันอยู่ในเวปนี้ช่วยกันเตือน ช่วยกันระวัง
     มีอะไร ขำๆ บ้าง เครียดๆ บ้าง สนุกดีออก...
   

เพราะคนไทยชอบตามก้นฝรั่ง เรียนก็ต้องไปเรียนเมืองฝรั่ง ใช้สินค้าก็ต้องแบรนด์ฝรั่ง

เพราะคนไทยคิดว่าตัวเองโง่กว่าฝรั่ง

     คุณ FE พักหลังๆ เสียบสกัด ยังกะมาร์ค ฟาน บอมเมล ที่ย้ายไป
     เอ บาเซโลน่า หรือเปล่า....

มีได้ก็มีเสีย

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะผู้นำประเทศอยากให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นมากๆ
คนที่ติดหุ้นอยู่จะได้ขายออกมาสักที เงินจะได้สะพัดเข้าไปในระบบเยอะๆ
ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นในพริบตา

และหวังว่า วันที่ต่างชาติฟันกำไร ขนเงินออกนอกประเทศ จะไม่เกิดขึ้น

เป็นอย่างนี้มาทุกรัฐบาล นับตั้งแต่มีตลาดหุ้น (มั้ง)



เอ

พูดไปพูดมา เริ่มเหมือนคุณพี่ดัชนีไทยเข้าไปทุกที :lovl:

CK เขียน: เอ

พูดไปพูดมา เริ่มเหมือนคุณพี่ดัชนีไทยเข้าไปทุกที

:lovl:

 ผมว่าในแง่ผู้บริหาร ตลท. ก็ต้องการให้มันคึกคัก  เหมือนร้านข้าวแกง ถ้าคนคึกคัก ก็จะทำให้ขายได้มากๆราคาสูง  เป็นประโยชน์ต่อการระดมทุนตัวใหม่ๆที่ยังไม่เข้าตลาดที  
     ส่วนในแง่นักลงทุน  ผมไม่สนใจเท่าไร  เพราะอย่างว่าผมก็ต้องการให้ข้าวแกงคุณภาพดีและราคาถูกต่อไป  และไม่ต้องการให้ใครมาแย่งที่นั่ง และคอยคิวเวลาจะหิวด้วย   :lol:

ผมว่าตลาดหุ้นมันเป็น ทุนนิยม มากกว่า สังคมนิยม เยอะครับ

มันเป็นสัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจทุนนิยม

ถ้าตลาดหุ้นดี หน้าตาประเทศก็ ดูดี
เป็นประเทศเนื้อหอม ใครๆก็อยากรู้จัก
มัน look rich ดี คิดจะทำอะไรก็ง่าย

ในระดับธุรกิจโครงสร้างหลายๆอย่างมันก็สนับสนุนให้เป็นอย่างนั้นด้วย

อย่างโบรก กับ มาร์ ก็ได้ตังค์จาก volume ซื้อขาย ไม่ใช่ คำแนะนำเกี่ยวกับหุ้น หรือค่าฝากหุ้น

โบรกเอง ส่วนใหญ่ก็มีรายได้หลัก จาก volume ผมว่ารายจ่าย โบรกก็เยอะ
ไหนจะค่าทำห้องค้า, electronic board, ค่าเช่า office สวยๆ, ค่า license จิปาถะ
แถมมาร์จิ้น ค่าคอมก็ไม่เยอะ คนลงทุนผมว่าก็มีไม่มาก ก็ต้องแข่งกัน
ทำให้ต้องทำรอบมากๆถึงจะดี

ฉะนั้น จะให้อยู่ได้ก็ต้องให้ลูกค้ามีกำไรจากการซื้อขาย ไม่ใช่ถือหุ้น
ก็เลยอยากให้หุ้นมีแนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น แต่ต้องมีขึ้นๆลงๆ พักฐานบ้าง
เพื่อมีจังหวะซื้อขาย

ฉะนั้นคนมีตังค์เยอะๆที่ทำให้หุ้นขึ้นได้ คือ คำตอบ

สุดท้ายใครบ้างไม่อยากรวยเร็วๆ

เมื่อคิดเช่นนี้ก็ .....
กรุบๆ กรุบๆ  :mrgreen:  :mrgreen:

