Thai VI

http://www.eia.doe.gov/emeu/cabs/chron.html

ราคาน้ำมันสูงๆแบบนี้ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วนี่ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะครับ แห่ะ

2521 ราคา 15 $/barrel
2522 ราคา 24 $/barrel
2523 ราคา 35 $/barrel
2524 ราคา 38 $/barrel
2525 ราคา 33 $/barrel
2526 ราคา 28 $/barrel
2527 ราคา 26 $/barrel

พอมาเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของไทยในตอนนั้นก็คร่าวๆเป็นแบบนี้ครับ (ลองนึกๆดูนะครับ ว่ามันคล้ายๆกับสภาพของศก.ไทยในตอนนี้บ้างหรือเปล่า)

ปี 2521 ตลาดมี PE อยู่ที่ 8.46 SET อยู่ที่ 257.73

ปี 2522 ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เริ่มลดลงต่อเนื่อง ราคาน้ำมันที่สูงทำให้เกิดเงินเฟ้อ ภาวะเงินตึงตัว ดอกเบี้ยต่างประเทศเริ่มขยับสูงขึ้น SET ปิดที่ 149.40

ปี 2523 จากการปรับราคาน้ำมันขึ้นบ่อยครั้ง ต้นทุนการผลิตจึงสูงขึ้น มีการขึ้นราคาสินค้า ทำให้เงินตึงตัวจนต้องปรับดอกเบี้ยเงินฝากจาก 9 เป็น 12%SET ปิดที่ 124.67

ปี 2524 เศรษฐกิจยังไม่กระเตื้อง ปัญหาการขาดดุลยังมีต่อเนื่อง เงินเฟ้อ การลงทุนและการส่งออกที่ลดลง จึงทำให้มีการลดค่าเงินบาทลงร้อยละ 9 อย่างไรก็ตาม เงินบาทที่อ่อนและดอกเบี้ยที่สูง ยังคงทำให้ประเทศเราที่ต้องนำเข้าเทคโนโลยีและน้ำมันจากต่างประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงอยู่ดี SET ปิดที่ 106.62

ปี 2525 ครึ่งปีแรกยังซึมๆ แต่พอครึ่งปีหลังจากการที่ดอกเบี้ยในตลาดโลกลดลงเพราะความต้องการสินเชื่อมีน้อยลง (ศก.มันอ่อนตัว) ทำให้สภาพคล่องส่วนเกินเริ่มมีมากขึ้น เงินเฟ้อค่อยๆคลายตัวลง แต่อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังไม่ได้ลดดอกเบี้ยในประเทศลงมากนัก เพราะต้องจูงใจให้คนซื้อพันธบัตรเพื่อชดเชยงบประมาณขาดดุลของรัฐบาล
SET ปิดเพิ่มขึ้นที่ 123.50

ปี 2526 ดอกเบี้ยลดลง ราคาน้ำมันลดลง แต่ค่าเงินไม่ค่อยมีเสถียรภาพเพราะไทยมีปัญหาขาดดุลการค้าสูงมาก ดัชนีปิดที่ 134.47

ปี 2527 ตลาดหุ้นดีขึ้นตามลำดับ แม้มีปัญหาการเงินในระบบสถาบันการเงินและเงินกู้นอกระบบ แต่ภายหลังการปรับระบบค่าเงินและลดค่าเงินบาทก็ทำให้ตลาดหุ้นค่อยๆน่าสนใจลงทุนมากขึ้น ปิดตลาดปลายปีที่ 142.29

หลังจากปี 2528 ตลาดหุ้นไทยก็เพิ่มขึ้นทุกๆปีครับ จนถึงปี 2537 ที่ตลาดไปถึง 1700 จุดซึ่งเราทราบกันเป็นอย่างดีครับ

อืม ไม่ทราบมีข้อมูลน้ำมันย้อนหลัง ซัก 10 ปี จากปัจจุบันหรือไม่

เอาเป็นปีอย่างข้างบนครับ ดูง่ายดี

ปี 2005 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร
ปี 2004 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร
ปี 2003 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร
ปี 2002 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร
ปี 2001 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร
ปี 2000 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร
ปี 1999 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร
ปี 1998 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร
ปี 1997 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร
ปี 1996 ราคาน้ำมันเท่าไร ดัชนีเท่าไร

