หน้า 1 จากทั้งหมด 1

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 27, 2005 11:58 pm
โดย ztep
:P ไม่ทราบใครเคยอ่านหนังสือเล่มนี้บ้างไหมครับ ผมเพิ่งได้ไปงานที่เว็บ
Richdadthai.com จัด มีคุณโอฬาร ที่เป็นแชมป์แฟนตลาดหุ้นเป็นวิทยากร
ใครที่เป็นแฟนrichdad ลองไปดูเว็บเขาหน่อยก็ดีนะครับ ในงานผมได้เล่นเกมส์(เคยเล่นแล้ว)และได้ถามคำถามและได้ความรู้และคำตอบดีๆมากมาย ที่สำคัญได้เจอเพื่อนที่มีความสนใจร่วมกันด้วยครับ อ้อ อาทิตที่ 3 นี้จะมีการจัดงานอีกครับ:lol:

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 7:53 am
โดย oatty
อ่านแล้วครับ ชอบมากกับแนวคิดที่เขาได้รับจากพ่อทั้งสอง นำมาผสมส่วนกันได้แบบลงตัว ส่วนการนำไปใช้ก็คงแล้วแต่จะประยุกต์เอา

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 9:01 am
โดย ztep
:P แล้วเคยเล่นเกมส์สนามแข่งหนูแล้วยังครับ ลองไปเล่นดูได้นะครับวันอาทิตย์นี้ รายละเอียดลองไปดูในเว็บ www.richdadthai.com ผมว่ามีอะไรหลายอย่างคล้ายๆกับแนวของ vi และสามารถเอาความรู้เรื่องอสังหามาใช้รวมประโยชน์กับเรื่องหุ้นได้ด้วย แต่ผมยังไม่ค่อยชอบแนวความคิดเรื่องหุ้นของ Robert เท่าไรครับ แต่เรื่องอื่นๆใช่เลย :lol:

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 9:25 am
โดย ztep
:P ลืมยกตัวอย่างที่ได้จากงานครับ คือผมสนใจแนวคิดเรื่องการเอาเงินคนอื่นมาต่อเงินให้ตัวเรา ซึ่งเบสิคที่ทราบก็คือ ถ้าเป็นอสังหา เราสามารถใช้เงินตัวเองแค่ 1 ส่วน แล้วอีก 9 ส่วนธนาคารจะให้ยืม ผมก็สงสัยว่าแล้วหุ้นหรือหลักทรัพย์อื่นเราสามารถใช้ค้ำประกันในการกู้ได้หรือไม่ คำตอบคือยากครับ เราต้องเอาหลัฐานเงินปันผลที่ได้รับไปเป็นตัวคำนวณ ไม่ใช่มูลค่าของหุ้น แต่เราสามารถเอาหุ้นไปให้เขายืม short ได้ โดยจะได้ % โดยแบ่งกับ บลจ. คนละประมาณ 1.7% โดยที่เราได้สิทธิ์ต่างๆและเงินปันผลเหมือนเดิม แต่เราไม่สามารถขายหุ้นได้ ก็คือถ้าคิดว่าหรืออยากเป็นข้อผูกมัดให้เราถือยาวจริงๆ เราก็ทำแบบนี้ได้ที่เขาแนะนำก็ที่ พัฒนสิน
อีกตัวอย่างคือช่วงหลังวิกฤตซักราวๆ ปีนึง คุณโอฬาร เขาได้ซื้อบ้านหลังนึงแถวพุทธมณฑล เจ้าของดีใจจนออกนอกหน้าที่ได้ขาย เขาก็ให้คนไปประเมินมูลค่าสินทรัพย์ 3-4 ราย พบว่าราคาขายต่ำกว่าที่ประเมินและเขายังขอลดจากเจ้าของได้อีกราวๆ 15 % และเมื่อขอกู้เจ้าของก็ทำให้กู้ได้เกินวงเงินที่บอกขาย ดอกเบี้ยตอนนั้นราวๆ 1% เขาก็ได้เอากระแสเงินสดที่ได้ไปลงทุนหุ้นต่อกินส่วนต่าง และราคาบ้านปัจจุบันก็เพิ่มเกินกว่า 2 เท่า และตอนนี้ก็เอาบ้านนั้นไป refinance ทำแบบเดิมนี้อีก
ผมคิดว่าน่าสนครับเกี่ยวกับแนวคิดนี้ถ้าเรามั่นใจในวิธีการลงทุนของเราและสามารถเอาประโยชน์เรื่องเงินคนอื่นมาประยุกต์รวมกันครับ :lol:

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 10:13 am
โดย chatchai
การลงทุนด้วยการกู้ยืมเป็นความเสี่ยงนะครับ ช่วงเศรษฐกิจขยายตัว ผลตอบแทนก็คงดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

