Thai VI

เห็นท่านพี่เจ๋ง กะ พี่วู้ดดี้ กะทำกำแพงดินวิสิท ให้อลังการงานสร้าง
ผมเลยขอเสนอแนะเพิ่มเติม

ไหนๆ จะหาข้อมูลบริษัทแล้ว เก็บ record ข้อมูลพื้นฐานบริษัท แนวทาง ข้อมูลที่ฝ่ายบริหารของบริษัทที่ไป เอามารวบรวม ทำหนังสือขายทีเดียวเลย หาเงินเข้าเว็บ

ไม่ต้องพิมพ์โรงพิมพ์ xerox เอานะครับ แต่ตั้งราคาขาย+ค่าบริหารเว็บ
แล้วทำตามออเดอร์

อย่างอื่นๆ ค่อยว่ากันอีกทีกลางคืนดีกว่าครับ

น้องwoodyส่งเสียงมาหลังไมค์ให้ช่วยล้อมกรอบ เอ้ยวางกรอบครับ...

ผมว่าเราเริ่มกันที่ 56-1 และไปหาข้อมูลสินค้ากันหน่อยว่า

1 ใช้ในอุตสาหกรรมอะไรบ้าง
2 มีสัดส่วนเท่าไรในสินค้าของลูกค้า
3 การแข่งขันออกมาทรงไหน และบริษัทบริหารการแข่งขันอย่างไร
4 ทำ SWOTกันหน่อย
5 ทำ5forcesตามนิด
6 แล้วค่อยมาวิเคราะห์งบกัน

ว่าแต่ว่าเอาบริษัทไหนก่อนละ?

ดีครับ แล้วเมื่อได้บริษัทที่จะไป visit แล้วผมจะรีบแจ้งให้ทราบครับ

ว่าแต่..........ถ้าโพสท์กันคนละทีสองทีผมว่าคนอ่านรวมทั้งเราเองนี่จะมึนง่ายๆ เลยนะครับ เช่น เดี๋ยวก็มีคนโพสท์ TICON แล้วก็ PTL TICON SNC MINT BH TICON มันจะไม่ปะติดปะต่อกัน .....ฉะนั้นเราควรทำไงดีครับ

พี่คิดว่า ไปโพสข้อมูลไว้ในร้อยคนร้อยหุ้นดีกว่าครับ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้า วันที่ xxx เราได้ไป visit หุ้น yyyy

