Water crisis
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 23, 2005 4:50 pm
ข่าวจากกรุงเทพธุรกิจ
ปูนใหญ่รับมือวิกฤติน้ำ ลดผลิตปิโตรเคมี40%
22 มิถุนายน 2548 22:14 น.
'วีนิไทย-กลุ่มปตท.'เตรียมเดินตาม หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น'ไทยซัมมิท'เตรียมสำรองรับมือ
"ทักษิณ" ระบุภาคตะวันออกไม่ขาดน้ำอุตสาหกรรม ยังใช้ได้ 2 เดือน ชี้ผู้ประกอบการเข้าใจไปเอง ลั่นให้เดินหน้าผลิตเต็มที่ รัฐบาลพร้อมเติมหาให้ ขณะที่ปูนใหญ่ลดการผลิตเป็นรายแรก 40% ขณะที่ วีนิไทยกับกลุ่ม ปตท.เตรียมเดินตามหากสถานการณ์รุนแรง "สวัสดิ์" ระบุต่างชาติหวั่นปัญหาน้ำขาดแคลนชะลอลงทุน ร้องเปิดเสรีบริการน้ำภาคตะวันออกแทนผูกขาด
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกใน จ.ระยอง ว่า ขอให้ทุกฝ่ายอย่าวิตก เพราะจะมีน้ำใช้พอเพียงอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการระบุว่าจะมีน้ำใช้เพียง 10 วัน เป็นเพราะผู้ประกอบการไม่ได้ไปดูอ่างเก็บน้ำ เปิดแต่น้ำก๊อกใช้ (โห! พี่แหม้ววว.. โรงงานพันล้าน ใช้น้ำผ่านก๊อก!! ขำขำ) แล้วมาสันนิษฐานว่าน้ำจะน้อยทำให้เกิดความเข้าใจผิด ขอยืนยันว่า น้ำมีพอต่อการผลิตภายในประเทศ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตอุตสาหกรรมแต่อย่างใด
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ได้มีการทำฝนเทียมมาอย่างต่อเนื่อง และความชื้นสัมพัทธ์ในบริเวณดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นมา 70% โดยถือเป็นระดับที่สามารถทำฝนเทียมได้ตลอด และขณะนี้เครื่องบินทำฝนเทียมได้ขึ้นบนแล้ว 40 เที่ยวบิน ส่งผลให้ได้นำเข้าไปในอ่างเก็บน้ำพอสมควร เพราะฉะนั้นอย่างวิตกน้ำพอเพียงแน่นอน ผู้ประกอบการที่ออกมาให้ความเห็นไม่ได้ไปสำรวจอ่างเก็บน้ำ เป็นการสันนิษฐานเองว่าน้ำจะขาดแคลน
"ผู้ประกอบการเข้าใจผิด วันนี้ผมได้อ่านหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวคุณบัณฑิต ทวีคงคา เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ต้องเข้าใจว่า ทั้งกระทรวงเกษตรฯ และอีสท์วอเตอร์ รายงานว่าน้ำพอเพียงไม่ต้องห่วง ยืนยันได้เลยไม่มีปัญหา และไม่ต้องนำเข้าสินค้าบางตัวจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อทดแทนการผลิตที่หายไป ขอบอกว่า น้ำพอผลิตสินค้าในประเทศได้แน่นอน วันนี้น้ำมีแล้ว จากเดิมที่ทุกคนทำท่าวิตกว่าจะขาดแคลนน้ำ วันนี้น้ำที่มีอยู่ สามารถใช้ได้อย่างสบายๆ 2 เดือน ตอนนี้มีการทำฝนเทียม มีน้ำไหลสู่อ่างมากพอสมควร คนไปเข้าใจกันเองว่าจะไม่มีน้ำใช้ ตอนนี้มีเต็มหมดแล้ว ให้ใช้เต็มที่แล้วจะหาน้ำเติมให้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
สำหรับเรื่องระดับน้ำในอ่างที่ไม่เพียงพอนั้น นายกฯกล่าวว่า อ่างเก็บน้ำไม่เคยมีน้ำเต็มอยู่แล้ว แต่เรามีการเติมอยู่ตลอด เรามีช่องทางเตรียมน้ำ แม้แต่น้ำใต้ดินก็เตรียมแล้ว ดังนั้น ถ้าคิดว่ามีกำลังผลิตเท่าไร และคิดว่าขายได้ ก็ขอให้ผลิตสินค้าอย่างเต็มที่ วันนี้รัฐบาลได้เตรียมทางแก้ปัญหาไว้แล้ว เช่น การมอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หาแหล่งน้ำใต้ดิน
กนอ.ยันผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องลดกำลังการผลิต
นายอุทัย จันทิมา ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง และนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ทราบ ปริมาณน้ำเพื่ออุตสาหกรรมที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กนอ.และบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด หรืออีสท์ วอเตอร์ ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ยังมีเพียงพอใช้ และไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ ซึ่งผู้ประกอบการทุกโรงงานที่ตั้งในนิคมอุตสาหกรมทั้งสองแห่ง ไม่จำเป็นต้องลดกำลังการผลิตในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากต้องการมีส่วนร่วมในการประหยัดน้ำอุตสาหกรรม ก็สามารถดำเนินการได้ เช่น การเลื่อนเวลาหยุดซ่อมโรงงานประจำปีที่เกือบทุกโรงงานจะหยุดซ่อมในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ อาจเปลี่ยนมาหยุดซ่อมประจำปีในเดือน ก.ค.-ส.ค.แทน แต่หากไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงเวลาการหยุดซ่อมประจำปี ก็ไม่จำเป็นต้องหยุดซ่อมในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.นี้
คาดใช้งบ2พันล้านแก้ปัญหาระยะสั้น-ยาว
ทั้งนี้ กนอ.ไม่ได้มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการลดใช้น้ำให้เหลือเพียง 40% ทำให้โรงงานต้องลดกำลังการผลิตลง เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจและนโยบายของบริษัท ยืนยันว่า ทุกบริษัทสามารถใช้น้ำได้ตามปกติไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ อย่างไรก็ตาม การประเมินในเบื้องต้น คาดว่า จะใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาทในการดำเนินมาตรการทั้งในระยะสั้นและยาวในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ
สำหรับแผนแก้ไขปัญหาการขาดน้ำระยะยาว กรมชลประทานและอีสท์ วอเตอร์ จะเร่งต่อท่อส่งน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเพื่อผันน้ำมาใส่ในอ่างเก็บน้ำบางพระ และอ่างดอกกราย อ่างหนองปลาไหล จ.ชลบุรีแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.2549 ใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท ระยะทาง 7 กิโลเมตร เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้ปริมาณน้ำในอ่างหนองปลาไหลมีน้ำสะสม 163 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี อ่างดอกกรายมี 71 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เป็นต้น
"ปูนใหญ่"ประเดิมรายแรกลด40%
นายกานต์ ตระกูลฮุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า สืบเนื่องจากภาวะขาดแคลนน้ำของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งเกิดจากปัญหาภัยแล้งที่ทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำที่ส่งเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีผลกระทบต่อการผลิตของอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมและบริเวณโดยรอบ ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อุตสาหกรรมต่างๆ จึงจำเป็นต้องลดปริมาณการใช้น้ำ และลดกำลังการผลิตลง
ทั้งนี้ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ขอแจ้งให้ทราบว่า ธุรกิจปิโตรเคมีของบริษัท ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จำเป็นต้องลดปริมาณการใช้น้ำ และลดกำลังการผลิตในสายการผลิตต่างๆ ลงประมาณ 40% ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน 2548 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ภาวะการขาดแคลนน้ำในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีผลกระทบกับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่นั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ค่ายอื่นเตรียมลดตามหากถึงขั้นรุนแรง
ด้าน ดร.สันติสุข สงวนเรือง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วีนิไทย (VNT) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาหาทางแก้ไขสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ และทางโรงงานผลิตอาจจะพิจารณาลดกำลังการผลิตหากภัยแล้งถ้าหากพบว่ารุนแรงมากกว่านี้ แต่ปัจจุบันยังเดินเครื่องตามปกติ ซึ่งยอมรับว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้บริษัทได้รับผลกระทบเหมือนกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน
แหล่งข่าวผู้บริหารของบริษัท ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า ธุรกิจกลุ่มปิโตรเคมีของบริษัท ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะการขาดแคลนน้ำพอสมควร แต่บริษัทยังไม่มีการลดกำลังการผลิต แต่ถ้าหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น คาดว่าจะต้องลดกำลังการผลิตลงบ้าง ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบเหมือนกับบริษัทอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องของภาพรวมมากกว่า ซึ่งภาครัฐควรจะหาวิธีการหาทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมให้กับภาคเอกชนด้วย
"บริษัทอาจจะต้องลดกำลังการผลิตลงไปบ้าง เพราะทุกคนได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาทางแก้ไข และทางการน่าจะหามาตรการมาช่วยเหลือ ดังนั้น ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไม่น่าจะรุนแรงกับ ปตท.มากนัก" แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัท ไทยออยล์ (TOP) ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากมีโรงงานที่สามารถปรับสภาพน้ำจากน้ำทะเลเป็นน้ำจืด จึงไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท อย่างไรก็ตาม การที่ ปตท.มีบริษัทในเครือ และอยู่ในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งหลายแห่ง ทำให้ตอนนี้บริษัทจะต้องหาทางเลือกที่จะใช้ในการแก้ไขปัญหาของตัวเองก่อน
ทีพีไอชี้ 1เดือนฝนไม่ตกผลกระทบรุนแรง
ด้านแหล่งข่าวจากผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) ระบุว่า บริษัทอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออก หากฝนไม่ตกลงมาในช่วง 1 เดือนหลังจากนี้ โดยขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนลดกำลังผลิต อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนนี้ ยังไม่กระทบ แต่หลังจาก 1 เดือนไปแล้ว ถ้าฝนไม่ตก กระทบแน่ กระทบมาก และกระทบทุกราย
เขากล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายบริหารของทีพีไอ กำลังพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่อรองรับกรณีที่ฝนไม่ตกลงมาในช่วง 1 เดือนหลังจากนี้ โดยในวันที่ 27 มิ.ย.นี้บริษัทจะได้รับการจ่ายน้ำลดลง ซึ่งเป็นไปตามมาตรการประหยัดการใช้น้ำของทางการ แต่ก็ยังบริหารจัดการการใช้น้ำในโรงงานได้ และมีปริมาณน้ำสำรองเพียงพอที่จะผลิตตามกำลังผลิตปัจจุบันได้
ปัจจุบัน ทีพีไอ มีปริมาณใช้น้ำ 4-5 หมื่นลูกบาศก์เมตร/วัน และมีกำลังกลั่นน้ำมันที่ 1.8 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่มีกำลังผลิตปิโตรเคมีที่ 100% และยังไม่มีการลดกำลังผลิต
'สวัสดิ์'ชี้ต่างชาติหวั่นปัญหาน้ำชะลอลงทุน
นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง นายกสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นเอสเอ็ม และเอ็มเอสสตีลกรุ๊ป กล่าวว่า จากปัญหาภัยแล้งภาคตะวันออก ทำให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในไทย โดยได้มีการสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก ว่า น้ำในภาคตะวันออกเพียงพอหรือไม่ และแนวโน้มในอนาคตเป็นอย่างไร ซึ่งความจริงแล้วน้ำในระยองนั้นมีเพียงพอ แต่ขาดการจัดการที่ดี ขาดการเชื่อมโยง ซึ่งหากภาครัฐ-เอกชนตื่นตัวกัน เร่งสร้างท่อน้ำเชื่อมโยงแหล่งน้ำต่างๆ เช่น อ่างประแสร์ แม่น้ำบางปะกง อ่างดอกกราย อ่างหนองปลาไหล หนองค้อ บางพระ ฯลฯ น้ำก็จะมีอย่างเพียงพอ
"ที่ผ่านมา กรมชลประทานกับอีสท์ วอเตอร์ ไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการสร้างท่อส่งน้ำ ที่จะเชื่อมโยงอ่างประแสร์ไปดอกกราย และการสร้างท่อน้ำจากแม่น้ำบางปะกง เงินลงทุนโครงการละกว่า 2,000 ล้านบาท จึงทำให้เรื่องล่าช้ามานานนับปี และหากมีการเปิดให้เกิดการบริการน้ำดิบเพื่ออุตสาหกรรมมีการแข่งขัน จากที่ปัจจุบันมีอีสท์ วอเตอร์ เพียงรายเดียว ก็น่าจะทำให้เกิดการแข่งขันด้านการบริการที่ดีขึ้น" นายสวัสดิ์ กล่าว
นายสวัสดิ์ กล่าวว่า บริษัทเหล็กในเครือไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด เนื่องจากมีการศึกษาเรื่องแหล่งน้ำ และวางแผนขุดบ่อน้ำไว้จนเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วการวางแผนเชื่อมโยงท่อน้ำในภาคตะวันออกนั้น นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ศึกษาและดำเนินการมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการสานต่อ จนเกิดปัญหาความเสียหายในวันนี้
มิตซูบิชิรอมาตรการประชุมร่วมนิคม
นายชัชรินทร์ วงศ์สงวน ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ซึ่งมีโรงงานหลักอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง กล่าวว่า ผลกระทบของปัญหาน้ำที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน เนื่องจากต้องรอการประชุมร่วมกับ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ที่ได้เชิญตัวแทนผู้ประกอบการโรงงานในนิคมเข้าร่วมประชุมหารือช่วงบ่ายวานนี้ (22 มิ.ย.) โดยให้แต่ละโรงงานนำเสนอรายละเอียดการใช้น้ำมาว่าเป็นอย่างไร จากนั้นทางนิคมก็จะนำไปใช้ในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่สร้างผลกระทบโดยรวมมากนัก
ทั้งนี้ สำหรับภาคการผลิตรถยนต์โดยทั่วไป จะใช้น้ำเป็นองค์ประกอบไม่มากนัก โดยส่วนที่จะต้องใช้งานหลักๆคือ โรงงานสี และส่วนทดสอบคุณภาพการรั่วซึมของตัวถังเท่านั้น
สำหรับโรงงานมิตซูบิชิ มีกำลังการผลิตเต็มที่ประมาณ 1 หมื่นคัน/เดือน ปัจจุบันทำการผลิตรถยนต์นั่ง แลนเซอร์ และรถปิกอัพ สตราดา สำหรับป้อนตลาดในประเทศและส่งออก
ไทยซัมมิท เตรียมสำรองน้ำรับวิกฤติ
นายสาโรจน์ วสุวานิช รองประธาน และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส ในเครือไทยซัมมิท กรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ กล่าวว่า ถ้าปัญหาขาดแคลนน้ำยังไม่ได้รับการแก้ไข เท่าที่ประเมินเบื้องต้น คาดว่า น้ำที่มีอยู่ตอนนี้น่าจะใช้ไปได้จนถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้น และตอนนี้ได้เตรียมแท็งก์ขนาดใหญ่สำหรับกักเก็บน้ำไว้แล้วกว่า 120,000 ลิตร เพื่อรับวิกฤติที่จะเกิดขึ้น ซึ่งน้ำปริมาณขนาดนี้สามารถใช้ในโรงงานทั้ง 6 บริษัทของไทยซัมมิท ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ได้ประมาณ 2 วันเท่านั้น โดยวิธีการแก้ปัญหาคงทำด้วยการลำเลียงน้ำด้วยรถบรรทุกน้ำเข้ามาเก็บไว้ในทุกๆ วัน
โรงงานทั้ง 6 แห่งของไทยซัมมิท ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ได้แก่ บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด บริษัทไทยซัมมิท เทป จำกัด บริษัท ไทยซัมมิท คอนเนคเตอร์ จำกัด บริษัท ไทยซัมมิท มิตซูบะ จำกัด บริษัท ไทยซัมมิท แหลมฉบัง จำกัด และบริษัท ไทยซัมมิท พีเคเค จำกัด ทั้งหมดล้วนแต่เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ และอุปสงค์ในการใช้น้ำของโรงงานนั้นจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอุปโภค-บริโภค และการระบายความร้อนของเครื่องจักรอุตสาหกรรม คิดเป็นสัดส่วนทั้งหมด 2% ของวัตถุดิบโดยรวม ถึงแม้ว่าจะเป็นสัดส่วนที่น้อยแต่ก็เป็นสัดส่วนที่จำเป็นอย่างมากในกระบวนการผลิตสินค้า และตอนนี้ทางไทยซัมมิทก็กำลังเตรียมที่จะสต็อกน้ำไว้ล่วงหน้าแล้ว
ปูนใหญ่รับมือวิกฤติน้ำ ลดผลิตปิโตรเคมี40%
22 มิถุนายน 2548 22:14 น.
'วีนิไทย-กลุ่มปตท.'เตรียมเดินตาม หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น'ไทยซัมมิท'เตรียมสำรองรับมือ
"ทักษิณ" ระบุภาคตะวันออกไม่ขาดน้ำอุตสาหกรรม ยังใช้ได้ 2 เดือน ชี้ผู้ประกอบการเข้าใจไปเอง ลั่นให้เดินหน้าผลิตเต็มที่ รัฐบาลพร้อมเติมหาให้ ขณะที่ปูนใหญ่ลดการผลิตเป็นรายแรก 40% ขณะที่ วีนิไทยกับกลุ่ม ปตท.เตรียมเดินตามหากสถานการณ์รุนแรง "สวัสดิ์" ระบุต่างชาติหวั่นปัญหาน้ำขาดแคลนชะลอลงทุน ร้องเปิดเสรีบริการน้ำภาคตะวันออกแทนผูกขาด
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกใน จ.ระยอง ว่า ขอให้ทุกฝ่ายอย่าวิตก เพราะจะมีน้ำใช้พอเพียงอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการระบุว่าจะมีน้ำใช้เพียง 10 วัน เป็นเพราะผู้ประกอบการไม่ได้ไปดูอ่างเก็บน้ำ เปิดแต่น้ำก๊อกใช้ (โห! พี่แหม้ววว.. โรงงานพันล้าน ใช้น้ำผ่านก๊อก!! ขำขำ) แล้วมาสันนิษฐานว่าน้ำจะน้อยทำให้เกิดความเข้าใจผิด ขอยืนยันว่า น้ำมีพอต่อการผลิตภายในประเทศ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตอุตสาหกรรมแต่อย่างใด
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ได้มีการทำฝนเทียมมาอย่างต่อเนื่อง และความชื้นสัมพัทธ์ในบริเวณดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นมา 70% โดยถือเป็นระดับที่สามารถทำฝนเทียมได้ตลอด และขณะนี้เครื่องบินทำฝนเทียมได้ขึ้นบนแล้ว 40 เที่ยวบิน ส่งผลให้ได้นำเข้าไปในอ่างเก็บน้ำพอสมควร เพราะฉะนั้นอย่างวิตกน้ำพอเพียงแน่นอน ผู้ประกอบการที่ออกมาให้ความเห็นไม่ได้ไปสำรวจอ่างเก็บน้ำ เป็นการสันนิษฐานเองว่าน้ำจะขาดแคลน
"ผู้ประกอบการเข้าใจผิด วันนี้ผมได้อ่านหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวคุณบัณฑิต ทวีคงคา เลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ต้องเข้าใจว่า ทั้งกระทรวงเกษตรฯ และอีสท์วอเตอร์ รายงานว่าน้ำพอเพียงไม่ต้องห่วง ยืนยันได้เลยไม่มีปัญหา และไม่ต้องนำเข้าสินค้าบางตัวจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อทดแทนการผลิตที่หายไป ขอบอกว่า น้ำพอผลิตสินค้าในประเทศได้แน่นอน วันนี้น้ำมีแล้ว จากเดิมที่ทุกคนทำท่าวิตกว่าจะขาดแคลนน้ำ วันนี้น้ำที่มีอยู่ สามารถใช้ได้อย่างสบายๆ 2 เดือน ตอนนี้มีการทำฝนเทียม มีน้ำไหลสู่อ่างมากพอสมควร คนไปเข้าใจกันเองว่าจะไม่มีน้ำใช้ ตอนนี้มีเต็มหมดแล้ว ให้ใช้เต็มที่แล้วจะหาน้ำเติมให้" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
สำหรับเรื่องระดับน้ำในอ่างที่ไม่เพียงพอนั้น นายกฯกล่าวว่า อ่างเก็บน้ำไม่เคยมีน้ำเต็มอยู่แล้ว แต่เรามีการเติมอยู่ตลอด เรามีช่องทางเตรียมน้ำ แม้แต่น้ำใต้ดินก็เตรียมแล้ว ดังนั้น ถ้าคิดว่ามีกำลังผลิตเท่าไร และคิดว่าขายได้ ก็ขอให้ผลิตสินค้าอย่างเต็มที่ วันนี้รัฐบาลได้เตรียมทางแก้ปัญหาไว้แล้ว เช่น การมอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หาแหล่งน้ำใต้ดิน
กนอ.ยันผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องลดกำลังการผลิต
นายอุทัย จันทิมา ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง และนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ทราบ ปริมาณน้ำเพื่ออุตสาหกรรมที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กนอ.และบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด หรืออีสท์ วอเตอร์ ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ยังมีเพียงพอใช้ และไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ ซึ่งผู้ประกอบการทุกโรงงานที่ตั้งในนิคมอุตสาหกรมทั้งสองแห่ง ไม่จำเป็นต้องลดกำลังการผลิตในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากต้องการมีส่วนร่วมในการประหยัดน้ำอุตสาหกรรม ก็สามารถดำเนินการได้ เช่น การเลื่อนเวลาหยุดซ่อมโรงงานประจำปีที่เกือบทุกโรงงานจะหยุดซ่อมในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ อาจเปลี่ยนมาหยุดซ่อมประจำปีในเดือน ก.ค.-ส.ค.แทน แต่หากไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงเวลาการหยุดซ่อมประจำปี ก็ไม่จำเป็นต้องหยุดซ่อมในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.นี้
คาดใช้งบ2พันล้านแก้ปัญหาระยะสั้น-ยาว
ทั้งนี้ กนอ.ไม่ได้มีคำสั่งให้ผู้ประกอบการลดใช้น้ำให้เหลือเพียง 40% ทำให้โรงงานต้องลดกำลังการผลิตลง เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจและนโยบายของบริษัท ยืนยันว่า ทุกบริษัทสามารถใช้น้ำได้ตามปกติไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำ อย่างไรก็ตาม การประเมินในเบื้องต้น คาดว่า จะใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาทในการดำเนินมาตรการทั้งในระยะสั้นและยาวในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ
สำหรับแผนแก้ไขปัญหาการขาดน้ำระยะยาว กรมชลประทานและอีสท์ วอเตอร์ จะเร่งต่อท่อส่งน้ำจากแม่น้ำบางปะกงเพื่อผันน้ำมาใส่ในอ่างเก็บน้ำบางพระ และอ่างดอกกราย อ่างหนองปลาไหล จ.ชลบุรีแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.2549 ใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท ระยะทาง 7 กิโลเมตร เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้ปริมาณน้ำในอ่างหนองปลาไหลมีน้ำสะสม 163 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี อ่างดอกกรายมี 71 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เป็นต้น
"ปูนใหญ่"ประเดิมรายแรกลด40%
นายกานต์ ตระกูลฮุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า สืบเนื่องจากภาวะขาดแคลนน้ำของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งเกิดจากปัญหาภัยแล้งที่ทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำที่ส่งเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีผลกระทบต่อการผลิตของอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมและบริเวณโดยรอบ ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อุตสาหกรรมต่างๆ จึงจำเป็นต้องลดปริมาณการใช้น้ำ และลดกำลังการผลิตลง
ทั้งนี้ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ขอแจ้งให้ทราบว่า ธุรกิจปิโตรเคมีของบริษัท ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จำเป็นต้องลดปริมาณการใช้น้ำ และลดกำลังการผลิตในสายการผลิตต่างๆ ลงประมาณ 40% ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน 2548 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ภาวะการขาดแคลนน้ำในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีผลกระทบกับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่นั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ค่ายอื่นเตรียมลดตามหากถึงขั้นรุนแรง
ด้าน ดร.สันติสุข สงวนเรือง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วีนิไทย (VNT) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาหาทางแก้ไขสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ และทางโรงงานผลิตอาจจะพิจารณาลดกำลังการผลิตหากภัยแล้งถ้าหากพบว่ารุนแรงมากกว่านี้ แต่ปัจจุบันยังเดินเครื่องตามปกติ ซึ่งยอมรับว่า วิกฤตการณ์ครั้งนี้บริษัทได้รับผลกระทบเหมือนกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน
แหล่งข่าวผู้บริหารของบริษัท ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า ธุรกิจกลุ่มปิโตรเคมีของบริษัท ขณะนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะการขาดแคลนน้ำพอสมควร แต่บริษัทยังไม่มีการลดกำลังการผลิต แต่ถ้าหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น คาดว่าจะต้องลดกำลังการผลิตลงบ้าง ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบเหมือนกับบริษัทอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องของภาพรวมมากกว่า ซึ่งภาครัฐควรจะหาวิธีการหาทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมให้กับภาคเอกชนด้วย
"บริษัทอาจจะต้องลดกำลังการผลิตลงไปบ้าง เพราะทุกคนได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหาทางแก้ไข และทางการน่าจะหามาตรการมาช่วยเหลือ ดังนั้น ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไม่น่าจะรุนแรงกับ ปตท.มากนัก" แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของบริษัท ไทยออยล์ (TOP) ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากมีโรงงานที่สามารถปรับสภาพน้ำจากน้ำทะเลเป็นน้ำจืด จึงไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท อย่างไรก็ตาม การที่ ปตท.มีบริษัทในเครือ และอยู่ในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งหลายแห่ง ทำให้ตอนนี้บริษัทจะต้องหาทางเลือกที่จะใช้ในการแก้ไขปัญหาของตัวเองก่อน
ทีพีไอชี้ 1เดือนฝนไม่ตกผลกระทบรุนแรง
ด้านแหล่งข่าวจากผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย (TPI) ระบุว่า บริษัทอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออก หากฝนไม่ตกลงมาในช่วง 1 เดือนหลังจากนี้ โดยขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนลดกำลังผลิต อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือนนี้ ยังไม่กระทบ แต่หลังจาก 1 เดือนไปแล้ว ถ้าฝนไม่ตก กระทบแน่ กระทบมาก และกระทบทุกราย
เขากล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายบริหารของทีพีไอ กำลังพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่อรองรับกรณีที่ฝนไม่ตกลงมาในช่วง 1 เดือนหลังจากนี้ โดยในวันที่ 27 มิ.ย.นี้บริษัทจะได้รับการจ่ายน้ำลดลง ซึ่งเป็นไปตามมาตรการประหยัดการใช้น้ำของทางการ แต่ก็ยังบริหารจัดการการใช้น้ำในโรงงานได้ และมีปริมาณน้ำสำรองเพียงพอที่จะผลิตตามกำลังผลิตปัจจุบันได้
ปัจจุบัน ทีพีไอ มีปริมาณใช้น้ำ 4-5 หมื่นลูกบาศก์เมตร/วัน และมีกำลังกลั่นน้ำมันที่ 1.8 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่มีกำลังผลิตปิโตรเคมีที่ 100% และยังไม่มีการลดกำลังผลิต
'สวัสดิ์'ชี้ต่างชาติหวั่นปัญหาน้ำชะลอลงทุน
นายสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง นายกสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นเอสเอ็ม และเอ็มเอสสตีลกรุ๊ป กล่าวว่า จากปัญหาภัยแล้งภาคตะวันออก ทำให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในไทย โดยได้มีการสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก ว่า น้ำในภาคตะวันออกเพียงพอหรือไม่ และแนวโน้มในอนาคตเป็นอย่างไร ซึ่งความจริงแล้วน้ำในระยองนั้นมีเพียงพอ แต่ขาดการจัดการที่ดี ขาดการเชื่อมโยง ซึ่งหากภาครัฐ-เอกชนตื่นตัวกัน เร่งสร้างท่อน้ำเชื่อมโยงแหล่งน้ำต่างๆ เช่น อ่างประแสร์ แม่น้ำบางปะกง อ่างดอกกราย อ่างหนองปลาไหล หนองค้อ บางพระ ฯลฯ น้ำก็จะมีอย่างเพียงพอ
"ที่ผ่านมา กรมชลประทานกับอีสท์ วอเตอร์ ไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องการสร้างท่อส่งน้ำ ที่จะเชื่อมโยงอ่างประแสร์ไปดอกกราย และการสร้างท่อน้ำจากแม่น้ำบางปะกง เงินลงทุนโครงการละกว่า 2,000 ล้านบาท จึงทำให้เรื่องล่าช้ามานานนับปี และหากมีการเปิดให้เกิดการบริการน้ำดิบเพื่ออุตสาหกรรมมีการแข่งขัน จากที่ปัจจุบันมีอีสท์ วอเตอร์ เพียงรายเดียว ก็น่าจะทำให้เกิดการแข่งขันด้านการบริการที่ดีขึ้น" นายสวัสดิ์ กล่าว
นายสวัสดิ์ กล่าวว่า บริษัทเหล็กในเครือไม่มีปัญหาขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด เนื่องจากมีการศึกษาเรื่องแหล่งน้ำ และวางแผนขุดบ่อน้ำไว้จนเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้วการวางแผนเชื่อมโยงท่อน้ำในภาคตะวันออกนั้น นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ศึกษาและดำเนินการมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีการสานต่อ จนเกิดปัญหาความเสียหายในวันนี้
มิตซูบิชิรอมาตรการประชุมร่วมนิคม
นายชัชรินทร์ วงศ์สงวน ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ซึ่งมีโรงงานหลักอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง กล่าวว่า ผลกระทบของปัญหาน้ำที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน เนื่องจากต้องรอการประชุมร่วมกับ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ที่ได้เชิญตัวแทนผู้ประกอบการโรงงานในนิคมเข้าร่วมประชุมหารือช่วงบ่ายวานนี้ (22 มิ.ย.) โดยให้แต่ละโรงงานนำเสนอรายละเอียดการใช้น้ำมาว่าเป็นอย่างไร จากนั้นทางนิคมก็จะนำไปใช้ในการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่สร้างผลกระทบโดยรวมมากนัก
ทั้งนี้ สำหรับภาคการผลิตรถยนต์โดยทั่วไป จะใช้น้ำเป็นองค์ประกอบไม่มากนัก โดยส่วนที่จะต้องใช้งานหลักๆคือ โรงงานสี และส่วนทดสอบคุณภาพการรั่วซึมของตัวถังเท่านั้น
สำหรับโรงงานมิตซูบิชิ มีกำลังการผลิตเต็มที่ประมาณ 1 หมื่นคัน/เดือน ปัจจุบันทำการผลิตรถยนต์นั่ง แลนเซอร์ และรถปิกอัพ สตราดา สำหรับป้อนตลาดในประเทศและส่งออก
ไทยซัมมิท เตรียมสำรองน้ำรับวิกฤติ
นายสาโรจน์ วสุวานิช รองประธาน และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส ในเครือไทยซัมมิท กรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ กล่าวว่า ถ้าปัญหาขาดแคลนน้ำยังไม่ได้รับการแก้ไข เท่าที่ประเมินเบื้องต้น คาดว่า น้ำที่มีอยู่ตอนนี้น่าจะใช้ไปได้จนถึงสิ้นเดือนนี้เท่านั้น และตอนนี้ได้เตรียมแท็งก์ขนาดใหญ่สำหรับกักเก็บน้ำไว้แล้วกว่า 120,000 ลิตร เพื่อรับวิกฤติที่จะเกิดขึ้น ซึ่งน้ำปริมาณขนาดนี้สามารถใช้ในโรงงานทั้ง 6 บริษัทของไทยซัมมิท ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ได้ประมาณ 2 วันเท่านั้น โดยวิธีการแก้ปัญหาคงทำด้วยการลำเลียงน้ำด้วยรถบรรทุกน้ำเข้ามาเก็บไว้ในทุกๆ วัน
โรงงานทั้ง 6 แห่งของไทยซัมมิท ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ได้แก่ บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด บริษัทไทยซัมมิท เทป จำกัด บริษัท ไทยซัมมิท คอนเนคเตอร์ จำกัด บริษัท ไทยซัมมิท มิตซูบะ จำกัด บริษัท ไทยซัมมิท แหลมฉบัง จำกัด และบริษัท ไทยซัมมิท พีเคเค จำกัด ทั้งหมดล้วนแต่เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ และอุปสงค์ในการใช้น้ำของโรงงานนั้นจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอุปโภค-บริโภค และการระบายความร้อนของเครื่องจักรอุตสาหกรรม คิดเป็นสัดส่วนทั้งหมด 2% ของวัตถุดิบโดยรวม ถึงแม้ว่าจะเป็นสัดส่วนที่น้อยแต่ก็เป็นสัดส่วนที่จำเป็นอย่างมากในกระบวนการผลิตสินค้า และตอนนี้ทางไทยซัมมิทก็กำลังเตรียมที่จะสต็อกน้ำไว้ล่วงหน้าแล้ว