Thai VI

ตอนแรกอยากกู้เงินมาซื้อคอนโดให้เช่า แต่จำความเหนื่อยยากสมัยหาคนเช่าหอต่อที่เยอรมันนีได้ เลยกะว่าจะซื้อกองทุนรวมอสังหา แต่ถ้าต้องเอาเงินตัวเองนี่ ROE มันก็ต่ำเหลือเกิน จะกู้ bank เค้าก็คงไม่ให้ สุดท้ายก็กู้คนใกล้ตัว

ตกลงกันว่าจะให้ดอก fix ส่วนหนึ่ง แล้วถ้าได้กำไรเกินกว่านั้นก็จะแบ่งกันพ่อลูก เป็นก้าวแรกเล็กๆสำหรับการทำ Asset Management ของผม

มีใครเคยทำแบบนี้มั่งครับ? เพิ่งเริ่มทำไม่นาน แต่ก็เริ่มมีคำถาม และ ปัญหา ซะแล้ว

1 เครียดกว่าเดิมอ่ะ ถึงเงินจะไม่ใหญ่เท่า port ส่วนตัว แต่เป็นเงินคนอื่นเลยต้องรอบคอบกว่าเดิม (ขาดทุนมีหวัง โดนตัดออกจากกองมรดก )

2 Conflict of Interest ไม่อยากจะซื้อหุ้นตัวที่กำลังถืออยู่ เพราะเหมือนช่วยพยุงของตัวเอง แถมลงบัญชีต้นทุนลำบากกว่าเดิมอีก

3 ผมชอบเสี่ยง แต่ port ใหม่นี้ว่าจะลดให้ความเสี่ยงต่ำมากๆ เลยว่าจะลงเงินส่วนใหญ่กับกองทุนรวมอสังหา ส่วนที่เหลือหาห่านมาเลี้ยงละกัน

ของซาวเสียงหน่อยครับว่าหุ้นห่านทองคำมีตัวไหนบ้าง ขอไม่เอา TR TF WG JCT PRANDA นะครับ (ขอโทษคุณ chatchai ด้วย แต่ผมยังยัวะ WG เรื่องเอาเงินไปลองทุนบ้าๆไม่หายเลย)

นำเสนอTICON กับTMD

ไม่น่าเลย ไม่น่ากู้เลย

เล่นได้ก็ไม่ดี เล่นเสียก็ไม่ดี

เล่นได้ เดี๋ยวติดนิสัยว่าการกู้เงิน แล้วลงทุนได้กำไร เกิดใจใหญ่ งั้นไปกู้แบงค์อีกดีกว่า

เป็นต้น

อีกอย่าง โอกาสเสียมีมากกว่าได้

กำไรที่ได้ ไม่เท่าความภาคภูมิใจ

คุณพ่อให้กู้ไม่ได้ต้องการกำไรแต่ต้องการความภาคภูมิใจ ที่เห็นลูกเก่ง

ถ้าพูดถึงการลงทุนในหุ้น

ในช่วง 10 ปีแรก เรามาพูดถึงความน่าจะเป็นในการได้ สมมุติว่า มีโอกาสได้กำไร 20 ขาดทุน 80

เท่ากับการกู้เงินครั้งนี้ มีโอกาสทำให้คุณพ่อไม่ได้รับความภาคภูมิใจถึง 80 %

ไม่มีหุ้นตัวไหนความเสี่ยงต่ำครับ

ประเด็นคือ การทำความเข้าความเสี่ยงครับ เมื่อเข้าใจได้ ความเสี่ยงก็เริ่มจะไม่เสี่ยง
เพราะเราจะรู้ว่า ต้องทำอย่างไร

ส่วนข้อ 2 ลงบัญชีไม่ยากครับ มีสองวิธี

1. แยกพอร์ต สะอาดดีครับ แต่เสียเวลาตอนเลือกหุ้น ซื้อขาย

2. รวมพอร์ต แล้วคำนวณหน่วยลงทุนสำหรับแต่ละคน ซึ่งก็คือ % ของความเป็น
เจ้าของของแต่ละคน ณ วันที่คนนั้นลงเงิน ส่วนคนอื่นที่ ที่ลงเงินก่อนหน้านั้น
ให้เอา NAV ของทั้งพอร์ตมาเป็น base เช่น

