Thai VI

เรื่องน่ารู้จา ก แก๊สโซฮอล์ (โดย ผู ้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2548 05:30 น.)

ท.....เอ๊ย ทำไมไม่บอกความจริงชาวบ้านล่ะลูก
รถยนต์ในบ้านเราปัจจุบันนี้สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ได้หรือเปล่า
ตอบไปเลยว่าได้
แต่ถ้าถามว่าแล้วมันจะมีผลกระทบอะไรตามมาหรือเปล่าจากการใช้แก๊สโซฮอล์ ตอบไปเลยสิว่า มีดังต่อไปนี้

รถยนต์ในประเทศไทยที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมาถังน้ำมันในรถยนต์ตลอดจนท่อทางเดินน้ำมันจากถังน้ำมันเข้าสู่เครื่องยนต์จะทำจากวัสดุที่ทำจากยาง หรือพลาสติกชนิดพิเศษ

เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันไร้สารตะกั่วทำปฏิกริยากับถังน้ำมันเหล็กของรถยนต์ร ุ่นก่อนหน้านี้ (รถยนต์รุ่นเก่ากว่าปี 1994 ลงไป) ซึ่งไม่สามารถจะใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วได้เนื่องจากถังน้ำมันและท่อทางเดินจะเป็นสนิมอย่างรวดเร็วหากใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว

ทำให้ถังน้ำมันและท่อทางเดินน้ำมันรั่วซึมก่อนเวลาอันควร
แต่เมื่อรบ.มารณรงค์ให้ใช้แก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีส่วนผสมของเอธานอล 10 %และน้ำมันเบนซิน 91 90% หรือ E10 ที่คุยนักหนาว่าเติมได้

ปรากฏว่าเจ้าเอธานอล 10%ที่ว่านี้มันไปทำปฏิกริยากับถังน้ำมันรถยนต์และท่อทางเดินน้ำมันรถยนต์ที่ ผลิตจากวัสดุที่ทำจากยาง หรือพลาสติกชนิดพิเศษทำให้เกิดการกัดกร่อนยาง หรือพลาสติกชนิดพิเศษกลายเป็นตะกอนสะสมในถังน้ำมันไปเรื่อยๆ ทีละน้อย

เมื่อปริมาณตะกอนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเกิดผลกระทบดังต่อไปนี้

1. ปั๊มน้ำมันไฟฟ้าจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อดูดเอาน้ำมันเข้าไปเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์ทำให้อายุการใช้งานของปั๊มน้ำมันไฟฟ้าสั้นลงอย่างรวดเร็ว

2. ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกรองเบนซินจะอุดตันเร็วกว่าปกติทำให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น และทำให้เครื่องยนต์กำลังตกลงเนื่องจากปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้สัดส่วนกับปริมาณของอากาศ เมื่อ ECU สั่งจุดระเบิดจะทำให้กำลังของเครื่องยนต์ต่ำกว่ามาตรฐานของมันส่งผลให้เกิดอาการที่เรียกว่าเร่งไม่ข ึ้น

3.ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะมีตะกอนของยางและพลาสติกชนิดพิเศษไปเกาะตามบ่าวาล์ว ลูกสูบ แหวนลูกสูบ หากมีปริมาณไม่มากก็จะทำให้แหวนลูกสูบสึกหรอไปทีละน้อย แต่หากมีปริมาณมากๆ แล้วแหวนลูกสูบจะบิ่น ทำให้เครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาเนื่องจากแหวนลูกสูบไม่สามารถกวาดน้ำมันเครื่องลงก้นอ่างได้หมดทำให้รถยนต์คันนั้นมีปัญหาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์สะสมทีละน้อยๆ เครื่องก็จะค่อยๆ หลวมไปทีละนิด ทีละนิด

4. คาตาไลติกคอนเวอร์เตอร์หรือตัวกรองไอเสียของรถยนต์ในปัจจุบันไม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานกับเชื้อเพลิงชนิดเอธานอลเบลนด์ การใช้งานเชื้อเพลิงชนิดอื่นนอกจาก RON (น้ำมันไร้สารตะกั่ว)
ย่อมทำให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์ชนิดนี้ลดลงกว่าที่ควรจะเป็น (คาตาไลติกคอนเวอร์เตอร์อายุใช้งานเฉลี่ยประมาณ 10 ปี)

5. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ที่ใช้กันในปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตเอธานอลในประเทศไทยแต่ละรายยังไม่สามารถส่งมอบเอธานอลได้มาตรฐานตามข้อกำหนด ทำให้คุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในปัจจุบันยังไม่นิ่งและแปรเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบของแต่ละโรงงานผลิต ส่งผลให้การผสมน้ำมันเบนซินไม่ได้สัดส่วนที่แน่นอนอย่างที่ควรจะเป็นเนื่องจากมีบางโรงงานลดคุณภาพเอธานอลลงเนื่องจากไม่สามารถปรับราคาจำหน่ายขึ้นจาก 12.75 บาท มาเป็น 14.90 บาทได้

จนกระทั่งปัจจุบันรัฐบาลต้องให้ราคาสูงถึงลิตรละ 15.00 บาทในช่วง3เดือนที่ผ่านมาเพื่อจูงใจให้โรงงานผลิตเอธานอลเหล่านี้ไม่เกเร

6. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ไม่สามารถให้พลังงานได้เทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95เดิม ทำให้ต้องเติมจำนวนมากกว่า เพื่อให้ได้ระยะทางการขับขี่ที่เท่าๆ กัน

คราวนี้ถ้าเขาถามว่าทำไม ท.....ถึงไม่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แบบที่แนะนำให้ชาวบ้านและหน่วยราชการทดลองใช้ล่ะ
ก็ตอบเขาไปสิลูก

1. บีเอ็ม xxxi ของผมคันนี้อะไหล่มันแพงนี่ครับ ถังน้ำมันใบนึงเท่าไหร่ท่อทางเดินน้ำมันเท่าไหร่ รถๆ ผมดีๆ เติมแก๊สโซฮอล์ไปเดี๋ยวก็ต้องโอเวอร์ฮอล์สิครับพี่น้อง

2. ลูกสาวผมก็ใช้ Volk Carvelle V6 ของยนตรกละ นี่ก็ซ่อมแพงเหมือนกันผมจึงไม่สามารถเสียสละเพื่อชาติได้

3. การเอารถหลวงมาทดลองก่อน ถ้าเสียก็เบิกงบหลวงซ่อมได้ผมไม่ได้ควักกระเป๋าจ่ายนี่นา

4. ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคุณส.....เขาทำโรงงานเอธานอล เขาอยากได้ลิตรละ 18 บาทแต่ผมให้ไม่ได้ เดี๋ยวไก่ (ประชาชน) จะตื่นก่อน

ต้องรอให้ยกเลิกใช้เบนซิน 95 ในปี 2550 ก่อน แล้วผมถึงจะปรับขึ้นให้ตอนนั้นแก๊สโซฮอล์ราคาจะเท่ากับเบนซิน 91 ไง ก็ให้ไก่มันเลือกใช้เอาไอ้ที่มันฉลาดมันก็เลือก 91 ไม่ให้รถมันพัง ไอ้ที่โง่ๆก็ให้มันเก็บเงินซื้อ E-Car ไปใช้แทนคันเดิมละกัน

5. คุณส......ก็ขายอะไหล่รถได้แถมบ้านเราผลิตไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงเทียมกันเยอะผมทำให้มีรายได้แล้วไง ผมผิดตรงไหน จะได้ขายไส้กรองบ่อยๆ ไงล่ะ

6. ร้านท่อไอเสียก็รวยแน่คราวนี้เพราะไม่ถึง 10 ปีไก่ก็ต้องเปลี่ยนแคตกันให้วุ่น เงินทองสะพัด GDP สูงปรี๊ดส์


...........ได้รับเมล์มา............เชื่อได้ไหมคะ

หวา เติม gasohol มาได้สองเดือนแล้ว ทำไงดี

แต่ก่อนลองใช้ประมาณ1เดือน รู้สึกว่ามันหมดถังเร็วเหลือเกิน ได้ยินมาว่าเอธานอลมันระเหยได้เร็วเพราะเป็นแอลกอฮอลล์ ใช้เร็วรู้สึกเครื่องมันอืดๆยังไงไม่รู้ เอหรือว่าเราคิดไปเอง

ง่า... ผมเติมมาจะปีนึงแล้ว แต่เคยได้ยินช่างเล็ก(บุญมา นาวาทอง)บอกไว้ว่า
รถที่ผลิตก่อนปี 95 ก็สามารถเติมโซฮอลล์ได้ แต่ต้องไปเปลี่ยนพวกท่อทางเดินน้ำมันเชื้อเพลิงอะไรเนี่ยก่อนล่ะครับ ส่วนเรื่องอื่นๆก็พึ่งจะได้เห็นก็ที่นี่นั่นแหละครับ