แต่ถ้าเป็ฯช่วงเศรษฐกิจขาลง ความลำบากจะมาเยือนครับ

เราไม่ควรที่จะเร่งให้รวยเร็วเกินไปหรอกครับ อย่าประมาทครับ

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 12:08 pm
โดย ztep
:P คุณฉัตรชัยพูดถูกครับ แต่ถ้าเรามีการประกันความเสี่ยง ความเสี่ยงที่ว่าก็จะหายไปครับ ผมไม่ได้บอกว่าเราจะเอาอสังหาอะไรก็ได้ แต่ในนี้คือเลือกเฟ้นหาโอกาสที่เหมาะสม โดยอาจจะเลือกสรรค์นานๆหรือรอซื้อในช่วงที่มีแต่คนต้องการอยากขาย คล้ายๆกับแนวคิดของ vi เช่นกัน
ผมเป็นคนที่อธิบายไม่ค่อยเก่งน่ะครับ ต้องขออภัยไว้ก่อน แต่จะยกแนวคิดของเกมส์ที่เคยเล่น โดยเกมส์จะมีการ์ดโอกาสสามารถเปิดได้เมื่อเราตกช่องนั้น โดยเราเป็นผู้พิจารณาเอาเองว่าคุ้มมั้ยที่จะลงทุนในโอกาสนั้น โดยจะมีเหตุการณ์ประกอบเช่นบ้านเช่าถูกยึด หรือ ช่วงนั้นเศรษฐกิจบูม อะไรทำนองนั้น ตัวอย่างนะครับ
ราคาขายบ้าน 500,000
ดาวน์ 50,000
จำนองธนาคาร 450,000
รายได้จากทรัพย์สินเมื่อหักดอกเบี้ยและค่าเช่า +2000
อันนี้เราก็เสี่ยงโดยจ่ายแค่จำนวนเงินดาวน์ครับ และได้กระแสเงินสดมาเป็น +2000/เดือน ROI ก็ 48%

ส่วนที่คุณฉัตรชัยพูดเรื่องเงินกู้ยืม ผมคงอธิบายได้ไม่ค่อยดีน่ะครับ คือการให้เช่าในชีวิตจริงนั้นมันต้องมีอุปสรรคมากกว่าในเกมส์อยู่แล้ว โดยที่คุณโอฬารซึ่งเป็นวิทยากรในงานเขาทำนั้น ผมคาดว่าเป็นอย่างนี้ครับ จากตัวอย่างข้างบน เขาจ่ายเงินดาวน์ 50,000 บาท โดยได้บ้านที่ขอลดจากเจ้าของ 15% ราคาบ้านคือ .75*500,000 375,000 บาท เขาเอาไปจดจำนองกับธนาคารโดยมีเจ้าของช่วยให้จดได้เกินราคาที่กำหนด อาจเป็น 500,000 บาท เขาผ่อนกับธนาคารดอกเบี้ย 1% สมมุติ 10 ปี ก็คงตกจ่ายให้ธนาคารเดือนละไม่เกิน 5000 บาท โดยที่เขาจะได้เงินสดในมือเพื่อเอาไปลงทุน(เขาอาจให้เช่าได้แต่เขาบอกว่าเขาไม่ถนัด) 500,000-375,000=125000
เมื่อหักจากเงินดาวน์แล้วกลายเป็นเขาไม่ต้องใช้เงินตัวเองเลย และยังได้เงินสดมา 125,000-50,000=75000 เอาไปลงทุนต่อซึ่งเขาก็บอกว่าเป็นไปได้ดีพอสมควร และถ้าผ่อนจ่ายครบคุณก็ได้บ้านมาฟรีๆหลังนึง แล้วถ้าเขาเอาไปลงทุนแล้วเจ๊งล่ะ เขาก็ได้เงินสดมา 75,000 แล้วบ้านก็ถูกยึดไปครับ
ที่ผมจะสื่อคือโอกาสที่ยกมาไม่ใช่หาง่ายๆ อาจมี 1 ในล้านหรือบางคนอาจไม่เจอเลย แต่ถ้าเรามีความรู้แล้ว เมื่อโอกาสมาถึงเราก็สามารถประยุกต์ความรู้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้นะครับ มีแผ่นโอกาสอันนึงในเกมส์ที่เป็นตัวอย่างที่ได้บ้านมาฟรีๆเลยก็มีครับ
ราคาขาย 500,000
ดาวน์ 0
จดจำนอง 500,000
รายได้จากทรัพย์สินเมื่อหักดอกเบี้ยและค่าเช่า +1000

อันนี้ที่ผมเข้าใจก็คือเจ้าของเขาไม่เอาเงินดาวน์เลย แต่โอนสิทธิให้เรา แล้วรอให้เราเอาสินทรัพย์ไปค้ำกับธนาคารแล้วเอาเงินกู้มาจ่ายเขา แล้วเราหาคนมาเช่าได้ โดยที่ค่าเช่าเกินเงินที่ต้องผ่อนส่งธนาคารอยู่เดือนละ 1 พัน
ย้ำนะครับว่ามันไม่ได้มีง่ายๆ โอกาสนี้ในเกมส์ก็มีแค่แผ่นเดียวและโอกาสที่แย่ๆก็มีเยอะ และผมเองก็ยังไม่เคยไปยุ่งเรื่องอสังหาเลย แต่ผมว่าเป็นแนวคิดที่ดี ถ้าสามารถเอาเรื่องหุ้นและอสังหามาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ครับ ถือว่าเป็นการทำอะไรเล่นแก้เซ็งเมื่อไม่มีหุ้นตัวไหนน่าสนใจ ครับ :lol:

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 12:56 pm
โดย harry
เกมนี้ดีมากครับ

แต่ไม่ควรทำตามทุกอย่าง เพราะที่เมกา กับ ประเทศไทย ไม่เหมือนกัน และเค้าก็มีหนังสือของคนที่เอาแนวคิดไปใช้ในประเทศของตนออกมาให้อ่านด้วยนะ

เอาแนวคิดมาประยุกต์ใช้ครับ

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 1:19 pm
โดย Penguins
:oops:

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 8:30 pm
โดย chatchai
ztep เขียน: รายได้จากทรัพย์สินเมื่อหักดอกเบี้ยและค่าเช่า +2000
ผมไม่เข้าใจครับ ว่าค่าเช่าทำไมเป็นเงินสดจ่าย ผมว่าเงินสดจ่ายน่าจะเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย
ztep เขียน: ส่วนที่คุณฉัตรชัยพูดเรื่องเงินกู้ยืม ผมคงอธิบายได้ไม่ค่อยดีน่ะครับ คือการให้เช่าในชีวิตจริงนั้นมันต้องมีอุปสรรคมากกว่าในเกมส์อยู่แล้ว โดยที่คุณโอฬารซึ่งเป็นวิทยากรในงานเขาทำนั้น ผมคาดว่าเป็นอย่างนี้ครับ จากตัวอย่างข้างบน เขาจ่ายเงินดาวน์ 50,000 บาท โดยได้บ้านที่ขอลดจากเจ้าของ 15% ราคาบ้านคือ .75*500,000 375,000 บาท เขาเอาไปจดจำนองกับธนาคารโดยมีเจ้าของช่วยให้จดได้เกินราคาที่กำหนด อาจเป็น 500,000 บาท เขาผ่อนกับธนาคารดอกเบี้ย 1% สมมุติ 10 ปี ก็คงตกจ่ายให้ธนาคารเดือนละไม่เกิน 5000 บาท โดยที่เขาจะได้เงินสดในมือเพื่อเอาไปลงทุน(เขาอาจให้เช่าได้แต่เขาบอกว่าเขาไม่ถนัด) 500,000-375,000=125000
เมื่อหักจากเงินดาวน์แล้วกลายเป็นเขาไม่ต้องใช้เงินตัวเองเลย และยังได้เงินสดมา 125,000-50,000=75000 เอาไปลงทุนต่อซึ่งเขาก็บอกว่าเป็นไปได้ดีพอสมควร และถ้าผ่อนจ่ายครบคุณก็ได้บ้านมาฟรีๆหลังนึง แล้วถ้าเขาเอาไปลงทุนแล้วเจ๊งล่ะ เขาก็ได้เงินสดมา 75,000 แล้วบ้านก็ถูกยึดไปครับ
ที่ผมจะสื่อคือโอกาสที่ยกมาไม่ใช่หาง่ายๆ อาจมี 1 ในล้านหรือบางคนอาจไม่เจอเลย แต่ถ้าเรามีความรู้แล้ว เมื่อโอกาสมาถึงเราก็สามารถประยุกต์ความรู้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้นะครับ มีแผ่นโอกาสอันนึงในเกมส์ที่เป็นตัวอย่างที่ได้บ้านมาฟรีๆเลยก็มีครับ
ราคาขาย 500,000
ดาวน์ 0
จดจำนอง 500,000
รายได้จากทรัพย์สินเมื่อหักดอกเบี้ยและค่าเช่า +1000

อันนี้ที่ผมเข้าใจก็คือเจ้าของเขาไม่เอาเงินดาวน์เลย แต่โอนสิทธิให้เรา แล้วรอให้เราเอาสินทรัพย์ไปค้ำกับธนาคารแล้วเอาเงินกู้มาจ่ายเขา แล้วเราหาคนมาเช่าได้ โดยที่ค่าเช่าเกินเงินที่ต้องผ่อนส่งธนาคารอยู่เดือนละ 1 พัน
ย้ำนะครับว่ามันไม่ได้มีง่ายๆ โอกาสนี้ในเกมส์ก็มีแค่แผ่นเดียวและโอกาสที่แย่ๆก็มีเยอะ และผมเองก็ยังไม่เคยไปยุ่งเรื่องอสังหาเลย แต่ผมว่าเป็นแนวคิดที่ดี ถ้าสามารถเอาเรื่องหุ้นและอสังหามาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ครับ ถือว่าเป็นการทำอะไรเล่นแก้เซ็งเมื่อไม่มีหุ้นตัวไหนน่าสนใจ ครับ :lol:
ที่คุณเขียน ผมว่าตัวเลขมีที่ผิดบางที่นะครับ เช่นราคาบ้านที่บอกว่าได้ส่วนลด 15% จากราคา 500,000 บาท ก็คงจะเหลือ 425,000 บาท คงไม่ใช้ 375,000 บาท