สวัสดีครับพี่เจ๋ง

ปี 2005 ราคาน้ำมัน 60(ปัจจุบัน) ดัชนี 638
ปี 2004 ราคาน้ำมัน 35 ดัชนี700
ปี 2003 ราคาน้ำมัน 25 ดัชนี470
ปี 2002 ราคาน้ำมัน 22 ดัชนี400
ปี 2001 ราคาน้ำมัน 28 ดัชนี300
ปี 2000 ราคาน้ำมัน 28 ดัชนี450
ปี 1999 ราคาน้ำมัน 17 ดัชนี350
ปี 1998 ราคาน้ำมัน 12 ดัชนี500
ปี 1997 ราคาน้ำมัน 23 ดัชนี600
ปี 1996 ราคาน้ำมัน 20 ดัชนี1200

ช่วงที่ตลาดหุ้นของเราทะยานขึ้นมาจาก 200 จุดในปี 1987 จนไปปิดที่กว่า 1700 จุดในปี 1994 น้ำมันในช่วงนั้นอยู่ที่ 12-20 $/baarrel อ่ะครับพี่เจ๋ง

ขอบคุณมากครับ

เยี่ยมครับ ยินดีต้อนรับครับ

สวัสดีครับพี่ MO101 และพี่สามัญชน

ขอบคุณมากครับ พอดีที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเนื่องจากเห็นคุณพ่อกับคุณแม่บอกว่า เหตุการณ์ช่วงนี้มันคล้ายๆกับตอนปี 22 ช่วงนายกเปรม ผมเลยลองๆไปค้นข้อมูลดูปรากฎว่าก็มีส่วนคล้ายหลายประการในเรื่องราคาน้ำมัน การขาดดุล เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

จะต่างกับตอนนี้ก็คงเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่เรามีค่อนข้างมาก แต่ถ้าขาดดุลไปเรื่อยๆนี่มันก็น่าเสียวไส้เหมือนกันนะครับ แห่ะๆ

ขอบคุณครับคุณเต่า
ที่ต่างกันก็เงินทุนสำรองกับดอกเบี้ย
อืมต้องระวัง แต่ต้องพิจารณาผลกระทบเป็นรายตัว มาก-น้อยว่ากันไป

ขอบคุณคุณบั๊ก ข้อมูลเยี่ยมยอด

ตอนนั้น รัฐบาล อุ้มราคาน้ำมัน อะป่าว อะครับ

สุดยอดเลยพี่บั๊ก นี่เลย นี่แหล่ะที่ต้องการสื่อ

พี่หามาจากที่ไหนง่ะครับอยากได้บ้างจังอ่ะครับ

/ พี่ naris ครับ ตอนนี้ผมเลยต้องพิจารณาดูครับ ว่าหุ้นตัวไหนที่สามารถผ่านวิกฤติการณ์แบบนี้ไปได้ ในเมืองไทยหุ้นใหญ่ๆช่วงนั้นก็ลงกันถ้วนหน้า พวกสินค้าอุปโภคบริโภคอย่าง SPI, ICC ยังลงเลย (ผมถืออยู่ครับ เสียวเหมือนกันแต่ก็สู้ แห่ะ )

ของตลาด DOWJ ก็ลงเช่นเดียวกับเราครับ แต่หุ้นจำพวกแข็งแกร่งที่เรียกกันว่า "The Stalwarts" จะไม่ลงครับอันได้แก่

กลุ่มพลังงาน
Houston Indus. Incorp (HOU) - Electric Utility
Consolidated Edison (ED) - Electric & gas service

กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
Walmart (WMT)- Discount department store
P&G (PG) - Soap&cleaning product
Bristol Myers (BMY) - Drug&Health product