ไม่แน่ใจแต่ บ. HONDA บอกว่ารถ HONDA รุ่นหลังๆ เติมได้ไม่มีปัญหา

เวงกำจริงๆวุ้ย ฮั้วได้กระทั่งข้อมูล ถึงว่ารถพวกมันโปเต้โต้เองทั้งปอร์เช่ทั้งเฟอร์รารี่เบ๊นซ์ของพวกมันโปเตโต้ยังไม่ใช้เลย แล้วมาชวนให้พวกเราใช้

เอ้ททิ่ลแอลกอฮอล์โมเกลกุลนิดเดียว น่าจะเผาไหม้หมด ก่อนน้ำมันเชื้อเพลิงโมเกลุลใหญ่ๆ

จะเหลือถึงแคทตาไล้ติกคอนเวอรเท่อร์เหรอครับ ？

อืม......นึกถึงกาลามสูตรอีกแล้ว

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/t ... 12636.html

ลองอ่านจนถึงด้านล่างของกระทู้ ครับ

ไป search ในกูเกิ้ลมาแล้วครับ ทุกไซต์ที่เกี่ยวกับ Gasohol ในอเมริกาและเอเชีย
พูดตรงกันว่า Gasohol ที่ผสม Ethanol 10% (E-10) ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าแบบไม่ผสมครับ

แม้กระทั่งในเว็บของ usd.edu ซึ่งต่อต้านการใช้ Gasohol (ในยุคก่อนน้ำมันแพง)
ยังยอมรับว่า Gasohol ดีต่อสิ่งแวดล้อมกว่าน้ำมันธรรมดา "เล็กน้อย"

adb.org เขียน:"In engines burning reformulated gasoline using ethanol, NOx, VOCs and CO are reduced approximately 3%, 17% and 13%, respectively, below gasoline engines."

กาซโซฮอลปล่อย NOx (ไนโตรเจนอ๊อกไซด์) VOC (สารประกอบอินทรีย์) และ CO (คาร์บอนมอนน๊อกไซด์) น้อยกว่าน้ำมันธรรมดา 3% 17% และ 13% ตามลำดับ

จากเว็บไซต์ของ ADB.org

usd.edu เขียน:ENVIRONMENTAL IMPACT


In certain Metro areas oxygenated gasoline (MTBE or ETBE) required during winter.

To Reduce:

CO emissions

VOCs (volatile organic compounds)

In summer ETBE can lead to NOx. Ground level ozone.

Probably slight postive environmental impact.

คอร์แนล-เบิร์กเลย์ สวนกระแสโลก ชี้เดินทางผิดคิดทำ เอทานอล




"เอทานอล" ทางแห่งความหวังเส้นใหม่ ในยุควิกฤติพลังงานเช่นนี้


เอพี/ไซแอนตีสไลฟ์ดอทคอม ท่ามกลางวิกฤติพลังงานทั้งทางด้านราคาและปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ชาวโลกกำลังประสบอยู่ ทำให้พลังงานทางเลือกอย่างเอทานอล ไบโอแก๊ส และพลังงานชีวภาพอีกหลายต่อหลายขนานได้รับการผลักดันให้เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างล้มหลาม ทว่าผลการศึกษาชิ้นล่าสุดจาก 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐฯ กลับชี้ว่าเชื้อเพลิงทางเลือกเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย แนะให้บ่ายหน้าไปใช้พลังงานจากลมหรือน้ำแทนดีกว่า

การเปลี่ยนพืชผักอย่างข้าวโพด ถั่วเหลือง และดอกทานตะวันให้เป็นเชื้อเพลิงโดยตรงนั้นได้พลังงานมากกว่าการนำพืชเหล่านี้ไปกลั่นหรือหมักจนกลายเป็นเอทานอลหรือไบโอดีเซลเสียอีก อีกทั้งไม่มีผลดีใดๆ เลยหากใช้พลังงานจากมวลชีวภาพของพืชสร้างเชื้อเพลิงในรูปแบบของเหลว กลยุทธ์เหล่านี้ล้วนไม่ยั่งยืน