แต่ผมก็เข้าใจความหมายที่คุณอยากจะสื่อออกมา เพียงแต่คุณลืมไปว่า ถึงแม้คุณจะมีเงินสดได้มากเพิ่มขึ้น แต่ก็เป็นเงินที่ได้มาจากการกู้ยืมครับ ไม่ใช่ได้มาฟรีๆ มีหนี้เงินกู้เพิ่มขึ้นมาด้วย

แล้วบอกว่าถ้ากรณีแย่สุด ไม่มีเงินจ่าย ก็แค่บ้านถูกยึด ก็คงไม่ถูกต้องครับ เพราะถ้าบ้านที่เป็นหลักประกันนั้นถูกธนาคารยึดแล้วไปขายต่อ ราคาขายไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ (ซึ่งก็เป็นไปได้ที่สภาพหลักประกันจะเสื่อมลง หรือสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี) ธนาคารก็จะฟ้องร้องคุณเพื่อชดใช้ส่วนที่ขาดครับ

กรณีที่เราต้องการเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในลักษณะนี้ก็เป็นที่ใช้กันทั่วไป คือเราเคยซื้อบ้านมาเมื่อ 5 ปีก่อน ผ่อนกับธนาคารมา 5 ปีแล้ว ถ้าต้องการเงินสดหมุนเวียนเพิ่ม ก็อาจจะนำบ้านไป Refinanace เราก็จะได้เงินสดเพิ่มขึ้นครับ กรณีนี้ทางสหรัฐกำลังเป็นที่นิยม เพราะราคาบ้านพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ชาวสหรัฐเลยนิยมนำบ้านไป Refinance ครับ

ทุกอย่างมีทั้งจุดดีและจุดเสียครับ อย่ามองแต่จุดดี เวลาเศรษฐกิจดี คนเราก็มองแต่ด้านดี ด้านที่ได้กำไร ไม่เคยมองด้านเสีย เหมือนช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่ ผู้คนจำนวนมากมักจะกู้เงินนอกมาฝากบ้าง มาซื้อหุ้นบ้าง โดยคิดว่ายังไงค่าเงินบาทก็จะไม่ลดลง

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 8:44 pm
โดย harry
พี่ฉัตรชัยครับ ไว้ผมเอาเกมไปให้พี่ลองเล่นดูก็ได้ครับ

ในเกม มีคุณโรเบิร์ต มาสอนวิธีเล่นด้วยตนเองเลยนะ

แต่เป็นภาษาอังกฤษครับ

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 9:05 pm
โดย chatchai
ขอบคุณมากครับ น้อง Harry สงสัยจะต้องหนี้ลูกหนี้เมียไปเล่นเกมส์ซะบ้างแล้ว

แต่ถ้าถูกจับได้ อาจจะโดนตัดเงินกินข้าวนะครับ

ถ้าโดนตัดเงินจริง น้อง Harry เลี้ยงข้าวพี่ด้วยนะครับ พี่กินไม่เก่งหรอกครับ

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 10:51 pm
โดย Serm
ผมเคยทำอาจจะคล้ายๆกันครับแต่ไม่เสี่ยงเท่าคือเมื่อ 3 ปีก่อนผมเห็นหุ้นหลายตัวถูกมากๆและได้ปันผล 7-8% ผมจึง refinance บ้านที่วื้อมาได้ 5-6 ปีแล้วได้เงินมาเพิ่ม 3 แสนกว่าบาทดอก 3.5% ซื้อหุ้นปันผลได้ส่วนต่าง 3-4 % และโชคดีได้ Capital gain ด้วยแต่ช่วงนี้ผมว่าไม่ค่อยน่าเสี่ยงแล้วครับ

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 11:04 pm
โดย NYU
พี่ฉัตรชัย ครับ ในวันงานสัมมนา
ผมเป็นคนนั่งแถวหน้าสุดนะครับ
เห็นพี่สั่นตอนเริ่มต้น
แต่หลังจากนั้นความรู้ก็มาเต็มๆ
ผมรับแทบไม่ทัน
เผอิญพกตุ่มที่บ้านไปใส่ความรู้ไม่พอครับ
เลยล้นตุ่ม ปล่อยทิ้งไว้ที่งานบ้าง

ผมพึ่งอ่านกระทู้ที่ว่า ทำไมถึงเล่นหุ้น
ยิ่งประทับใจที่พี่บอกว่า

แต่ตอนนี้รู้สึกว่าตื่นเต้นมามากพอแล้ว หวังเพียงความมั่นคงและเวลาให้แก่ครอบครัว
:arrow: สุดท้ายก็หวังที่จะคืนสังคมบ้าง

อยากไปถึงได้อย่างพี่บ้างจัง

คณ Ztep ผมก็เป็นผู้หนึ่งที่จ่ายเงินเข้าสัมมนาเล่นเกมส์ฯ
กับทาง getrichquick.in.th
และผมก็ได้อ่านหนังสือซีรี่ส์นี้ 6 เล่มแล้ว