ผมคิดว่าคงมีหุ้นอีกหลายกลุ่มที่สามารถทนทานต่อภาวะ ศก.ถดถอยหรือตกต่ำได้แน่นอน แต่ประสบการณ์ผมยังน้อยครับเลยไม่ทราบว่าตัวไหนบ้าง ถ้าพี่ๆจะกรุณาแนะนำด้วยจักขอบคุณเป็นอย่างยิ่งเลยครับผม

เกิดระเบิดที่อังกฤษ พลาสเตอร์ยาจะขายดี

น้ำมัน all-time high ไปอีกรอบแล้วครับ 61.50

ส่วนเงินบาทก็ทะลุ 42.1 ไปแล้วครับ

คุณเต่าครับ เท่าที่ผมได้คุยกับพี่คัดท้าย ช่วงที่ตกแรกๆนั้นไม่รอดซักตัว
แต่พอเริ่มตั้งสติกันได้พวก ส่งออกได้ผลดีกับค่าเงิน กำไรมากขึ้น หุ้นส่งออกจึงชนะตลาด ส่วนหุ้นสินค้าอุปโภค-บริโภคพื้นฐานที่ไม่มีการกู้เงิน จะฟื้นตัวได้เร็วในเวลาต่อมา
หลักการของ ดร.นิเวศน์คือ ถือหุ้น100% แต่ตัวไหนที่ให้คุณค่ามากกว่าก็สามารถเปลี่ยนตัวถือได้
พอร์ตของท่านจึงติดลบอยู่4-5ปี(ลบมากที่สุด35%)พอระยะยาวมูลค่าแต่ละตัวของท่านก็มีแต่*10เท่าทั้งนั้นเลยครับ
ส่วนของอีกหลายๆท่านเช่นพี่คัดท้ายก็รอจังหวะให้ถูกจริงๆแล้วค่อยซื้อ
คุณเต่าชอบวิธีก็เลือกเอานะครับ
ส่วนของผมเลือกแบบท่านดร. เพราะยังห้ามใจไม่ให้ซื้อไม่ได้(มีเงินเหลือ ก็ซื้อเข้าทุกเดือน)
แต่ผมว่าถ้าตลาดไม่เลวร้ายนัก และมีโชคบ้าง พอร์ตก็ไม่น่าจะลบ
เพราะของผมปีที่แล้วก็บวก10% ส่วนปีนี้ก็ยังเขียวอยู่

อูยยยยยย......โดนใจมากๆท่านบักไหล

ข้อมูลแบบนี้แหละที่อยากได้มานาน ไปหามาจากไหนครับ..

ขอบคุณหลายๆ......ขอให้อายุมั่นขวัญยืนเด้อ......

อูยยยยยย......โดนใจมากๆท่านบักไหล

:lovl: :lovl: :lovl: ชื่อใหม่ด้วย

รบกวนอีกนิดนะท่านบั๊ก ภาพแรกมันไม่เต็มภาพอ่ะครับ อ่านไม่รู้เรื่อง จะกรุณาโพสท์ใหม่ได้ไหมครับ

คุณเต่าครับ เท่าที่ผมได้คุยกับพี่คัดท้าย ช่วงที่ตกแรกๆนั้นไม่รอดซักตัว
แต่พอเริ่มตั้งสติกันได้พวก ส่งออกได้ผลดีกับค่าเงิน กำไรมากขึ้น หุ้นส่งออกจึงชนะตลาด ส่วนหุ้นสินค้าอุปโภค-บริโภคพื้นฐานที่ไม่มีการกู้เงิน จะฟื้นตัวได้เร็วในเวลาต่อมา
หลักการของ ดร.นิเวศน์คือ ถือหุ้น100% แต่ตัวไหนที่ให้คุณค่ามากกว่าก็สามารถเปลี่ยนตัวถือได้
พอร์ตของท่านจึงติดลบอยู่4-5ปี(ลบมากที่สุด35%)พอระยะยาวมูลค่าแต่ละตัวของท่านก็มีแต่*10เท่าทั้งนั้นเลยครับ
ส่วนของอีกหลายๆท่านเช่นพี่คัดท้ายก็รอจังหวะให้ถูกจริงๆแล้วค่อยซื้อ
คุณเต่าชอบวิธีก็เลือกเอานะครับ
ส่วนของผมเลือกแบบท่านดร. เพราะยังห้ามใจไม่ให้ซื้อไม่ได้(มีเงินเหลือ ก็ซื้อเข้าทุกเดือน)
แต่ผมว่าถ้าตลาดไม่เลวร้ายนัก และมีโชคบ้าง พอร์ตก็ไม่น่าจะลบ
เพราะของผมปีที่แล้วก็บวก10% ส่วนปีนี้ก็ยังเขียวอยู่

