Thai VI

หุ้น scc ptt top bank ขนาดใหญ่ ถือว่าเป็นหุ้น vi ได้มั้ยครับ (ถ้าเราได้ต้นทุนราคาที่ถูก)
เพราะตอนนั้นที่เริ่มเข้ามาเล่นหุ้นใหม่ๆ ก็ไม่มีความรู้เท่าใด เราก็เลยซื้อหุ้นขนาดใหญ่ไว้ก่อน คิดว่าน่าจะปลอดภัย แต่พอมาเรียนรู้ลงทุนแบบ vi ก็ทำให้เราอยากจะขายหุ้น scc ptt top bankออกไปก่อน (เพราะราคาต้นทุนมันสูงไป) แต่ก็ไม่ได้ขายสักที เพราะราคาเด้งขึ้น เด้งลงอยู่นั่นแหละ แต่ ราคาก็ไม่ขึ้นไปถึงต้นทุนที่เราซื้อไว้ สรุป กำลังจะติดดอย พวกพี่vi คิดว่าจะทำยังงัยดีครับ

คือต้องแยกประเด็นเรื่อง หุ้น VI ว่า หุ้น scc ptt top bank เป็นหุ้น vi หรือไม่ เพราะอะไร

ประเด็นที่หนึ่ง

กับเรื่องติดดอยหุ้น VI แล้วควรทำไงดี

ประเด็นที่สอง

ดีหรือไม่ ยากที่จะบอกครับ

ดีหรือไม่ ยากที่จะบอกครับ

พี่ CK อารมณ์ดีเสมอ

VIก็มีหลายประเภทนะคุณalexx
ประเภทชาวสวน
ประเภทเลี้ยงโคนม
ประเภทเลี้ยงไก่
ประเภทเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง
และอีกเยอะแยะมากมาย
แต่VIที่แท้จริงแต่ละท่านจะมีแนวหลักยึดที่คล้ายๆกันคือ
1.ซื้อ-ขาย ด้วยเหตุผล ไม่ใช่อารมณ์
2.ซื้อ-ขาย ด้วยการคำนวนเทียบมูลค่าเหมาะสมแล้วว่าสมควรซื้อ-ขาย
3.ซื้อ-ขาย เพราะอยากเป็นเจ้าของและไม่อยากเป็นเจ้าของ กิจการนั้นๆ
ปล.ควรเรียนรู้กิจการนั้นอย่างลึกซึ้งแล้วเราจะเริ่มเรียนรู้มูลค่าที่ควรซื้อ-ขาย
คุณalexxก็พิจารณาดูแต่ละตัวที่ถืออยู่ว่าควรจะทำอย่างไร

พี่เจ๋ง ถ้าประเด็นแรกไม่ช่าย หุ้นvi ลุ่ะ เพราะ vi เราต้องซื้อราคาที่ตํ่ากว่ามูลค่าทางบัญชีถึง 20-30% แล้วประเด็นที่สองจะทำงัยดีครับ

เท่าที่จำได้ว่า ใช่หุ้นแวลู่วันนี้ วันข้างหน้าอาจจะใช่หรือไม่ก็ได้
ขึ้นอยู่กับพื้นฐานวันข้างหน้า
ราคามาทีหลัง

ถ้าเป็นหุ้น VI จริงไม่มีการติดดอยครับ

ยกตัวอย่าง ถ้าเรามีเงิน 100000 แล้วไปฝากแบงค์เขาให้ฝากแบบห้ามถอน 10 ปี ได้ดอกเบี้ย 10 % เรา ok เราฝาก ได้ดอกเบี้ย ปีละ 10000 บาททุกปี

ต่อมาผ่านไป 2 ปี

แบงค์ประกาศใหม่ว่า ถ้ามาฝาก จะให้ดอกเบี้ย 12.5 % ต่อปี เราก็ ok เอาไปฝากอีก 100000 ได้ดอกเบี้ย ปีละ 12500 บาท

คำถาม เงินก้อนแรกที่เราไปฝาก ติดดอยหรือไม่ ขาดทุนกำไรหรือไม่ มูลค่าลดลงหรือไม่

หุ้นตัวแรก pe 10 ( 10 % ) หุ้นตัวที่สอง pe 8 ( 12.5 % )

......................................................................................