ผมว่าวิธีคุณโอฬารผิดหลักของโรเบิร์ต อย่างหนึ่งคือ
การซื้ออสังหาฯ ต้องได้รับกระแสเงินสดเดี๋ยวนั้นเลย
(ซึ่งถ้าคุณอ่านในหนังสือ หรือแม้แ่ต่ คิม ก็บอกเช่นเดียวกัน)
ถ้าคิดว่าซื้อเพื่อปล่อยให้ราคาบ้านขึ้นแล้วค่อยขาย
นั่นก็คือการเก็งกำไรนี่เอง

การที่จะได้รับกระแสเงินสดที่เป็นบวกก็คือค่าเช่าครับ
ซึ่งต้องมากกว่าค่าใช้จ่ายในแ่ต่ละเดือน
ยกตัวอย่าง ได้ค่าเช่า 3000 บาท หักค่าผ่อนแบงค์
แล้วกระแสเงินสดยังเป็นบวกถึงจะใช้ได้

ส่วนตัวเกมส์ cashflow 101 ก็เป็นเวอร์ชั่นที่ง่ายๆ ครับ
โรเบิร์ตตั้งใจวางสถานะการณ์ว่าเป็นช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นครับ
ถ้าต้องการแบบของจริงต้องเล่นตัว
Cashflow 202 ซึ่งเป็นทั้งช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นและลง
เช่นช่วงเศรษฐกิจขาลง เราอาจโดนบังคับขายบ้านก็ได้ครับ
หรือค่าเช่าอาจจะลดลง 50% ซึ่งจะทำให้กระแสเงินสดเป็นลบได้

สิ่งที่สำัคัญที่สุดของอสังหาฯ ก็คือกระแสเงินสดที่เป็นบวกนะครับ
ขอย้ำ
ถ้าผ่านข้อนี้แล้ว
อย่างอื่นก็เป็นของแถม

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 28, 2005 11:45 pm
โดย harry
ขอบคุณมากครับ น้อง Harry สงสัยจะต้องหนี้ลูกหนี้เมียไปเล่นเกมส์ซะบ้างแล้ว

แต่ถ้าถูกจับได้ อาจจะโดนตัดเงินกินข้าวนะครับ

ถ้าโดนตัดเงินจริง น้อง Harry เลี้ยงข้าวพี่ด้วยนะครับ พี่กินไม่เก่งหรอกครับ
เอ่อ พี่ครับ เกมนี้มีประโยชน์ครับ สามี ภรรยา ลูก เล่นร่วมกันได้ครับ เป็นการทำให้ครอบครัวอบอุ่น สอนลูกได้ในตัว

ส่วนค่าอาหาร ผมตัวคนเดียวยังเอาไม่รอดเลยครับ แล้วยังอยากมี ผบ ทบ กับเค้าอีก ได้กินแกลบแหง :mrgreen: :mrgreen:

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 29, 2005 2:34 pm
โดย ztep
:P ก่อนอื่นผมต้องขอโทษคุณโอฬารด้วย ที่อ้างชื่อมาเกี่ยวกับเรื่องที่พูดคุยกัน ผมอาจจะเข้าใจผิดบางประการก็ได้ เพราะตอนนั้นไม่ได้คุยให้ละเอียดเพราะเกรงใจท่านอื่นๆจะไม่ได้ถาม
อีกอย่างคือช่วงนี้ผมงานยุ่งๆจะเบลอๆ ทำอะไรผิดต้องขออภัยด้วยครับ

chatchai
ผมไม่เข้าใจครับ ว่าค่าเช่าทำไมเป็นเงินสดจ่าย ผมว่าเงินสดจ่ายน่าจะเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย
ตอบ
คืองี้ครับเขาคำนวณมาให้แล้วว่าค่าเช่าที่เราได้เมื่อเอามาหักเงินที่ต้องผ่อนจ่ายธนาคารแล้วเป็น +2000 บางกรณีก็มีเป็นลบ แล้วแต่เราจะเลือก

chatchai
ที่คุณเขียน ผมว่าตัวเลขมีที่ผิดบางที่นะครับ เช่นราคาบ้านที่บอกว่าได้ส่วนลด 15% จากราคา 500,000 บาท ก็คงจะเหลือ 425,000 บาท คงไม่ใช้ 375,000 บาท
ตอบ
ใช่แล้วครับผมมั่วๆเองเอา .75ไปคูณ ต้อง .85 ไปคูณ บกพร่องโดยสุจริตนะครับ

chatchai
แล้วบอกว่าถ้ากรณีแย่สุด ไม่มีเงินจ่าย ก็แค่บ้านถูกยึด ก็คงไม่ถูกต้องครับ เพราะถ้าบ้านที่เป็นหลักประกันนั้นถูกธนาคารยึดแล้วไปขายต่อ ราคาขายไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ (ซึ่งก็เป็นไปได้ที่สภาพหลักประกันจะเสื่อมลง หรือสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี) ธนาคารก็จะฟ้องร้องคุณเพื่อชดใช้ส่วนที่ขาดครับ