ผลงานการศึกษาที่สวนกระแสอย่างยิ่งของเดวิด ไพเมนเทิล (David Pimentel) ศาสตราจารย์ประจำภาควิชานิเวศวิทยาและเกษตรกรรม มหาวิทยาลัยคอร์แนล (Cornell University) และแทด แพดเซก (Tad Patzek) ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย-เบิร์กเลย์ (University of California-Berkeley) ตีพิมพ์ผ่านวารสารเนเจอรัล รีสอร์ซ รีเสิร์ช (Natural Resources Research) ฉบับล่าสุด

ทั้ง 2 ได้วิเคราะห์อัตราส่วนของพลังงานที่ใส่เข้าไปในการผลิตเอทานอลจากข้าวโพด หญ้า และมวลชีวภาพจากไม้ อีกทั้งยังวิเคราะห์การผลิตไบโอดีเซลจากถั่วเหลืองและต้นทานตะวัน

เมื่อนำพลังงานที่ได้จากการผลิตไปเทียบอัตราส่วนกับพลังงานที่ใช้ระหว่างการผลิตเอทานอล ผลการศึกษาของทั้ง 2 พบว่า ข้าวโพดต้องใช้น้ำมันเป็นพลังงานในการผลิตมากกว่าพลังงานที่ได้ 29% ส่วนหญ้าใช้พลังงานการผลิตมากกว่าที่ผลิตออกมาได้ถึง 45% ขณะที่มวลชีวภาพจากไม้ต้องใช้พลังงานในการผลิตมากกว่าที่ผลิตได้ถึง 57%




ทว่า 2 นักวิจัยจากสหรัฐฯ กลับมองในประเด็นที่แตกต่าง เอทานอลไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ เพราะกระบวนการผลิตล้วนใช้พลังงานมากกว่าผลผลิตที่ได้ออกมา


ส่วนการผลิตไบโอดีเซลนั้น ทั้งคู่ก็วิเคราะห์พบว่า ถั่วเหลืองต้องการพลังงานในการผลิตมากกว่าพลังงานที่ได้ออกมา 27% ขณะที่กระบวนการสังเคราะห์ไบโอดีเซลจากต้นทานตะวันนั้นต้องใช้น้ำมันมาเผาผลาญมากกว่าไบโอดีเซลที่ทานตะวันผลิตออกมาสูงถึง 118%

ในการกำหนดตัววัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่การผลิตนั้น ทีมผู้วิจัยได้พิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างพลังงานที่ใช้ระหว่างการผลิตพืชผล ไม่ว่าจะเป็นการกระบวนการผลิตสารกำจัดศัตรูพืชและการผลิตปุ๋ย การเดินเครื่องยนต์ต่างๆ ภายในฟาร์ม การชลประทาน รวมถึงการนำพืชที่ได้ไปบดและการขนส่ง จากนั้นก็เปรียบเทียบพลังงานที่ใช้ไปกับการกลั่นหรือหมัก เพื่อให้ออกมาเป็นเอทานอล

สหรัฐฯ ต้องการเชื้อเพลิงเหลวมาทดแทนน้ำมันอย่างเต็มที่ในอนาคตข้างหน้า ไพเมนเทิลเผย พร้อมทั้งชี้ว่าการผลิตเอทานอลหรือไบโอดีเซลจากมวลชีวภาพของพืชผลต่างๆ นั้นนับเป็นการเดินทางผิด เพราะยังมีทางเลือกในการผลิตพลังงานชนิดอื่นๆ มาใช้มากกว่าการผลิตพลังงานที่ได้จากการเผาไหม้

ในแต่ละปีรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้งบประมาณมากกว่า 3,000 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนการผลิตเอทานอล สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แหล่งพลังงานต่อเนื่องหรือเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่สร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ อีกทั้งในอนาคตการผลิตพลังงานเหล่านี้จะทำให้เกิดมลพิษทั้งทางอากาศ น้ำ และดิน รวมถึงซ้ำเติมสภาวะโลกร้อนเข้าไปอีกด้วย ไพเมนเทิลกล่าว อีกทั้งชี้ประเด็นว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังสนับสนุนนั้นหาใช่เกษตรกรไม่ แต่เป็นกลุ่มธุรกิจที่ผลิตเอทานอลต่างหาก