เพราะว่าตามหลักการแล้ว  ตลาดหุ้น "ควรจะ" เป็นแหล่งระดมทุนมั้งครับ    นั่นคือยิ่งมีคนเอาเงินมาเป็นทุนให้บริษัทต่าง ๆ ไปขยายกิจการก็ยิ่งดี   จะได้ขยายกันได้เยอะ ๆ     เงินฝรั่งที่เราอยากได้น่าจะเป็นเงินที่เอามาเหมือนให้กู้   ลงทุนกับเรานาน ๆ

แต่ในโลกความเป็นจริงนี่  ไม่รู้งับ  

จริงๆแล้วคงไม่เกี่ยวกับ คุณเป็นคนไทย กองทุน หรือ ต่างชาติ แต่สำคัญที่จะเอาเงินทุนที่ไหนมาใส่ในตลาดมากกว่า
ถ้าคนไทยรู้จักการลงทุนการออมมากกว่าการฝากธนาคารคงไม่เกิดการเดินตามก้นฝรั่ง

ลองเปรียบว่าประเทศไทย เป็นบริษัทหนึ่ง

บริษัทนี้ เจ้าของเดิมถือหุ้นอยู่100% แต่วันหนึ่งต้องการเงินเพื่อมาเพิ่มสภาพคล่องและขยายตลาด จึงจำเป็นต้องระดมทุน ถามว่าเจ้าของเดิมมีเงินเพียงพอไหมครับที่จะใส่ เงินไปทั้งก้อน และการขยายตลาดเป็นไปได้ง่ายขนาดไหนถ้ายังเป็นเจ้าอยู่100%
ไม่เอาเงินเข้ามาเพิ่มกิจการก็ไม่โต

เข้ามาสู่คำตอบว่าดีใจไหมครับ

ก็คงไม่ดีใจเท่าไร ที่ต้องแบ่งกำไรให้ต่างชาติไป
แต่ก็อาจจะดีใจ ถ้าเงินนั้นมาทำให้บริษัทเราพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
และเงินนั้นทำให้เงินเดิมที่มีอยู่โตขึ้นกว่าเดิม

ไม่มีอะไรได้เต็มร้อย ต้องแบ่งกันกำไร ถึงอยู่กันได้นาน ครับ

คงไม่แชร์เฉพาะกำไรมังคะ
ความเสี่ยงที่จะเจ๊งก็ต้องแบ่งๆ กันด้วยนี่

...... แน่ใจนะว่าที่เห็นซื้อเอา ซื้อเอาเนี่ยย ... เป็นฝาหรั่ง .... ไม่ใช่มังคุด .....

เอ ทำไมผมคิดเหมือนคุณคัดท้ายเลยหว่า :lovl:

แต่ผมว่าเป็นลำไยนะ ไม่ใช่มังคุด

อยากให้หุ้นไทยราคาไม่ไปไหน Valuation ต่ำๆ ตลอดเวลา

ลองคิดดูว่าถ้าราคาหุ้นในตลาดต่ำมากจนเทรดกันที่ Div Y สัก 10% แบบนี้ เราจะมีโอกาสในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ดีกว่าการฝากเงินอยู่ตลอดเวลา มีเงินจะลงทุนเืมื่อไรก็มีของที่สามารถซื้อได้เห็นซื้อเต็มตลาดไปหมด รอกินเงินปันผลอย่างเดียวก็เยอะแล้ว ไม่เหมือนกันตอนนี้ตลาดหุ้นบูมหนักที่มีแต่ของแพงซื้่อไม่ได้ทั้งนั้น

หลายคนอยากให้หุ้นขึ้นทุกวัน ขึ้นไปเรื่อยๆ และโกรธคนที่ฉวยโอกาส take profit แต่ในความเป็นจริงหุ้นไม่สามารถวิ่งเร็วแซงพื้นฐานเป็นเวลานานๆ ได้ สุดท้ายมันจะต้องตกลงมากอยู่ดี สู้ให้มันค่อยๆ วิ่งช้าๆ ไปเท่าๆ กับพื้นฐานดีกว่า แบบนี้จะไม่มีใครต้องเจ็บตัวมากๆ จะซื้อเมื่อไรก็ซื้อได้