หน้า 1 จากทั้งหมด 1

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 23, 2005 6:34 pm
โดย Aloha
เปิดกลยุทธ์ "ซีพี กรุ๊ป" (เครือเจริญโภคภัณฑ์) ใช้วิธีการหมุนเงินแบบใหม่ออกหุ้นปันผลให้กับ "เซเว่นอีเลฟเว่น" (CP7-11) ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ แล้วเอาหุ้นฟรีไปขายต่อให้กับ "ซีพีเอฟ" (CPF) จำนวน 120 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 5 บาทรับเงินสดๆ ไปหมุนทันที 600 ล้านบาท

บนความเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2548 ผ่านมา "ซีพี กรุ๊ป" ขายหุ้นบริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น (CP7-11) ให้กับ "CPF Investment Limited" ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF)..จำนวน 120 ล้านหุ้น (2.72%) ที่ราคาหุ้นละ 5 บาท มูลค่าทั้งสิ้น 600 ล้านบาทนั้น

หากมองเพียงผิวเผินอาจคิดว่านี่เป็นแค่ดีลธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ถ้ามองลึกลงไปกลับพบว่า..นี่คือ กลยุทธ์การ "หมุนเงิน" ภายในเครือซีพีที่น่าสนใจยิ่ง ภายใต้แนวคิดง่ายๆ ถ่ายเทสภาพคล่องจากบริษัทในเครือมาไว้กับบริษัทแม่ (ซีพี กรุ๊ป) โดยไม่สูญเสียอำนาจการบริหารภายในกลุ่ม

ทีมข่าว "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ค้นข้อมูลย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2548 พบว่าเซเว่นอีเลฟเว่นประกาศจ่ายเงินปันผลเป็น "หุ้นสามัญ" ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ (ในราคา 0 บาท) จำนวน 440 ล้านหุ้น ขณะนั้น เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) ถือหุ้นทางตรงอยู่ใน CP7-11 จำนวน 114.16 ล้านหุ้น หรือ 25.95% (ทั้งเครือถือหุ้นรวมกันประมาณ 46%)..ฉะนั้นซีพี กรุ๊ปจะได้รับหุ้น CP7-11 จำนวนเท่ากันที่ 114.16 ล้านหุ้นโดยไม่มีต้นทุนรวมกับหุ้นเดิมจะเป็น 228.32 ล้านหุ้น

แต่เกมนี้ที่ลึกกว่านั้นก็ตรงที่หลังจากจ่ายหุ้นปันผล (ฟรี) แล้ว CP7-11 ก็แตกพาร์จาก 5 บาทเหลือ 1 บาท เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2548 เพราะฉะนั้นซีพี กรุ๊ปจะมีหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าจาก 228.32 ล้านหุ้น เพิ่มขึ้นเป็น 1,141.60 ล้านหุ้นทันที ขณะที่ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 2,250 ล้านบาทเป็น 4,500 ล้านบาท

อธิบายโจทย์นี้อย่างง่ายๆ..ก่อนแตกพาร์ซีพี กรุ๊ปมีหุ้นเดิมเพียง 114.16 ล้านหุ้น ทันทีที่แตกพาร์จาก 5 บาทเหลือ 1 บาทจะมีหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 570.80 ล้านหุ้น..ถ้าซีพี กรุ๊ปได้รับหุ้นปันผลฟรีมาอีก 114.16 ล้านหุ้น (1 ต่อ 1) เมื่อแตกพาร์เสร็จแล้วจะได้หุ้นเพิ่มขึ้นมาอีก 570.80 ล้านหุ้น รวมกันเป็น 1,141.60 ล้านหุ้น

ถ้าถอดสมการในสูตรนี้ ซีพี กรุ๊ป จะมีหุ้น CP7-11 เพิ่มขึ้น 10 เท่า จาก 114.16 ล้านหุ้น เป็น 1,141.60 ล้านหุ้น..โดยซีพี กรุ๊ปจะได้หุ้นเพิ่มขึ้นมาจำนวน 570.80 ล้านหุ้น (114.16 ล้านหุ้นคูณ 5)..นี่คือ วิธีการใช้กลยุทธ์ทางการเงินชั้นเซียน

หลังจากนั้นซีพี กรุ๊ปก็เอาหุ้นที่ไม่มีต้นทุนในส่วน 570.80 ล้านหุ้นนี้ขายต่อให้กับ "CPF Investment Limited" (CPF ถือหุ้น 100%) จำนวน 120 ล้านหุ้น ที่ราคา 5 บาท เท่ากับว่าไปดูดสภาพคล่องจากบริษัทลูกกลับออกไปหมุนได้ทันที 600 ล้านบาท

"กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ยังตรวจพบอีกว่าหลังแตกพาร์เสร็จซีพี กรุ๊ปควรจะมีหุ้น CP7-11 จำนวน 1,141.60 ล้านหุ้น เมื่อตรวจสอบโครงสร้างผู้ถือหุ้น (ก่อนขาย 120 ล้านหุ้นออกไป) ซีพี กรุ๊ปเหลือหุ้นเพียงแค่ 1,059.71 ล้านหุ้น แสดงว่าก่อนหน้านี้ได้มีการขายหุ้น CP7-11 ออกไปแล้วล็อตหนึ่งจำนวนประมาณ 82 ล้านหุ้น (ก่อนแตกพาร์คือ 8.19 ล้านหุ้น) คาดว่าขายก่อน XD ที่ราคาระหว่าง 57-62 บาท

จะได้รับเงินเข้ามา "รอบแรก" ประมาณ 466-507 ล้านบาท บวกกับที่ขาย "รอบสอง" จำนวน 600 ล้านบาท..คาดว่าซีพี กรุ๊ป จะได้เงินกำไร (ฟรีๆ) จากการขายหุ้น CP7-11 โดยไม่มีต้นทุนออกไป "หมุน" ในธุรกิจอื่นรวมประมาณ 1,066-1,107 ล้านบาท

แม้วิธีการจะ "ซับซ้อน" แต่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับ CPF หลังจากการรับซื้อหุ้นล็อตใหญ่จากบริษัทแม่จำนวน 120 ล้านหุ้น (2.72%) CPF จะถือหุ้นใหญ่ที่สุดใน 7-Eleven จำนวน 24.95% ขณะที่ซีพี กรุ๊ป จะเหลือหุ้นเพียง 20.96% แต่ถึงอย่างไรทั้งเครือยังถือหุ้นใหญ่ใน 7-Eleven รวมกันมากถึง 45.91%

เกมนี้ไม่ใช่แค่ ซีพี กรุ๊ปเท่านั้นที่เล่น แม้แต่ "กอฟเวอร์เม้นท์ ออฟ สิงคโปร์ อินเวสเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น" (GIC) กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์หลังจากได้หุ้นปันผลฟรีก็ "ขาย" หุ้น CP7-11ออกมาเช่นเดียวกันจากเดิมที่ถือหุ้นอยู่ 375 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาท) หรือ 8.5% ล่าสุดพบว่าเหลือหุ้นในชื่อ GIC จำนวนเพียง 112 ล้านหุ้น และถือผ่าน "กองทุน ไทยเวส พีทีอี ลิมิเต็ด" เหลืออีก 44 ล้านหุ้น (เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2548 เพิ่งขายออกไป 23 ล้านหุ้น)

กองทุนรัฐบาลสิงคโปร์ (GIC) จะเหลือหุ้น CP7-11 รวมกันประมาณ 156 ล้านหุ้น ภายหลังขายหุ้นล็อตใหญ่ออกไปแล้วประมาณ 218 ล้านหุ้น (คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตามอนาคต CP7-11 นับว่าน่าสนใจทีเดียวไม่เพียงมีสาขา "7-Eleven" ในประเทศไทยจำนวนมากถึง 2,861 สาขา (สิ้นปี 2547) มากเป็นอันดับที่ 4 ของโลกรองจากญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน..เมื่อปีที่ผ่านมาทำยอดขายรวมได้ 78,365 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,695 ล้านบาท

นอกจากนี้ CP7-11 ยังถือหุ้น 29% ใน "บริษัทเซี่ยงไฮ้ โลตัส ซูเปอร์มาร์เก็ต เชนสโตร์" เปิดห้าง "โลตัส" จำนวน 25 สาขาในประเทศจีนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว..แต่ถึงแม้ CP7-11 จัดเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานยอดเยี่ยมเพียงใด แต่การเพิ่มทุนขึ้นมากถึง 1 เท่าตัว (จากการแจกหุ้นปันผลฟรี) กำไรย่อมเติบโตไม่ทันกับจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมหาศาล

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 23, 2005 6:35 pm
โดย Aloha
ไม่รู้ว่า ผู้ถือหุ้นรายย่อย ของ cp7-11 หรือ cpf ได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ กองทุนสิงคโปร์เขามองยังไงนะ :?