จำนวนคนที่ไป 30 คน จำนวนคนที่ไปไม่ได้ แต่ก็สนใจอีก 20 คน

ทั้ง 50 คนก็ช่วยกันทำการบ้าน ตามกรอปด้านบน ที่คุณมนว่าไว้

แล้วเอาข้อมูลไปโพสในร้อยคนร้อยหุ้น

และเมื่อ visit เสร็จแล้ว ก็กลับมาโพสเพิ่มเติมในร้อยคนร้อยหุ้น

แบบนี้ดีหรือไม่ครับ ท่าน woody

พี่ Jeng เรียกผมท่านเลยหรือ....ยังไงก็ดีครับ ตกลงตามที่พี่เสนอเลยก็ดีครับ

การที่เราไปโพสไว้ในร้อยคนร้อยหุ้น ก็เหมือนบันทึกช่วยจำ

วันหนึ่งข้างหน้า ที่เราต้องการมาทบทวน เราก็เข้ามาดูได้เลย

พี่คิดว่าฐานข้อมูลแบบนี้จะเป็นประโยชน์มากครับ

เดินหน้าลุย......................เอ หรือควรเปลี่ยนเป็นก้มหน้าก้มตาอ่าน 56-1 ดีนะ

ลุยเลยครับ 56-1 ผมว่าเป็นสิ่งที่ต้องอ่านอยู่แล้วนะ แม้จะไป Visit หรือไม่ก็ตาม

โถ ถามผิดคนหรือเปล่า

ลองช่วยกันคิดดีไหมครับ

เอาว่าสำนักงานตั้งที่ไหน มีแผนทประกอบี่ มีเวปไซด์บริษัทด้วย

เอาหนึ่ง วิเคราะห์อุตสาหกรรม หมวด แนวโน้ม อนาคต

วิเคราะห์ ตัวบริษัท เป็นอันดับที่เท่าไหร่ ของกลุ่มหลักทรัพย์จดทะเบียน

แบรนด์ การแข่งขัน หากเศรษฐกิจแย่ขาลง มีผลกระทบหรือเปล่า

กลุ่มผู้บริหาร อันนี้ต้องไปค้นหาเอาจากที่ต่างๆ เป็นประวัติเคยบริหารอะไรมาบ้าง
จบการศึกษาีที่ไหน เคยผ่านงานการศึกษาที่ไหนมาบ้าง

กลุ่มเป้าหมายของการค้า ฐานลูกค้า

ตรวจสอบบัญชี คงต้องดูเงินทุนหมุนเวียน หนี้สินหมุนเวียน เงินกำไรสะสม
ลูกหนี้การค้า เจ้าหนี้การค้า

เปอร์เซ็นต์การถือครองหุ้นกลุ่มผู้บริหาร กี่%

ความโปร่งใส ของผู้บริหารและบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชีชื่อสำนักงาน(แบบเอิธน์แอนด์ยังส์หรือ...)

เรื่องบัญชีน่าจะยกให้พี่ฉััตรชัย ชี้วัดครับ


ลองปรึกษากันหลายๆคนครับ


ด้านบนคือข้อความที่พี่ปรัชญาได้อนุเคราะห์มานะครับ

ดีครับ woody เอาเป็นว่า woody ช่วยวางกรอบหลักๆ ในการทำ company visit ละกัน

เอาแบบ เวอร์ชั่น 001 ก่อนนะครับ คือ เริ่มต้นแบบง่ายๆไปก่อน อย่าซับซ้อนมาก เพราะคนในเว็บเรามีหลากหลายนะครับ

จะพยายามนะครับพี่....พี่ๆ ช่วยผมด้วยนะครับ

ถึงไหนแล้วค้าบ รอฟังอยู่

เอาด้านไหนดีหล่ะครับ คุณ Harry ผมว่าที่พี่ Mon อนุเคราห์มาก็เป็นกรอบที่โอเคแล้วนะครับ ที่เหลือนี่อาจต้องพึ่งพาทุกคนในเรื่องของข้อมูลว่าจะหลากหลาย และลึกขนาดไหน...

ส่วนถ้าเรื่องติดต่อกับทางบริษัท พี่ Jeng กำลังดำเนินการอยู่ครับ ผมก็จะช่วยอีกทางหนึ่งเท่าที่ทำได้ครับ

ถีงไหนถึงกันเลยน้อง harry

แค่อยากรู้ว่าถึงไหนแล้วเท่านั้น

จะได้กะได้ว่าจะไปกันเมื่อไหร่

จะมีประชุมทีมงานกันมั้ยครับ จะได้ทำเป็นระบบ มีแบบแผนดีๆเลย

ไว้มีแล้วจะบอกนะท่าน

เรื่องกรอบการวิเคราะห์หุ้น พี่สามัญชนเคยโพสต์เอาไว้ในร้อยคนร้อยหุ้น
บริษัทไทยออยส์ TOP ไปหาอ่านดูกันได้ ผมคิดว่ามีประโยชน์มาก
พี่เค้าวิเคราะห์โดยใช้กรอบดังนี้