วันที่ 1 คุณลงทุนไป 1 ล้านบาท

วันที่ 100 คุณพ่อมาลงเงินด้วย 5 แสนบาท แต่ในวันที่ 100 พอร์ตคุณ (รวมเงินสด)
มี NAV (market value + cash on hand + dividend rights) เท่ากับ 1.5 ล้านบาท
คุณก็จะเป็นเจ้าของพอร์ต (ณ วันที่ 100) อยู่ 75% และคุณพ่อ 25%

วันที่ 200 NAV = 1.8 ล้านบาท คุณพ่อลงเงินมาอีก 1 แสน คุณลงอีก 1 แสน
จะได้ส่วนของคุณคือ (1.8x0.75+0.1)/2.0 = 72.5% ส่วนคุณพ่อก็จะมีส่วน
อยู่ (1.8x0.25+0.1)/2.0 = 27.5%

เวลาถอนเงินออกก็เช่นเดียวกันครับ

ยัวะ WG แล้วขายออกมาหมดหรือยังครับ :lol:
แนะนำ TMD ครับ ผมเล็งไว้แต่ตอนนี้ไม่อยากถือหุ้นเพิ่มเป็นเบี้ยหัวแตก

เท่ากับการกู้เงินครั้งนี้ มีโอกาสทำให้คุณพ่อไม่ได้รับความภาคภูมิใจถึง 80 %

ว่าเข้านั่น อาจจะภูมิใจก็ได้นะครับ เพราะลูกโง่ๆจะได้บทเรียนไง
จะว่าไปพ่อผมก็ไม่เสียอะไรเลยนะ ยังไงก็ได้ดอกมากกว่าฝาก bank พอสมควร แถม ถ้าเกิดขาดทุนขึ้นมาผมก็ต้องเอาเงินจาก port ไปจ่ายคืน แถมดอกเบี้ยต่างหาก

ว่าแต่ผมไม่ "เล่นหุ้น" นะ ผม "ลงทุน" ครับ

ส่วนเรื่องคิด NAV ผมว่าลำบากนะ ต้องมีเศษสตางค์ยิบย่อย ตอนนี้ผมใช้วิธีสร้าง user ใหม่ที่ settrade ของพ่ออัน ของผมอัน เวลาซื้อของพ่อก็บันทึกบัญชี Dr/Cr ค่ากองทุน ค่าหุ้น ค่า commission ให้ละเอียดซะจะได้ไม่สับสน (แต่เหนื่อยตอนกรอกค่านี่แหละ)


เรื่องความเสี่ยง สำคัญมากครับ ผมก็ไม่ได้กู้มาเกินตัวชนิดที่ห้ามขาดทุนเด็ดขาด จะรักษาวินัยได้ไม๊ ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่า เคยรักษาวินัยเรื่องอื่นได้หรือเปล่า

Hmmm....ไม่เคยรักษาวินัยการกินได้เฮะ

ถ้าเป็นพ่อผม ผมก็ขอดื้อๆเลย กู้ทำไม :lol:

ความเคลียดเงินเขา กับความเคลียดเงินเรา มันต่างกันมากๆ
ใช่ไหมครับคุณviewtiful
ผมเคยลองมาแล้ว เห็นหุ้นมันถูกมากเมื่อกลางปีที่แล้ว ด้วยความหวังดีอยากให้เงินพ่องอกเงย บอกจะมาลงทุนให้ รับรองไม่ขาดทุน
โอ๊ย.ไม่อยากบอกโคตรเคลียดเลยหล่ะ
แต่ตอนนั้นยึดแนวVIเป็นหลัก พอผ่านจุดนั้นมาได้ ก็จะหนักแน่นขึ้นอีกเยอะเลยหล่ะ
เพราะเงินเขา ไม่ใช่เงินเรา

TMBAM จะออกกองทุนอสังหาที่ซื้อเซ็นทรัลพระราม2 และพระราม 3 ยังไม่เห็นรายละเอียดไม่รู้ว่าจะดีหรือเปล่า

TMBAM จะออกกองทุนอสังหาที่ซื้อเซ็นทรัลพระราม2 และพระราม 3 ยังไม่เห็นรายละเอียดไม่รู้ว่าจะดีหรือเปล่า

ผมว่าซื้อกองทุนที่เริ่มปันผลแล้วดีสุด ราคาตอนนี้ก็มี Discount 10++% เสียอย่างเดียวตึกมีคนเช่าเต็มซะแล้ว จะขยายรายได้แนวราบคงลำบาก