Thai VI

ทั้งที่ประหยัดนํามันสุดๆ

อย่าง Civic Hybrid 1แกลลอน วิ่งได้ถึง 48 ไมล์

Toyota Prius 1 แกลลอน วิ่งได้ถึง 60 ไมล์

แพงครับ เพิ่มส่วน มอเตอร์ คอนโทรลเลอร์(อินเวอร์เตอร์) แบต ต้นทุนของส่วนไฟฟ้า..น่าจะอยู่ในระดับ แสนห้า อย่างต่ำ พวกนี้ช่างซ่อมรถธรรมดาซ่อมไม่ได้
ต้องมีช่างที่เทรนมาต่างหาก

ใช้น้ำมัน 1 แกลลอนจริง
แต่ก็ต้องมีประจุไฟฟ้าในแบต ด้วยการชาร์จด้วยเครื่องยนต์เอง หรือเสียบปลั๊กก็ตามแต่

ToYOTA PRIUS ราคาที่อเมริกา ราว21,000 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยก็ราว850,000บาท

เรื่องช่างนอกศูนย์ซ่อมไม่ได้ ไม่เป็นไร

ขอเพียงแค่ เทรนช่างทุกdealerให้ซ่อมเป็นและมีอะไหล่พร้อมๆหน่อย

ภาษีอีกหล่ะครับ

นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลต้องสนับสนุน

เห็นว่าล่าสุดมีการแก้หลักเกณฑ์เกี่ยวกับภาษีรถที่ประหยัดพลังงานลงมา

แต่ไม่แน่ใจว่าครอบคลุมถึงรถ hybrid ไหม

ไม่น่านะครับ ที่ลดนี่น่าจะเป็นการรองรับ Product Champion ตัวใหม่ (หรือเปล่า)ที่จะมาเสริมรถกระบะขนาด 1 ตัน เฉพาะที่ผลิตในประเทศเช่น ACES Cars ซึ่งยังไม่คลอดซักที

1.รัฐยังไม่สนันสนุนเรื่องนโยบายทางด้านภาษีทำให้ มีต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรสูงอยู่
2.บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องลงทุนเพิ่มใน line การผลิต เกือบจะใหม่ ในบาง line ซึ่งคล้ายกับการ Model change ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม โดยเฉพาะ line ประกอบ
ซึ่งถ้าไม่สามารถทำให้ประกอบ line เดียวกันกับ Model ปกติ ได้ก็จะต้องเพิ่ม line ใหม่ซึ่งตรงนี้หมายถึงการลงทุนเพิ่มอีกมากมาย และถ้าใช้ร่วมกันได้ก็อาจทำให้กำลังการผลิตลดลง ไม่สามารถทำให้กำลังการผลิตเพิ่มได้มาก เนื่องจากต้อง design line ให้ ยึ่ดหยุ่นมากที่สุด
3.บริษัทรถต้องมีต้นทุนในส่วนของการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และเครื่องมือในการซ่อมบำรุงเพิ่มมาก ซึ่งบางอย่างอาจมีราคาสูงและไม่สามารถใช้ร่วมกับรุ่นอื่นได้
4.อาจต้องมีต้นทุนในการทำตลาดค่อนข้างมากเพราะเป็น new tech ซึ่งผู้บริโภครับรู้เฉพาะกลุ่มถ้าขาดการสนับสนุนจากภาครัฐคงยาก เพราะ บริษัทรถไม่สามารถ แบกภาระต้นทุนได้ เนื่องจาก ต้องมียอดการขายให้คุ้มกับเงินลงทุนจำนวนมาก
เท่าที่นึกได้นะครับ พอดีอยู่บริษัทรถ