ถ้าอีก 10 ปีข้างหน้า หุ้นที่ alexx คิดว่าติดดอยนั้น ไม่ทราบว่า อีก 10 ปีข้างหน้า ราคาจะสูงขึ้นไปได้กำไรหรือไม่ ด้วยเหตุผลทางพื้นฐานของกำไร

ถ้าสูงขึ้นได้ แสดงว่า เราจะมีบทเรียนจากการลงทุน ในแง่ซื้อผิดราคา แต่ไม่ได้ซื้อผิดตัว

ราคาที่ลดลง ไม่ได้เป็นเหตุผลให้ขาย เพราะเราซื้อกิจการ และกิจการนี้ก็ทำกำไรให้เรา เพียงแต่เราซื้อได้แพง ในเมื่อราคามันลดลง ถ้าเป็นกิจการที่ดี ก็ไม่ต้อง cut loss ราคาที่ลดลงเป็นโอกาสในการซื้อได้ถูก

สมมุติว่าเราซื้อ scc ที่ 240 ปัจจุบัน 216 แล้วเราคิดว่าเราติดดอย ทำไงดี ขายทิ้งดีหรือไม่

สมมุติว่า scc เป็นหุ้นที่ดี มีพื้นฐาน มีกำไร ที่แท้จริง คือเป็นกิจการจริงๆ ไม่ได้ปั่นหุ้นขึ้นมา ผ่านไป 10 ปี ราคา 2000 บาท

เราซื้อที่ 240 ก็กำไร เราซื้อที่ 216 ก็กำไร เราซื้อที่ 180 ก็กำไร หรือว่าเราจะซื้อที่ 300 ก็กำไรอยู่ดี

มีแต่กำไรมาก กับกำไรน้อย ไม่มีติดดอย

มีแต่กำไรมาก กับกำไรน้อย ไม่มีติดดอย

ไม่มีดอย บ้านผมมีแต่โคก :lovl: :lovl: :lovl:

ขอบคุณพี่เจ๋งมากครับที่ให้เราคิดได้ และขอบคุณ คุณนริส และทุกคนด้วยครับที่ให้คำแนะนำ

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

กับเรื่องติดดอยหุ้น VI แล้วควรทำไงดี 

ประเด็นที่สอง

ถ้าเป็นหุ้น VI จริงไม่มีการติดดอยครับ

ยกตัวอย่าง ถ้าเรามีเงิน 100000 แล้วไปฝากแบงค์เขาให้ฝากแบบห้ามถอน 10 ปี ได้ดอกเบี้ย 10 % เรา ok เราฝาก ได้ดอกเบี้ย ปีละ 10000 บาททุกปี

ต่อมาผ่านไป 2 ปี

แบงค์ประกาศใหม่ว่า ถ้ามาฝาก จะให้ดอกเบี้ย 12.5 % ต่อปี เราก็ ok เอาไปฝากอีก 100000 ได้ดอกเบี้ย ปีละ 12500 บาท

คำถาม เงินก้อนแรกที่เราไปฝาก ติดดอยหรือไม่ ขาดทุนกำไรหรือไม่ มูลค่าลดลงหรือไม่

หุ้นตัวแรก pe 10 ( 10 % ) หุ้นตัวที่สอง pe 8 ( 12.5 % )

......................................................................................

ถ้าอีก 10 ปีข้างหน้า หุ้นที่ alexx คิดว่าติดดอยนั้น ไม่ทราบว่า อีก 10 ปีข้างหน้า ราคาจะสูงขึ้นไปได้กำไรหรือไม่ ด้วยเหตุผลทางพื้นฐานของกำไร

ถ้าสูงขึ้นได้ แสดงว่า เราจะมีบทเรียนจากการลงทุน ในแง่ซื้อผิดราคา แต่ไม่ได้ซื้อผิดตัว

ราคาที่ลดลง ไม่ได้เป็นเหตุผลให้ขาย เพราะเราซื้อกิจการ และกิจการนี้ก็ทำกำไรให้เรา เพียงแต่เราซื้อได้แพง ในเมื่อราคามันลดลง ถ้าเป็นกิจการที่ดี ก็ไม่ต้อง cut loss ราคาที่ลดลงเป็นโอกาสในการซื้อได้ถูก

สมมุติว่าเราซื้อ scc ที่ 240 ปัจจุบัน 216 แล้วเราคิดว่าเราติดดอย ทำไงดี ขายทิ้งดีหรือไม่

สมมุติว่า scc เป็นหุ้นที่ดี มีพื้นฐาน มีกำไร ที่แท้จริง คือเป็นกิจการจริงๆ ไม่ได้ปั่นหุ้นขึ้นมา ผ่านไป 10 ปี ราคา 2000 บาท

เราซื้อที่ 240 ก็กำไร เราซื้อที่ 216 ก็กำไร เราซื้อที่ 180 ก็กำไร หรือว่าเราจะซื้อที่ 300 ก็กำไรอยู่ดี

มีแต่กำไรมาก กับกำไรน้อย ไม่มีติดดอย

คุ้นๆ นะครับ พี่ Jeng ได้ฟังกี่ทีก็ยังรู้สึกขนลุกเหมือนเดิม....

