Thai VI

ช่วงที่ข้าวของแพง น้ำมันแพง ดอกเบี้ยขึ้น

ท่านใช้บริการหรือซื้อสินค้า ของบริษัทจดทะเบียนบ้างหรือไม่ ไม่ว่าท่านจะถือหุ้นหรือไม่ก็ตาม

บอกเล่ากันหน่อยครับ
----
หลักๆ ผมก็เข้าเซเว่น ดื่มเป๊ปซี่บ้าง ดื่มชาเขียวบ้าง ซื้อหนังสือที่ซีเอ็ดบ้าง

ก็ยังใช้บริการอยู่ครับ
ดื่มชาเขียว กินไอติม สเวนเซ่น
ซื้อหนังสือ ใช้ไฟฟ้า
เปลี่ยนยางรถยนต์ ตรวจสุขภาพตาม รพ.
โดยสารเครื่องบิน
แต่ว่า ไม่ได้เช่าโรงงาน ไม่ได้เช่ารถ ครับ

sittc เขียน:ก็ยังใช้บริการอยู่ครับ
ดื่มชาเขียว กินไอติม สเวนเซ่น
ซื้อหนังสือ ใช้ไฟฟ้า
เปลี่ยนยางรถยนต์ ตรวจสุขภาพตาม รพ.
โดยสารเครื่องบิน
แต่ว่า ไม่ได้เช่าโรงงาน ไม่ได้เช่ารถ ครับ

พี่ sittc นี่คงถือเยอะมากนะครับจากที่ได้ใช้บริการเนี่ยะ

ผมคิดว่าการลงทุน กับการบริโภคเป็นต่างกรรมต่างวาระ

ยกตัวอย่างเช่น

คุณถือหุ้นเครื่องดื่ม A ดื่มเครื่องดื่ม A วันละขวด ใช้เงินปีละประมาณ 7000 บาท ไม่รู้กำไรเท่าไหร่นะ ...สมมุติว่า 50% .. 3500 บาท

หารจำนวนหุ้นทั้งหมด (ไม่รู้กี่ล้านหุ้น) ...คูณจำนวนหุ้นที่คุณถือ (ไม่รู้กี่ล้านหุ้น)

คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่คุณได้คืนมา คุ้มมั้ยครับ ถ้าคุณไม่ดื่มเครื่องดื่ม A .. หันมาดื่มเครื่องดื่ม B ที่ราคาถูกกว่า (สมมุติว่าคุณค่าทางอาหารเท่ากัน) .. คุณได้กำไรกว่ามั้ย

Bank - BBL, BOA, SPL, KBANK, KK
Commerce - CP7-11, OISHI, MINT
Hotel - ERAWAN
Auto - STANLY, GYT
Transport - THAI, AOT, BECL
Entertain - BEC, ITV, GRAMMY

ผมคิดว่าการลงทุน กับการบริโภคเป็นต่างกรรมต่างวาระ

ผมกลับมองว่ามันเป็นเรื่องเดียวกันได้ เพราะถ้าในชีวิตประจำวัน คนส่วนใหญ่ หรือกลุ่มหนึ่งที่ก็มากอยู่ และเราดื่มเป๊ปซี่กัน

ทำไมเราจะซื้อหุ้นเสริมสุข และซื้อน้ำเป๊ปซี่ดื่มไม่ได้ครับ

ในกรณีเดียวกัน ผมเข้าเซเว่นประจำ ถ้าผมจะซื้อหุ้นเซเว่น ก็ไม่เห็นแปลก แต่หมายถึงว่าเราวิเคราะห์บริษัทดีแล้วด้วยนะ

เหมือนกับบริษัทของเรา ก็ซื้อสินค้าของบริษัทเรา การที่เรามีหุ้นไม่กี่ร้อย กี่พันหุ้น แต่เราเฉยๆ ไม่อุดหนุน ผมว่ามันดูขัดกันอยู่บ้าง แต่ผมก็เห็นบางคนในเว็บนี้ก็มีหุ้นเยอะอยู่ เยอะหมายถึงหลายหมื่น หลายแสน หรืออาจเป็นล้านหุ้นก็ได้