ขอบคุณมากครับพี่ naris ผมเองก็เดาตลาดไม่เก่งจริงๆครับ แถมวิเคราะห์นานอีกต่างหาก(ไม่ได้เป็นคนละเอียดถี่ถ้วนนะครับ แต่ความสามารถไม่ค่อยมีน่ะครับ แห่ะ)

ผมคิดว่าหุ้นกลุ่ม ชิ้นส่วน Electronics ก็ใช้ได้ครับ HANA CCET แต่อย่างไรก็ตามต้องดูความสามารถในการแข่งขันระยะยาวนะครับ เพราะก็มีคู่แข่งเยอะเหมือนกัน (บอกแบบระวังตัวไว้ก่อน จิงๆไม่รู้จักธุรกิจนี้เท่าไรหรอกครับ แห่ะ)

ส่วนกลุ่มอุปโภคบริโภค ผมคิดว่าในระยะสั้นคงได้รับผลกระทบแน่นอนครับ ตอนนี้มีเพื่อนอยู่ Uniliver เริ่มบ่นๆแล้วว่า Target ครึ่งปีหลังนี่เริ่มไม่ได้แล้ว อันเนื่องมาจากกำลังซื้อลดลงมาก เจ้าของศูนย์บ่นกันอุบ

ผมเลยคิดว่า ถ้าให้เลือกแบบ ดร หรือแบบพี่คัดท้าย คงจะเลือกแบบผสมกันทั้งสองคนน่ะครับ แห่ะๆ

คือเนื่องจากผมไม่สามารถเดาตลาดได้ ดังนั้นคง Check จากตัวอุตสาหกรรมเป็นหลัก ว่าเริ่มยืนได้หรือยังในวิกฤติแบบนี้ ถ้ายืนได้แล้วเช่นกำลังซื้อหรือความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มกลับมา น้ำมันลอยตัวแล้วเต็มที่ก็ยังทำกำไรได้ ความวิตกกังวลเริ่มหมดไป ผมคงทยอยซื้อเพิ่มครับ

แต่เนื่องจากผมเองก็ไม่อยากซื้อที่ราคาสูงเกินไปอันเนื่องมาจากมี Expected Return สูง ดังนั้น ผมจะลด Return ตัวนี้ลงมาครับ ทำให้คำนวณราคาหุ้นที่ควรจะซื้อได้ต่ำลง เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงที่ควรจะมี Margin of Safety ที่สูงขึ้นครับ

เป็นการบ้านอันหนักอึ้งที่ต้องนั่งทำกันใหม่เลยทีเดียวครับ แห่ะๆ เต่าๆแบบผมคงต้องใช้เวลาคิดนานโขทีเดียว

คุณ TURTLE นี่ไม่ธรรมดาเลยครับ

ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนนะครับ

คุณบั๊กข้อมูลเยี่ยมยอดครับ ขอบคุณครับท่าน

ว่าแต่คิดได้ไงเนี่ย....ท่านบักไหล.....ชอบครับ

รูปสวยดีนะครับ เยี่ยมมากเลย

แต่น่าจะเติมGDP ของปี48 ให้เลยนะครับ ซักประมาณ3-4%

naris เขียน:ขอบคุณครับคุณเต่า
ที่ต่างกันก็เงินทุนสำรองกับดอกเบี้ย
อืมต้องระวัง แต่ต้องพิจารณาผลกระทบเป็นรายตัว มาก-น้อยว่ากันไป

ขอเสริมต่อเรื่องดอกเบี้ย

คือตอนนี้ดอกเบี้ยต่ำ แล้วก็มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น

อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ฝากเงิน เข็ดกับตลาดหุ้นแล้วก็พร้อมที่จะนำเงินไปฝากธนาคาร เพื่อหวังผลตอบแทนของดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ถ้าดอกเบี้ยสูงขึ้นจริงๆ ผมว่ากำลังซื้อหดแน่ๆ

กลุ่ม Elect. มีความเสียเปรียบในการแข่งขันทุกตัว โดยเฉพาะ Hana มีลูกค้ารายใหญ่ไม่กี่เจ้า ธุรกิจอ่อนไหวได้ง่าย ถ้าลูกค้ารายใหญ่ยกเลิกคำสั่งซื้อ

ยกเว้น Calcomp กับ Delta ที่มีระบบการจัดการต้นทุน,การบริหารโรงงานที่ดี นอกจากนี้ยังมีลูกค้าที่หลากหลาย ( product mix, customer diversity)

เราคาดว่า Delta น่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นใน Q2 เพราะ Demand ของ GSM base stationเพิ่มมาก ส่งผลบวกต่อยอดขาย product ของ DES

คุณ TURTLE นี่ไม่ธรรมดาเลยครับ

ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนนะครับ

เหวอออ คุณ CK ครับ ผมนี่ธรรมดาแบบของแท้ครับ ยังต้องเรียนรู้อีกมากจริงๆ ถ้าจะให้เป็นลูกศิษย์นี่ ผมขอเป็นลูกศิษย์คุณ CK จะดีกว่าครับ

แก้ให้แล้วครับ พอดีเพิ่งว่างเข้ามาดูอีกทีคับ

ท่านนริศ

ชื่อใหม่ด้วย

ท่านbakery_r

ว่าแต่คิดได้ไงเนี่ย....ท่านบักไหล.....ชอบครับ

ผมเรียกตามท่านเจย์โชว์ ครับ ขอภัยท่านบั๊กด้วยที่ผมละลาบละล้วงครับ

อืม.คุณturtleได้สอนผมมองมุมมองใหม่อีกด้านแล้ว ขอบคุณมากครับ
แล้วก็ยินดีกับเวปเราเราได้VIจริงๆอีกคนแล้วครับ

แล้วตอนวิกฤตน้ำมันปี 2516 ละครับ

ผมอ่านบอกว่าราคาน้ำมันขึ้นจาก 2 เหรียญต่อบาเรล เป็น 10 เหรียญต่อบาเรล ขึ้น 5 เท่า จริงไหมครับ

ขอบคุณมากครับพี่บั๊ก

อืม.คุณturtleได้สอนผมมองมุมมองใหม่อีกด้านแล้ว ขอบคุณมากครับ
แล้วก็ยินดีกับเวปเราเราได้VIจริงๆอีกคนแล้วครับ

ผมก็ต้องขอขอบคุณพี่นริศเช่นกันครับ ทำให้ผมต้องติดตามหุ้นกลุ่มที่พี่แนะนำอย่างใกล้ชิดทีเดียวครับ

แล้วตอนวิกฤตน้ำมันปี 2516 ละครับ

ผมอ่านบอกว่าราคาน้ำมันขึ้นจาก 2 เหรียญต่อบาเรล เป็น 10 เหรียญต่อบาเรล ขึ้น 5 เท่า จริงไหมครับ

ผมเองก็เพิ่งสังเกตเห็นใน http://www.eia.doe.gov/emeu/cabs/chron.html
จริงๆด้วยครับที่ในปี 2516 (หรือปี 1973) นั้นราคาน้ำมันเพิ่มจากประมาณ 2 $/barrel ในปี 1973 เป็น 10 $/barrel ในปี 1974 และก็ไม่เคยต่ำกว่าราคานั้นอีกเลย:o

เห็นว่าเป็นเพราะความไม่ลงรอยกันในกลุ่มอาหรับ แต่ไม่ทราบว่ามีผลกระทบอย่างไรต่อประเทศไทยบ้างง่ะครับ คงต้องรอพี่ๆมาตอบอีกทีครับ แห่ะ