กรณีที่เราต้องการเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในลักษณะนี้ก็เป็นที่ใช้กันทั่วไป คือเราเคยซื้อบ้านมาเมื่อ 5 ปีก่อน ผ่อนกับธนาคารมา 5 ปีแล้ว ถ้าต้องการเงินสดหมุนเวียนเพิ่ม ก็อาจจะนำบ้านไป Refinanace เราก็จะได้เงินสดเพิ่มขึ้นครับ กรณีนี้ทางสหรัฐกำลังเป็นที่นิยม เพราะราคาบ้านพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ชาวสหรัฐเลยนิยมนำบ้านไป Refinance ครับ

ทุกอย่างมีทั้งจุดดีและจุดเสียครับ อย่ามองแต่จุดดี เวลาเศรษฐกิจดี คนเราก็มองแต่ด้านดี ด้านที่ได้กำไร ไม่เคยมองด้านเสีย เหมือนช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่ ผู้คนจำนวนมากมักจะกู้เงินนอกมาฝากบ้าง มาซื้อหุ้นบ้าง โดยคิดว่ายังไงค่าเงินบาทก็จะไม่ลดลง

ขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากครับ อย่างที่ว่าล่ะครับ ผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ ผมแค่เข้าใจว่าธนาคารเขาจะคิดราคาบ้านให้เท่ากับราคาประเมิน ไม่ทราบมาก่อนว่าเขาจะปรับเราเพิ่มถ้าไม่ได้เงินคืนเท่ากับเงินที่กู้ไป อย่างก่อนลงทุนหุ้นผมก็ไม่ทราบว่าเมื่อเราให้โอนเงินปันผลผ่านบัญชีธนาคารแล้ว ไม่ใช่ว่าหุ้นทุกตัวในตลาดจะร่วมกับวิธีนี้ บางตัวเช่น fancy ก็จ่ายเป็นเช็คเท่านั้น และมีเรื่องอีกหลายๆเรื่องที่ผมได้เรียนรู้จากการปฎิบัติจริง ขอบคุณมากครับ
ตอบ
อสังหาข้อดีที่ผมพบและเข้าใจนั้นคือ เราไม่ต้องลงเงินเองหมด ที่ผมยกตัวอย่างการเอาเงินสดมาลงทุนต่อเพราะผมเองไม่เคยให้ใครเช่าอสังหา และคาดว่าการให้เช่านั้นคงลำบากคล้ายๆกับการทำธุรกิจส่วนหนึ่ง อีกทั้งไม่รู้จักใครที่ถนัดในเรื่องนี้ และส่วนตัวผมก็มั่นใจในการลงทุนในหุ้นของตัวเองด้วย เลยอยากหาวิธีเอาเงินสดที่ต้นทุนไม่สูงนักมาลงทุน อ้อ อีกอย่างถ้าให้เช่าแล้วได้กระแสเงินสดเป็นบวกโดยผู้เช่าเป็นผู้เช่าที่ดีตลอดเมื่อเราผ่อนครบเราก็ได้ทรัพย์สินมาด้วย เข้าใจไหมครับ เช่นดาวน์ 50000 ผ่อนเสร็จได้อสังหา 500000 มาครอบครอง โดยได้กระแสเงินสดต่อเดือนซัก 2000 คิดเป็นROI ก็ 2000*12/50000=48% และสามารถเอากระแสเงินสดไปลงทุนต่อได้ อะไรทำนองนี้

harry
เกมนี้ดีมากครับ
แต่ไม่ควรทำตามทุกอย่าง เพราะที่เมกา กับ ประเทศไทย ไม่เหมือนกัน และเค้าก็มีหนังสือของคนที่เอาแนวคิดไปใช้ในประเทศของตนออกมาให้อ่านด้วยนะ
เอาแนวคิดมาประยุกต์ใช้ครับ
ตอบ
เห็นด้วยครับแต่การพูดของคุณ Harry ที่ว่าเมกากับไทยต่างกัน ฟังดูแล้วเป็น negative thinking นะครับ แต่ก่อนผมก็ชอบโทษแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมว่าเรามาหาข้อดีของความแตกต่างแล้วมาประยุกต์กับที่ๆเราอยู่ดีกว่า อย่างเช่นภาษีในการซื้อขายหลักทรัพย์ของเราก็ถูกกว่าเขา พวกผลประโยชน์จากการเครดิตภาษีเงินปันผลคืนก็ดีกว่า ข้อเสียถ้าเราสามารถแก้ได้ก็ดี ไม่ได้ก็เลี่ยงๆมันเถอะครับ
ผมเห็นด้วยที่ว่าบางแนวคิดไม่ได้ work สำหรับทุกคนเช่นการเล่นหุ้นในเกมส์ 202 เป็นการเก็งกำไรโดยแท้ แต่ก็ซับซ้อนขึ้นสนุกดี
ผมว่าคนเราทุกคนต่างมี circle of competance ของตัวเอง เช่นโรเบิร์ตโดยส่วนตัวผมว่าเขาไม่ถนัดเรื่องการทำกำไรจากหุ้น
ทักษิณเอง ก็คงรู้บางเรื่องแต่ไม่ได้รู้ทุกเรื่องเช่นกัน ผมว่าเขาน่าจะอ่านหนังสือของบัฟเฟตบ้างนะ นอกจากจะทำให้มีมุมมองด้านการลงทุนที่ดีขึ้นแล้วก็ทำให้จริยธรรมในตัวเราดีขึ้นด้วย ไม่เห็นทักษิณแนะนำหนังสือเกี่ยวกับบัฟเฟตเลย เพื่อนๆว่าหนังสือที่คนเราอ่านสามารถบ่งบอกนิสัยคนได้ไหมครับ.................