อย่างสมมติว่า ถ้าพี่ฉัตรชัย เกิดไปเที่ยวแล้วเจอคนที่กำลังต้องการสารเคมี ซึ่งพอดีว่า WG ขายอยู่ ทำไมจะไม่แนะนำบริษัทที่เราถือหุ้นอยู่ให้ แต่ก็ไม่ได้ต้องไปการันตี เพียงแค่แนะนำ เค้าจะเลือกไม่เลือกก็แล้วแต่เค้า

หรือถ้าพี่ฉัตรชัย ชอบปลูกต้นไม้ แล้วเกิด WG มีสารเคมีประเภทสำหรับปลูกต้นไม้ ทำไมพี่ฉัตรชัยจะไม่ลองพิจารณาสินค้านี้ของ WG ก่อน ถ้าดีและน่าซื้อ ก็ควรจะอุดหนุนบริษัทที่เรามีหุ้นอยู่

บางที่ บ. ของเรา ผลิตสินค้า ที่มาตรฐาน ต่างกับที่เราต้องการ

เช่น ผลิตสินค้า เกรด AAA แต่เรา ต้องการแค่ B

ทางกลับกัน ก็ เหมือนกัน

เราคงต้องเลือกสินค้าที่สอดคล้อง กับ ความต้องการของเรามากที่สุด



แต่


ถ้าทุกอย่างเหมือนกัน

อย่างไรเสีย ก็ ต้องเลือกคนกันเอง ครับ

กากี่นั๊ง ครับ

สมัยผมถือ TVO ก็ใช้น้ำมันองุ่นครับ

พอขายหุ้นทิ้งหมด ก็เปลี่ยนเป็นน้ำมันรำข้าวคิง

แต่ไม่เคยซื้อถ่านหินมาใช้หุงข้าวเหมือนกัน :lovl:

นอนเปิดแอร์ทุกวันครับ

ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน ....................

ประโยคต่อไปนี้เป็นจริงหรือเป็นเท็จ ใช่หรือไม่ใช่ หรือว่าไม่แน่ ......................

1.ถ้าหุ้นดี แล้ว สินค้า/บริการต้องดีด้วย

2. หุ้นดี สินค้า/บริการอาจไม่ดีก็ได้

3.ถ้าหุ้นไม่ดี แล้วสินค้า/บริการต้องไม่ดีด้วย

4.หุ้นไม่ดี สินค้า/บริการอาจดีก็ได้

แล้วท่านที่เทรดหุ้นผ่านโบรกเกอร์ต่างๆ ไม่มีหุ้นโบรกเกอร์ของท่านเลยเหรอ

ทุกท่านมีบัญชีธนาคาร แล้วมีหุ้นธนาคารที่ท่านใช้หรือยัง

ท่านที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ คงรู้ว่าราคาตั๋วการบินไทยกับหุ้น THAI ไปคนละทางกัน

อีกหลายร้อยตัวอย่าง.......ว่าต่างกรรม ต่างวาระ .....แยกให้ออกครับ

:lovl:

ใครคิดว่าซื้อหุ้นกับการบริโภคเป็นเรื่องเดียวกันช่วยแนะนำด้วยครับ ผมชอบอ่านความคิดเห็นหลากหลาย

กระทู้นี้ ทำให้คิดถึง บทความ ดร.นิเวศน์

"ล่วงทุกข์ด้วยหุ้น"