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 24, 2005 3:29 pm
โดย ShexShy
CPF => เงินสดหายไปให้ CP Group 600 ล้านบาท ...
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 24, 2005 3:59 pm
โดย harry
บอกยากเหมือนกันเนอะ

ธุรกิจดี แต่ผู้ถือหุ้น เล่นแบบนี้ ทำให้หลายคนกังวลได้เลยนะ

กรณีนี้ ควรทำอย่างไรดีครับ แนะนำกันหน่อย

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 24, 2005 7:21 pm
โดย Stock Broker
แรกๆ ที่ผมเข้ามาสนใจตลาดหุ้น ก็ดูเจ้า CPF นี่แหละครับ เห็นว่า (ตอนนั้น) มันจ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ แถมยังจ่ายทุกไตรมาสอีกต่างหาก

มีคนรู้จักมาเตือนว่า อย่ายุ่งกับหุ้นเจ้าสัวเลย ตอนนั้นผมก็ยังงงๆ แต่ยิ่งพอนานๆ เข้า เห็นโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจและพฤติกรรมการจัดการแล้ว ต้องย้อนกลับไปนึกถึงคำเตือนเดิมๆ

"ขนาดเจ้ามือยังไม่กล้ายุ่งกับหุ้นเจ้าสัวเลย!!" 8)

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 24, 2005 8:11 pm
โดย ShexShy
600 ล้านบาท => คิดว่า CP Group เอาไปทำอะไรหรือครับ...?
กลัวจริงเลย ถ้าเอาไปใช้เกี่ยวกับการเมือง เพราะ มันอาจจะมีครั้ง ต่อ ๆ ไป และ ปริมาณเงินก็อาจจะเพิ่มมากขึ้น
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 24, 2005 10:56 pm
โดย por_jai
8) สรุปว่า
Aloha เขียน: วันที่ 24 ก.พ.2548 พบว่าเซเว่นอีเลฟเว่นประกาศจ่ายเงินปันผล
เป็น "หุ้นสามัญ" ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ (ในราคา 0 บาท)
จำนวน 440 ล้านหุ้น
หลังจากจ่ายหุ้นปันผล (ฟรี) แล้ว CP7-11 ก็แตกพาร์จาก 5 บาทเหลือ 1 บาท เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2548
เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2548 ผ่านมา "ซีพี กรุ๊ป" ขายหุ้นบริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น (CP7-11) ให้กับ "CPF Investment Limited" ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF)..จำนวน 120 ล้านหุ้น (2.72%) ที่ราคาหุ้นละ 5 บาท มูลค่าทั้งสิ้น 600 ล้านบาทนั้น
8) ผมว่าทั้ง3เหตุการณ์ต่างกรรมต่างวาระ
ไม่เห็นมีข้อไหนที่ทำไม่ได้
เหตุการณ์ที่2และ3 น่าจะทำได้ไม่ต้องขวยเขิน
ส่วนที่น่าเกลียดหน่อยเพราะคนภายในจะได้กำไรมั่กๆ
ก็เหตุการณ์แรกเพราะตอนที่แจกราคามันอยู่ในช่วง57-62
เล่นแจก1ต่อ1ซะเลย
ใครถืออยู่ก็เฮไป
เอ แต่เหตุการณ์แรกมันเกิดตั้งแต่ กุมภาแล้วไม่ใช่รึ...
อะไรๆ ท่านเค้า ก็ทำได้ทั้งน้านแหละ...
(คุณกั๊ม คร้าบ อ่านกระทู้นี้อะยังอ่ะ เห็นตามข่าวอยู่น่ะ)

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 25, 2005 9:21 am
โดย CK
เรื่องแตกพาร์ไม่เห็นจะมีผลต่อสัดส่วนการถือครองหุ้น

มั่วอีกแล้ว

ต้องเป็นกรุงเทพธุรกิจแน่เลยที่เขียนข่าวแบบนี้ ชอบเติมสีใส่ไข่เรื่อย

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 25, 2005 9:25 am
โดย tom
CK เขียน:เรื่องแตกพาร์ไม่เห็นจะมีผลต่อสัดส่วนการถือครองหุ้น

มั่วอีกแล้ว

ต้องเป็นกรุงเทพธุรกิจแน่เลยที่เขียนข่าวแบบนี้ ชอบเติมสีใส่ไข่เรื่อย
แม่นมากครับ บทความนี้อ่านได้ที่ กรุงเทพธุรกิจบิสวีค เล่มล่าสุดครับ

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 25, 2005 10:48 am
โดย Monet
คุณ por jai สรุปเฉพาะเนื้อหาได้ดีมาก
อ่านบทความทั้งหมด เหมือนผู้เขียนพยายามให้ผู้อ่านที่ไม่คิดตาม เข้าใจไปว่าซีพีเพิ่มหุ้นเซเว่นให้ตัวเองเป็น 10 เท่า แล้วขายส่วนนึงเอาเงินมาใช้

