Thai VI

จากที่เคยอ่านมาถ้าบริษัทอนุรักษ์นิยมเกินไป ก็อาจกล่าวได้ว่าเสียโอกาสในการทำเงิน ถ้าเน้นกู้มากเกินไปก็ทำให้บริษัทไม่มีความมั่นคง อยากถามพี่ๆ นะครับว่าพวกพี่ๆ ว่าความเหมาะสมของเงินที่ กู้มาใช้ในการลงทุน ขนาดไหนถึงเรียกว่าเหมาะสม เพราะหนังสือบอกให้เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมนั้นๆ ผมว่ามันไม่ใช่นะ เลยอยากถามพวกพี่ๆ นะครับว่าพี่เลือกกันยังไง เพราะปกติผมจะเลือกดูแต่บริษัทที่ไม่ค่อยมีหนี้อะคับ (ถือคติว่า ไม่มีหนี้ ก็ไม่เจ๊ง)

"ดูค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม" เวลาอุตสาหกรรมนั้นเจ๊งเราก็จะได้เจ๊งพร้อมกับคนอื่นด้วย


เรื่อง optimal leverage ratio นี่เป็นปัญหาสุดคลาสลิกที่วิชา corporate finance พยายามหาคำตอบ

ทฤษฎี M&M บอกว่า optimal leverage ratio คือ จุดที่ balance กันระหว่างประโยชน์ที่และโทษที่ได้รับจาก tax shield, bankruptcy risk และ agency cost ที่สูงขึ้น ซึ่ง quantify ได้ยากครับ

ผมคิดว่า กู้ได้ ถ้ายังมีความพร้อมในการจ่ายดอกเบี้ย และเงินต้นคืนได้ตามกำหนด

และยิ่งน้อยยิ่งดี เหมือนตัวเราเอง กู้ได้ ถ้าจ่ายไหว แต่ไม่มีก็สบายใจกว่าแน่นอน

แฮะๆ ขอบคุณ พี่สุมาอี้ กับ พี่ harry มากครับ พอดีคอมโดนไวรัส เลยเข้าเน็ตไม่ได้ มาดูอีกทีก็มาอยู่อีกหน้าแล้ว

ถ้าเรามองข้ามไปถึงอนาคตนะครับ

สมมุติบริษัทที่เราลงทุน มีการกู้ยืมเงินมากพอควรแล้ว การขยายงานในอนาคตเพื่อให้กำไรเพิ่มขึ้น ก็คงไม่สามารถหาจากการกู้ยืมเงินได้อีก ก็คงต้องเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งก็คงอาจจะทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทลดลง

แต่ถ้าบริษัทที่เราลงทุน ไม่มีหนี้เงินกู้ หรือมีน้อยมาก ถ้าจะขยายงานในอนาคต แน่นอนว่าบริษัทยังคงสามารถที่จะกู้ยืมเงินได้ ซึ่งกรณีนี้จะมีส่วนทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นในอนาคต

เราอยากลงทุนบริษัทลักษณะไหนครับ

ลงในบริษัทที่มีเงินสดลงทุน จ่ายปันผลได้ตลอด ไม่ต้องกู้ก็ได้ อิอิ

พอดีพอเห็นบางบริษัทมีอัตราหนี้ค่อนข้างจะสูงนะครับ บางบริษัทมีหนี้ต่อทุนเกิน 2 เท่า ดูน่ากลัวนะครับ แต่เห็นกำไรก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด เห็นแล้วรู้สึกอดใจหม่ายไหวงะคับ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปซื้อเพราะรู้สึกว่าซื้อแล้วรู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้สิ

ผมว่าหนี้มีหลายประเภท...ลองอ่านดีๆคับว่าใครเป็นเจ้าหนี้ สัญญาการก่อหนี้เป็นยังไง

หุ้นที่ผมลงทุนอยู่มีหนี้สิน 2 เท่าของทุน

แต่ผมคิดว่าจำเป็นต้องมีหนี้สินประเภทนี้ แสดงถึงความเติบโตในธุรกิจ
หากวันไหนหนี้น้อยลง ผมว่าได้เวลาขาย เพราะไม่โตแล้ว

สมัยก่อนวิกฤต 3 เท่ายังดูธรรมดาเลยครับ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ก็สูงกว่าปัจจุบันซะด้วย เลยล้มกันถ้วนหน้าเลยครับ ใครมีเงินสดเหลือก็เลยเลือกซื้อสินทรัพย์ดีราคาถูกๆสบายไปเลย