สำหรับผม ลึกซึ้งสำหรับนักลงทุนพันธ์แท้

แต่เรื่องกิจการดี หุ้นต้องดี หรือ หุ้นดี กิจการต้องดี ผมยังไม่แน่ใจ หุหุ

yoyo เขียน:นอนเปิดแอร์ทุกวันครับ

ตกลงจะถือ EGAT หรือครับ ไม่งั้นควรจะซื้อแอร์ทุกวันนะ

การซื้อหุ้นคือการ "ลง" ทุน การบริโภคคือการ "ลด" ทุน

การลงทุนในหุ้น กับการบริโภคไม่เกี่ยวกันนักหรอกครับ
เพราะบางกิจการ เราแทบไม่มีโอกาศใช้บริการเลย
เพียงแต่หากคุณลงทุนในหุ้นบางตัวแล้วมีอารมณ์ร่วมในความเป็นเจ้าของ
และมีกำลังอยากจะจ่ายอุดหนุนกิจการตัวเอง(ถึงจะมีหุ้นน้อยนิดก็ตาม)
แม้ว่า จะแพงกว่า ก็อยากจ่าย (แบบว่า ไม่สนใจความคุ้มค่า ใครจะทำไม)
มันก็จะเกี่ยวกันบ้าง ก็เท่านี้แหละครับ

แต่หมายถึงว่าเราวิเคราะห์บริษัทดีแล้วด้วยนะ

นี่คือคำที่ผมโพสต์ไว้ด้วยครับ

ประมาณปู่บัฟ กินโค้กมาตลอด ทำนองนั้น

พอดีผมมีกรณีที่แตกต่างสักหน่อย เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง

ผมเคยเป็นลูกค้าที่ภักดีของสินค้าบริโภค อย่างหนึ่ง
แบบเหนียวแน่นมาก ยินดีจ่ายแพงกว่า ถ้าคุณภาพเหมาะสม
และ เมื่อหุ้นเข้าตลาด ก็ซื้อไว้ และก็ยังอุดหนุน
อย่างสม่ำเสมอ ต่อมาได้ขายหุ้นไปหมด เนื่องจากว่า ไม่มีเวลาติดตาม

มาระยะหลังนี้ กลับมาดูอีกทีราคาหุ้น ขึ้นไปอย่างน่าใจหาย เลยไม่ได้ซื้ออีก
แต่ประเด็นก็คือ ราคาสินค้า ก็ขึ้นไปมากมาย
ด้วยเทคนิค การตลาด การปรับปรุง ขนาด หีบ ห่อ อะไรประมาณนี้
ผมเข้าใจว่า ผู้บริหาร ต้องการทำกำไรให้ผู้ถือหุ้น
ก็เลยมาปรับราคาเอากับผู้บริโภค

มาระยะหลังนี่ ผมก็เลยหันไปซื้อสินค้า จาก บ.อื่น ที่ดูแล้วราคาน่าจะเหมาะสมกว่าแทน
ทุกวันนี้ ยังรู้สึกคาใจ อยู่เลยว่า ถ้า บ.จะทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นมาก
แล้วไปบีบเอาจากผู้บริโภค นี่ มันสมควรหรือเปล่า ที่จะทำอย่างนั้น

เมื่อวานเพิ่งไปอุดหนุนสินค้าในเครือ CENTEL ครับ

แต่ไม่มีกับเขาเลยซํกหุ้นน่า

ตอนสมัยยังไม่ได้เล่นหุ้น  แต่บ้าคอม

อยากเล่นเนท หา ชม เนท ถูกๆ ใช้

เลยได้รู้จักชื่อ ROYNET ว่าเป็นเนทที่ห่วยมากๆๆ ไม่ค่อยติด โทรไป Call center ไม่ยอมรับสาย

ตอนเข้าตลาดหุ้นยังงงเลย ว่า บ ห่วยๆ ยังงี้ จะมีคนซื้อเหรอ

ผลเป็นอย่างไร เป็นที่รู้กัน

หลังจากหันมาลงทุนในหุ้น การเดินซอกแซก สำรวจตลาดด้วยตัวเอง ก็หลีกเลี่ยงไปได้มาก

อย่าง หุ้นสุขภัณฑ์ในตลาด MAI ในปัจจุบันตัวนึง ST--

เดินถามร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน แทบไม่มีใครแนะนำ บางที่ไม่รู้จักด้วย ผมเลยแทบไม่ดูงบ หลังจากนั้นหุ้นก็ราคากระชากขึ้น ต่อมาก็เหมือนดูหุ้นเก็งกำไรทั่วไป