ผมอยากรู้ว่า ที่ CPF เอาเงินให้ซีพีกรุ๊ป (ในการซื้อหุ้นเซเว่น) เป็นการหมุนเงินภายใน
แล้วมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นเซเว่นหรือไม่ อย่างไร
ถ้าไม่มีผล ก็ไม่น่าจะถือว่าเป็นความไม่ชอบมาพากลนะครับ

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 25, 2005 9:55 pm
โดย por_jai
8) คุณโมเน ครับชื่อคุณมาจาก claude monet หรือเปล่าเอ่ย
ผมเคยได้ไปดูรูปของเขาที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์
ชอบมั่กๆ ในอิมเพรสชั่นนิส ด้วยกันผมจำแกได้อยู่คนเดียว
ผมเพิ่งมาทราบว่าลัทธิอิมเพรสชั่นนิส ตั้งมาจากชื่อรูปที่อีตาโมเนเขียน
ชื่อว่า ความประทับใจยามอรุณรุ่ง= impression,sunrise
(จากหนังสือของพี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ ผมทันเจอแกที่มหาลัยนะ
แต่แกรุ่นพี่ผมปีนึง จบพร้อมกัน เพราะแกเรียนถาปัด ต้อง5ปี อ่ะ)
ขอโทษท่านมอเดอะเรเตอะ ด้วย ไม่เกี่ยวกะหุ้นเลย.......ลบก็ได้นะ..

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 25, 2005 9:57 pm
โดย jaychou
จำได้แต่รูปกองฟางอะ Haystack ใช่ป่ะ

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 25, 2005 10:02 pm
โดย por_jai
8) แต่มานึกอีกที
จะให้เกี่ยวกะหุ้นก็ได้นะครับ
ศิลปินพวกนี้ ถ้าเปรียบไป ก็พวกหุ้นร้อยเด้ง พันเด้ง เลยนะ
ใครมีรูปของ โมเน ปิกัซโซ แวนโก๊ะ ไว้สักรูป ตอนที่ยังไม่ดัง
มาจนมีสตอรี่ ละก็
นับเด้ง ไม่ทันเลยนา...
พี่จิกเอง ก็ไม่เบา ถือเวิร์คพ้อย อยู่เท่าๆกะ พี่ตา(ปัญญา)เลย

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 25, 2005 10:30 pm
โดย por_jai
รูปภาพ
8) รูปนี้ชื่อ Haystacks at Chailly at Sunrise

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 25, 2005 10:39 pm
โดย CK
นึกถึง Vanilla Sky ขึ้นมาทันทีเลย

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 25, 2005 10:42 pm
โดย por_jai
รูปภาพ
8) งามไหมเอ่ย....

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 9:02 am
โดย por_jai
รูปภาพ
8) รูปนี้ Manet นะคร้าบ คนละคนกัน

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 9:22 am
โดย CK
รูปภาพ

ขอแจมมั่ง

Vanilla Sky ของ Monet

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 11:27 am
โดย Monet
คุณ por jai ครับ ชื่อที่ผมใช้ มาจากชื่อเล่นลูกสาวน่ะครับ
แต่ชื่อเล่นลูกสาว ก็มาจาก Claude Monet น่ะแหละครับ :D

ที่ Musée du Louvre มีภาพวาดสวยงานจากศิลปินต่างๆเยอะมาก
แต่ถ้าแฟน Monet ก็อย่าพลาดไปชมที่ Musée d'Orsay ด้วยนะครับ

ปล. อยากโพสท์รูปลงไปด้วย แต่ไม่รู้ทำยังไงน่ะครับ ช่วยสอนให้หน่อยสิครับ

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 12:20 pm
โดย jaychou
รูปภาพ

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 26, 2005 7:44 pm
โดย por_jai
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... &start=210
8) คุณ Monet ลองลิ๊งไปที่กระทู้ ข้างบนอ่านดู รับรองว่าทำได้แน่
เป็นกระทู้ ทีวีไอ นี่แหละ เนื้อหาก็ดี๊ดี ด้วย
ได้2 เด้ง ฮุๆๆ...

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 27, 2005 9:24 am
โดย Monet
รูปภาพ

โพสท์รูปได้แล้วครับ
Sunrise
ขอบคุณคุณ por jai มากครับ

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 27, 2005 9:41 am
โดย por_jai
8) แฮ่....
รูปใหญ่ไปนิดนะ
ผมจาบอกความลับให้
ผมก็รู้วิธีจากเวปนี้แหละครับ
คนในเวปนี้สอนให้ผมรู้ว่าการแบ่งปันอย่างเต็มใจเป็นยังไง

กลยุทธ์เจ้าสัว

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 27, 2005 2:28 pm
โดย harry
จากเจ้าสัว กลายเป็นศิลปินภาพวาด ซะนี่