การผลิตเอทานอลในสหรัฐฯ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้แก่ความมั่นคงทางด้านพลังงานของชาติ หรือแม้แต่เอื้อต่อการเกษตร ระบบเศรษฐกิจ และสภาพสิ่งแวดล้อม เพราะการผลิตเอทานอลนั้นต้องใช้พลังงานจากซากฟอสซิลเป็นจำนวนมาก ซึ่งกลายเป็นว่าสหรัฐฯ ต้องสนับสนุนการการนำเข้าน้ำมันและแก๊สธรรมชาติมาทดแทนที่ขาดแคลน ไพเมนเทิลแจกแจง

ทว่า ทางด้านผู้สนับสนุนให้ใช้เอทานอลและเชื้อเพลิงชีวภาพอื่นๆ ในสหรัฐฯ ต่างก็ยืนยันว่า เชื้อเพลิงชีวภาพเหล่านี้มีการเผาไหม้ที่สะอาดกว่าเชื้อเพลิงจากซากฟอสซิลอย่างน้ำมัน อีกทั้งยังทำให้สหรัฐฯ ลดการพึ่งพาน้ำมันและช่วยให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายพืชผลของตัวเองเข้าสู่ท้องตลาดได้ และตามข้อมูลของสมาคมเชื้อเพลิงจากแหล่งพลังงานต่อเนื่อง (Renewable Fuels Association) เมื่อปีที่ผ่านมา (2547) ระบุว่าสหรัฐฯ ผลิตเอทานอลได้ประมาณ 3,600 ล้านแกลลอน ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมเอทานอลก็อ้างว่าการใช้เอทานอล 8,000 ล้านแกลลอนต่อปีนั้นทำให้ผู้กลั่นใช้น้ำมันลดลง 2,000 ล้านบาร์เรล ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันก็ออกมาโต้ว่าการใช้เอนาทอลนั้นมีผลกระทบต่อการนำเข้าน้ำมันเพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี นักวิจัยอเมริกันรายนี้ก็ชี้แนะว่าประเทศของเขาควรจะมุ่งพยายามผลิตพลังงานไฟฟ้าจากการเปลี่ยนรูปพลังงานของลม และการเผามวลชีวภาพ หรือไม่ก็การสร้างเชื้อเพลิงจากไฮโดรเจนมากกว่า

สำหรับ "เอทานอล" (Ethanol) เป็นแอลกอฮอล์ที่เกิดจากการหมักพืช เศษซากพืช เพื่อเปลี่ยนแป้งจากพืชให้เป็นน้ำตาลแล้วเปลี่ยนจากน้ำตาลเป็นแอลกอฮอล์อีกครั้ง แอลกอฮอล์ที่ทำให้บริสุทธิ์ 95% จะเรียกว่าเอทานอล และนำไปใช้ผสมกับน้ำมัน ซึ่งสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ใน 3 รูปแบบ คือ 1.เป็นเอทานอล 95% ใช้เป็นเชื้อเพลิงโดยตรงทดแทนน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลใช้ได้กับเครื่องยนต์ที่มีอัตราส่วนการอัดสูง

2. เอทานอลบริสุทธิ์ 99.5% โดยปริมาตร ผสมในน้ำมันเบนซินเรียกว่า แก๊สโซฮอล์ (Gasohol) โดยทั่วไปใช้ผสมกับน้ำมันเบนซินอัตราส่วนร้อยละ 10 ในลักษณะของสารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงค่าออกเทนของน้ำมันเบนซิน ซึ่งสามารถนำมาใช้งานกับเครื่องยนต์โดยทั่วไป ไม่ต้องดัดแปลงเครื่องยนต์แต่อย่างใด และ 3. เป็นสารเคมีเพิ่มออกเทน (Octane) แก่เครื่องยนต์ โดยการเปลี่ยนรูปเอทานอลมาเป็นสาร ETBE (Ethyl Tertiary Butyl Ether) สามารถใช้ทดแทนสาร MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) ซึ่ง MTBE เป็นสารเติมแต่งในน้ำมันเบนซินที่หลายประเทศประกาศห้ามใช้ เนื่องจากก่อให้เกิดมลภาวะในอากาศที่สูงกว่าสารเติมแต่งอื่นๆ

สงสัยบริษัทน้ำมันที่ยังไม่มีแกสโซฮอลขายทำข้อมูลออกมาป่าว

ข่าวจากวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม (JGSEE) ตั้งแต่ปีที่แล้ว