1.SWOT
2.5 forces ของนายหม้อ Potter
3.หลักการเลือกหุ้นของวอร์เรน

ส่วนประเด็นอื่นๆที่คิดว่าน่าสนใจก็เช่น

1.งบดุล

-คุณภาพสินทรัพย์ ดูว่ามีโอกาสจะด้อยค่าหรือเปล่า ถ้าไป visit Pranda หรือบริษัทอาหารทะเลที่ตุนสินค้าไว้เยอะๆ น่าจะถามประเด็นนี้
-หนี้สินต่อทุน(D/E) สูงหรือไม่ ปกติถ้าสูงกว่า 1.5 ก็ถืออันตรายแล้ว เว้นแต่กิจการบางประเภทที่มี d/e สูงๆได้ เช่น ธนาคาร ค้าปลีก ลีสซิ่ง ประเด็นนี้ผมมองว่าสำคัญ เพราะบริษัทที่มีหนี้สูง มีควาเสี่ยงสูงกว่า นอกจากนั้นโอกาสที่จะขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มกำไรก็จำกัด
-มีการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันสูงติดต่อกันทุกปีหรือเปล่า ผมเคยเจอหุ้นสิ่งทอบางตัวเป็นอย่างนี้ ซึ่งผู้ถือหุ้นคงไม่ชอบใจเท่าไหร่

2.คำถามที่น่าจะถามผู้บริหารมากที่สุดเวลาไปเยี่ยมชมกิจการคือ

-บริษัทมีข้อได้เปรียบอะไรที่สำคัญที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
-บริษัทมีข้อเสียเปรียบอะไร คำถามนี้ผู้บริหารที่ดีควรจะตอบด้วย
ฟังคำตอบของผู้บริหารประเด็นนี้แล้ว ก็ต้องชั่งใจดูว่า เป็นข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบที่ชัดเจน หรือตรงประเด็นหรือเปล่านะครับ
-ทำอย่างไรที่จะเพิ่มผลกำไรให้กับกิจการ
-ผู้บริหารคิดอย่างไรกับผู้ถือหุ้นรายย่อย เป็นหุ้นส่วนหรือเป็นมารคอหอย

2.5 forces ของนายหม้อ Potter

รู้สึกจะ Micheal E. Porter

นายท่าเรือนะครับ ไม่ใช่นายหม้อ

เอ๊ะ หรือว่าผมก็ผิด

อยากไป ไปด้วยๆ

ดีครับ คิดว่าวันจันทร์นี้ครับ น้องเล็ก กะ ปุก พี่จะค่อยๆ ติดต่อ บริษัทต่างๆ ไปอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้มีเพื่อนๆ น้องๆ ที่น่ารัก กำลังช่วยติดต่อให้ก่อน แล้วพี่ก็เดินเรื่องตามครับ

ขอขอบคุณ คุณ IH คุณธันวา คุณwoody คุณลุงขวด มากๆครับ ที่ช่วยเป็นธุระในการติดต่อบริษัทที่รู้จักให้

และเพื่อนๆท่านอื่น ถ้ามีใครรู้จักบริษัทไหนเป็นการส่วนตัว ก็ช่วยๆกันเน้อ

ช่วยกันทำมาหากิน เรือล่มในหนอง ทองจะปายไหน

.SWOT

คืออะไรครับ ทำไมผมเฉยจัง

เท่าที่จำได้นะครับ
SWOT ใช้สำหรับวิเคราะห์ความสามารถในการแข่งขันของบริษัท

S = Strengths,W = Weaknesses สองส่วนนี้จะใช้สำหรับวิเคราห์จุดแข็งจุดอ่อนภายในบริษัท
O = Opportunities ส่วนนี้จะวิเคราะห์ว่าบริษัทจะมีโอกาสในการทำธุรกิจที่ดีกว่าคู่แข็งในอุตสาหกรรมหรือไม่
T = Threats วิเคราะห์ถึงความเสี่ยงด้านต่างๆที่บริษัทจะต้องเผชิญ

ถ้ามีส่วนไหนผิดไปโปรดให้อภัยด้วยครับ

เอาเป็นว่าตอนนี้ใครมีข้อมูลอะไรก็เชิญไปโพสต์กันได้เลยนะครับที่ร้อยคนร้อยหุ้น