Thai VI

1.เงินอ่อน เจอราคาวัถตุดิบราคาแพงขึ้น
2.พลังงานสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
3.ถ้าน้ำขาดจริง เหล็กใช้น้ำในการผลิตมากไหมคับ
4.ช่วงภาวะผันผวน ร้านค้ามักไม่สต๊อกสินค้า กัน ยอดขาย
ภายในประเทศจะเป็นอย่างไรคับ
5.ต่างประเทศโรงเหล็กหลายที่ ที่ขยายากรผลิตเริ่มผลิตสินค้า
มาในตลาดมากขึ้น


อืม ปลายปีจะเป็นไงต่อคับ
เรียนถามผู้รู้

อย่าลืมนะคุณ hot มีเมกกะโปรเจ็ก อยู่ครับ

แต่ที่น่ากลัวคือ เปิดเสรีเรื่องเหล็ก รับรองผู้ประกอบการเดี้ยงแน่ ปรับตัวยังไงก้ปรับไม่ทัน โดยเฉพาะเหล็กในอุตสาหกรรมผลิตรถ, ส่วนก่อสร้างคงได้รับผลกระทบไม่มากนักเนื่องจากเหล็กที่ใช้ต้องผ่านมาตราฐาน มอก. ของไทยเท่านั้น (หากภาษีลดเป็น 0 ในทันที)


ข่าวดีอีกอย่างคือ FTA ไทย-ญี่ปุ่น ตัดรายการข้าวไทยออกไปแล้วครับ ในการเจรจา
ผมกำลังรอดูเดือนหน้าอยู่ ดูว่าผลสรุป FTA เป็นในรูปแบบไหน

ทีแรกผมกำลังคิดว่ากลุ่มเหล็กจะ โชคดี เสียทีหลังจากผ่านวิกฤติ เป็นหนี้เพราะค่าเงินบาทมาได้ ผ่านทุกข์มาน่าจะสุขเสียที
คงจะดีขึ้น แต่มาดูปัจจุบัน เหมือนหนีเสือปะจระเข้าอย่างไงอยู่นะ

เหล็กใช้น้ำผลิตเยอะครับ อาทิตย์หน้าเห็นว่า MS อาจจะต้องลดกำลังการผลิตลงเล็กน้อย
ราคาขายเหล็กตอนนี้ก็ลดลงเรื่อยๆครับ ในขณะที่ต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อนผมบอกมาว่าตอนนี้โรงเหล็กตุนสินค้าครับ
ไม่ยอมขายออกมา เพราะกลัวว่าขายออกมาราคาจะตกลงไปอีก

yoyo เขียน:ราคาขายเหล็กตอนนี้ก็ลดลงเรื่อยๆครับ ในขณะที่ต้นทุนสูงขึ้นเรื่อยๆ

ต้นทุนในที่นี้หมายถึงต้นทุนอะไรครับ?

เหล็กวัตถุดิบ เชื้อเพลิง หรืออะไรครับ?

ต้นทุนรวมๆครับ
ผมไม่ได้ตามละเอียดมาก แต่เรื่องพลังงานนี่คงเพิ่มขึ้นแน่ๆครับ
ผลิตเหล็กใช้ไฟฟ้าผลิตสูงมาก
ค่าขนส่งก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน

ถ้าไม่มี FTA โครงสร้างภาษีของประเทศไทยก็ลดภาษีเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรกล กระป๋องบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ มิฉะนั้นแล้วต้นทุนในการผลิตสินค้าดังกล่าวก็สูงกว่าประเทศอื่น ไม่สามารถแข่งขันได้ อัตราภาษีเฉลี่ยของเราในเอเซียสูงเป็นรองอินเดียเท่านั้นเองนะครับ ถ้าไม่มี FTA ถ้าเจรจา WTO ที่ฮ่องกงสำเร็จก็ต้องลดอยู่ดี ถ้าผู้ผลิตเหล็กไม่ปรับตัวให้แข่งขันได้ก็คงแย่ครับ ก็ได้แต่คุยโม้แหละครับ พี่ไทย