NYU
สิ่งที่สำัคัญที่สุดของอสังหาฯ ก็คือกระแสเงินสดที่เป็นบวกนะครับ
ขอย้ำ
ถ้าผ่านข้อนี้แล้ว
อย่างอื่นก็เป็นของแถม
ตอบ
อันนี้ผมเห็นต่างหน่อยครับเช่น ในเกมส์มีสถานการณือย่างนี้ครับและผมก็เอาครับ ราคา 500000 ดาวน์ 0 จำนอง 500000 รายได้ -1000
เริ่มเล่นแรกๆผมก็ไม่เอา แต่เมื่อเล่นนานขึ้นจะเห็นข้อดีเมื่อเปิดการซื้อขายและขายบ้านหลังนี้ได้ครับ ลองคิดว่าคุณกู้ 50000 ดบ.ก็ 5000 ครับ แต่นี่รายได้แค่ -1000 ผมเอาครับ มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ.............

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 29, 2005 3:10 pm
โดย CK
ผมอ่านริชแด๊ดแล้วได้ไอเดียดังนี้ครับ อาจจะไม่เหมือนกับคนอื่นๆ สักเท่าไหร่

1. โอกาสเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นเองกับเฉพาะบางคน
2. เมื่อสร้างโอกาสแล้ว ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ให้ได้
3. ขยัน+ขยาย = รวย

ส่วนอื่นๆ ผมว่าเป็นน้ำจิ้ม ที่เขียนเพื่อให้หนังสือขายได้ครับ

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 29, 2005 3:24 pm
โดย NYU
ztep เขียน:

NYU
สิ่งที่สำัคัญที่สุดของอสังหาฯ ก็คือกระแสเงินสดที่เป็นบวกนะครับ
ขอย้ำ
ถ้าผ่านข้อนี้แล้ว
อย่างอื่นก็เป็นของแถม
ตอบ
อันนี้ผมเห็นต่างหน่อยครับเช่น ในเกมส์มีสถานการณือย่างนี้ครับและผมก็เอาครับ ราคา 500000 ดาวน์ 0 จำนอง 500000 รายได้ -1000
เริ่มเล่นแรกๆผมก็ไม่เอา แต่เมื่อเล่นนานขึ้นจะเห็นข้อดีเมื่อเปิดการซื้อขายและขายบ้านหลังนี้ได้ครับ ลองคิดว่าคุณกู้ 50000 ดบ.ก็ 5000 ครับ แต่นี่รายได้แค่ -1000 ผมเอาครับ มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ.............
ตอบคุณ ztep

ผมว่าการลงทุนในอสังหาฯ ก็คล้ายๆกับการลงทุนในหุ้น
ตรงที่ว่า
ถ้าเรารู้ว่าเราต้องเสียกระแสเงินสดทุกเดือน -1000บาท
ก็เหมือนกับบริษัทฯที่ต้องมีกระแสเงินสดเป็นลบจากการดำเนินงานทุกเดือน
หรือเหมือนกับว่าเราขายของแล้วขาดทุนทุกเดือน
ผมคิดว่าบริษัทฯนี้มีปัจจัยพื้นฐานที่ไม่ดี ไม่น่าลงทุน

ถ้าเราซื้อเพื่อหวังว่าเราจะขายบ้านไ้ด้สูงขึ้นในอนาคต
ถ้าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น
ก็จะคล้ายๆกับเราซื้อหุ้นเน่าในช่วงกระทิง

แต่ผมจะซื้อก็ต่อเมื่อกระแสเงินสดโดยรวมของผมเป็นบวก
คือผมอาจจะมีรายได้จากบ้านเช่าที่อื่นอยู่แล้วเอามาโป๊ว
เช่นผมอาจจะมีบ้านเช่าที่มีรายได้ +5000 บาท
กระแสเงินสดโดยรวมก็จะเป็น +4000 บาท
และคิดว่าบ้านหลังนี้อยู่ในทำเลที่ดี
หรืออาจปรับปรุงบ้านให้ดูทันสมัย
แล้วค่อยปล่อยเช่าเพื่อให้ได้กระแสเงินสดที่เป็นบวก
และเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้น
ผมถึงจะลงทุนในบ้านหลังนี้ครับ
อันนี้อาจจะเปรียบเหมือนซื้อหุ้นในหมวดฟื้นฟูที่มีสิทธจะ return
กลับมาทำกำไร