"ยืนยันเอทานอล-ไบโอดีเซลเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

กรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร โดยประธานคณะกรรมาธิการการพลังงาน นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ได้เชิญ รศ.ดร.บัณฑิต ฟุ้งธรรมสาร ผศ.ดร.สาวิตรี การีเวทย์ และ Professor Larry Anderson จากบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มาชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงาน เมื่อ ๒๘ ก.ค. ๔๗ เพื่อแถลงถึงข้อมูลของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการใช้เอทานอล-ไบโอดีเซลต่อคุณภาพอากาศ โดยมีข้อสรุปดังนี้

. การใช้เอทานอล-ไบโอดีเซลมีผลทำให้ปริมาณควันดำ ฝุ่นละออง สารประกอบไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนมอนน็อกไซด์ ตลอดจนความเป็นพิษของไอเสียจากยานยนต์ลดลงมาก ถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลจากสหรัฐฯว่าอาจจะทำให้ไนโตรเจนอ็อกไซด์และโอโซนเพิ่มขึ้นบ้างแต่มลพิษที่ลดลงถือเป็นประโยชน์มากกว่า

. การเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันโดยนำเอาน้ำมันเชื้อเพลิงจากพืชมาเป็นส่วนผสมนั้นถือเป็นการลดการใช้พลังงานจากปิโตรเลียม ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศและช่วยเหลือภาคเกษตร เมื่อพิจารณาภาพรวมแล้วก็สมควรสนับสนุนให้มีการพัฒนาโครงการต่อไป อย่างไรก็ตามสมควรส่งเสริมให้มีการติดตามและประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกแง่ทุกมุมให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้มีการพัฒนาเป็นไปอย่างยั่งยืนและเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่หน่วยงานของภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาต้องร่วมมือกันศึกษาติดตามต่อไปอย่างต่อเนื่อง

. การศึกษาและวิจัยที่ดำเนินการโดยบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมและรวบรวมข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คุณภาพอากาศในประเทศไทยดีขึ้น ตลอดจนหาแนวทางที่จะสนับสนุนให้มีการศึกษา วิจัยเพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโครงการเชื้อเพลิงสะอาดต่อไป"

แต่ที่ฟังจากเพื่อนที่เป็นนักวิจัยที่สถาบันนี้เกี่ยวกับแกสโซฮอลก็คือ
ส่วนผสมเอทานอลในเบนซินจะทำให้ความดันไอรวมมากขึ้น
ถ้าไม่มีการปรับแต่งเครื่องยนต์ ถึงแม้จะใช้งานได้ แต่จะทำให้เครื่องยนต์เสียเร็ว
มีการเติมสารบางอย่างเพื่อลดความดันไอของเบนซิน เพื่อให้เมื่อผสมกับเอทานอลแล้ว ความดันไอรวมจะไม่สูงไปกว่าของเบนซินล้วนๆ
ซึ่งสารเติมแต่งตัวนี้ เมื่อเผาไหม้จะเป็นสารก่อมะเร็ง

ผู้ใดมีข้อมูลความรู้เพิ่มเติม ช่วยแนะนำกันนะครับ

ไม่ว่าพลังงานทดแทนอะไร ผลิตออกมาก็ดีแล้วครับ
อย่างน้อยก็เป็น จุดเริ่มต้นในการแสวงหาพลังงานทดแทน หากเราตื่นตัวเร็วกว่านี้ ก็คงเตรียมการเรื่องพลังงานได้ดีหลายๆอย่าง

ใครคิดอะไรได้ ก็นำเสนอออกมา ยังไม่ต้องไปดูเรื่องราคา เอาไอเดียออกมาก่อน หากคิดออกมาได้ ช่วยกันต่อยอดอีก อีกไม่นานเราคงพัฒนาพลังงานมาทดแทนน้ำมันได้ครับ

รถรุ่น ใหม่

หมายถึง รถที่เครื่องยนต์เป็นแบบ หัวฉีดครับ ใช้ได้ไม่มีปัญหา

รถรุ่นเก่า

หมายถึง รถที่เครื่องยนต์เป็นแบบ คาร์บิวเรเตอร์ ต้องปรับแก้ ไม่สามารถใช้ได้ครับ




แก๊ลโซฮอลล์ ถูกกว่า 95 ลิตรล่ะ 1.50 บาท

แต่อัตราการสิ้นเปลือง มากกว่า 47 สตางค์ ต่อลิตร


อ่านเจอในหนังสือพิมพ์ อาทิตย์ที่แล้วครับ

ไม่ต้องเชื่อนะครับ คิดเองๆ