ขอโทษที่เชย หุ้น VI แปลว่าอะไรครับ?

ขออ่านด้วยคนครับ

ขอโทษที่เชย หุ้น VI แปลว่าอะไรครับ?

หุ้น VI แปลว่าหุ้นที่ Very Inexpensive ครับ

VIหรือเปล่าต้องรู้จักตัวเองว่า
ซื้อหุ้นเพราะอะไรล่ะ

ที่เคยซื้อมา ซื้อเพราะ ชอบอ่านการ์ตูนเลยได้ ตัวหนึ่งในตลาดเข้าPort
แดงตั้งแต่หลังXD ตอนนี้ขายไปนิดหน่อย ให้มันtake a profit runดีกว่า
ไม่ต้องไปยุ่งกับมันล่ะตัวนี้ เพราะตัวอื่นในPort แดงหมด ยกเว้นตัวนี้อ่ะ
เป็นเหตุผลที่ซื้อที่แปลกมากเหตุอันหนึ่ง

ปล ข้างบนเป็นเรื่องจริง เพราะว่า ตอนนี้ถืออยู่
ซื้อโดนดูจากตัวเองเลยล่ะ

1. สำหรับน้องคงไม่ใช่ VI แน่นอนครับ เพราะน้องไม่รู้ Value ของบริษัทเลยนี่ครับ แล้วจะเป็นหุ้น VI สำหรับน้องได้อย่างไร แต่สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นก็ได้ ถ้าเค้ารู้ Value ของบริษัท

2. สิ่งที่น้องต้องทำอย่างแรกคือการศึกษาการลงทุนแนว VI เพิ่มจากกระทู้เก่าๆให้มากๆครับ เข้าใจถึงหลัก หลังจากนั้นก็ศึกษาบริษัทต่างๆให้เข้าใจมากที่สุด หลังจากนั้นจึงคิดลงทุนใหม่

ขอบคุณ พวกพี่ๆ ครับ ที่ให้คำแนะนำ ผมคงต้องศึกษาหาความรู้จากเวบนี้ไปอีกนานเท่านานจนกว่าจะรู้ว่า วีไอ มีลักษณะอย่างไรครับ :lol: :lol: :lol:

จริงๆแล้วจะหุ้นมัน VI หรือ ไม่VI ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ผู้ลงทุนต่างหากที่ต้องเข้าใจให้ได้ก่อนว่ากำลังทำอะไรอยู่ ดูดีๆนะครับ เขาใช้คำว่า Value Investor นะ ดังนั้นมันต้องอยู่ที่ Investor ไม่ใช้หุ้น ถ้าหุ้นที่ซื้อ เราซื้อไปเพราะเรารู้สึก คิดไปเอง หรือไปฟังคำบอกเล่าว่ามันดี ยังไงก็ไม่ Value เพราะคุณไม่ได้รู้ Value ของมันเลย ซึ่ง Value อาจสามารถมองได้ทั้งในรูปของ Quatitative และ Qualitative

ในเรื่องของ Quatitative เราอาจสามารถใช้ Cash Flow ในอดีตมาพยากรณ์ Cash Flow ในอนาคต แล้วทำ Discount model แล้วเราก็จะได้ค่าหนึ่งๆมา ย้ำนะว่ามันเป็นค่าๆนึง ซึ่งเราต้องนำไปใช้ประกอบกับข้อมูล Qualitative ด้วยเสมอ เพราะข้อมูล Qualitative จะเป็นตัวฟ้อง Sustainable ของมันอีกทอดหนึ่ง ซึ่งในภาคของ Qualitative นั้นเราอาจพิจารณาได้จาก Positioningของบริษัท เพื่อพิจารณาความได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ Management team(include moral)เพื่อดูศักยภาพขององค์กรเพราะเราไม่ได้ซื้อแต่ทรพย์สินของมันแต่เราซื้อทีมงานด้วย Differenciate or Distrintive Contigency เพื่อพิจารณาเทคโนโลยีของบริษัท

เห็นไหมครับ จะพิจารณาหุ้นแบบ VI ไม่ง่ายเลย ไม่ใช่ดูแต่ Ratio แล้วบอกว่ามันเป็นหุ้นดี ไอ้อย่างนี้ไม่ใช่ลงทุนครับ แต่เป็นการเก็งกำไรระยะยาว