อีกอย่างนึงผมยังไม่คิดว่าเกมส์ 202 จะเกี่ยวกับการเก็งกำไรอย่างเดียวนะครับ
เพราะตัวโรเบิร์ต เองมองทั้งปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคผสมกันครับ
ผมเองก็เพิ่งเริ่มลงทุนไม่ถึง 2 ปี
แต่พยายามศึกษาให้มากที่สุด และลองทำดูครับ
ถ้ามีความเห็นอื่น ก็แชร์กันได้นะครับ
อยากฟังเช่นกัน

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 29, 2005 7:32 pm
โดย ztep
:P คุณ Nyu ครับ ไม่ทราบว่าคุณคิดว่าโอกาสที่จะมีให้เลือก 2 แบบใน 202 ถ้าจำไม่ผิดอันที่เขียนว่า Capital gain นั้นเก็งกำไรล้วนๆครับ เพราะไม่มีการให้ข้อมูลของบริษัทเลย มีแค่กราฟของราคาหุ้นเท่านั้น คือผมเล่นแต่แบบ CD นะครับ ไม่รู้แบบกระดานจะเป็นอย่างไรบ้าง ผมว่าจากในเกมส์แนวคิดของโรเบิร์ตเขาทำให้หุ้นเป็นแค่การเก็งกำไรน่ะครับ แต่รวมๆแล้วเกมส์นี้ก็ซับซ้อนและสนุกกว่าเกมส์เศรษฐีมากครับ
ส่วนเรื่องรายได้ -1000 ถ้าอยู่ในเกมส์ผมสนครับ แต่ในชีวิตจริงต้องคิดดูอีกทีครับ เพราะมีปัจจัยที่มาเกี่ยวข้องมากกว่าในเกมส์ แต่ในเกมส์นั้นมีโอกาสที่จะได้สูงจากการ์ดซื้อขายครับ แล้วแต่จะคิดนะครับ ผมอาจจะผิดก็ได้ครับ :lol:

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 29, 2005 7:38 pm
โดย ztep
:P จากที่ผมอ่านผมได้แง่คิด......

1.โอกาสอาจผ่านเข้ามาหาเรา แต่คนที่มีความรู้ทางการเงินดี จะสามารถคว้าโอกาสที่ดีไว้ได้
2. คนเรามักจะทำงานเพื่อเงิน และไม่ได้ใช้ให้เงินทำงานให้
เพราะ 3. คนเรามักจะชอบสร้างหนี้สินแล้วคิดว่ามันคือทรัพย์สิน
:lol:

Richdad Poordad

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 10:21 am
โดย NYU
ztep เขียน::P คุณ Nyu ครับ ไม่ทราบว่าคุณคิดว่าโอกาสที่จะมีให้เลือก 2 แบบใน 202 ถ้าจำไม่ผิดอันที่เขียนว่า Capital gain นั้นเก็งกำไรล้วนๆครับ เพราะไม่มีการให้ข้อมูลของบริษัทเลย มีแค่กราฟของราคาหุ้นเท่านั้น คือผมเล่นแต่แบบ CD นะครับ ไม่รู้แบบกระดานจะเป็นอย่างไรบ้าง ผมว่าจากในเกมส์แนวคิดของโรเบิร์ตเขาทำให้หุ้นเป็นแค่การเก็งกำไรน่ะครับ แต่รวมๆแล้วเกมส์นี้ก็ซับซ้อนและสนุกกว่าเกมส์เศรษฐีมากครับ
ส่วนเรื่องรายได้ -1000 ถ้าอยู่ในเกมส์ผมสนครับ แต่ในชีวิตจริงต้องคิดดูอีกทีครับ เพราะมีปัจจัยที่มาเกี่ยวข้องมากกว่าในเกมส์ แต่ในเกมส์นั้นมีโอกาสที่จะได้สูงจากการ์ดซื้อขายครับ แล้วแต่จะคิดนะครับ ผมอาจจะผิดก็ได้ครับ :lol:
ผมว่าแล้วเชียวว่าเราต้องเข้าใจอะไรบางอย่างไม่ตรงกัน
ที่ผมเขียนไปนี่ผมหมายถึงในชีวิตจริงนะครับ
ไม่ใช่การเอาชนะเกมส์อย่างเดียว
ผมถึงชอบเล่น 202 มากกว่า
แต่ไม่ใช่ว่า 101 ไม่ดีนะครับ
เพียงแต่โรเบิร์ตต้องการทำให้มันง่าย
ทำให้คนส่วนใหญ่ยังสามารถเอาชนะได้
และจำลองสถานะการณ์ว่าเป็นช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น

ผมได้สมัคร richdadthai.com ไว้แล้วครับ
เราอาจจะไปคุยที่นั่นดีกว่า
เพราะพี่ๆหลายคนอาจจะไม่สนใจเกี่ยวกับเกมส์นี้นะครับ
แต่ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับชีวิตจริง
ผมก็อยากได้ความรู้จากทุกท่านในที่นี้เหมือนกัน
อย่างเช่นพี่ฉัตรชัยบอกเกี่ยวกับการกู้แบงค์นะครับ
เพราะผมก็ยังไม่เคยกู้เหมือนกัน :oops: