Thai VI

สมัยหนึ่งผมจำได้ว่า ไทยเราเคยเจอกันน้ำมันลิตรละ20 กว่ามาก่อนนะ
แต่สมัยนั้นคนนิยม ใช้รถน้อยลง แต่ปัจจุบัน ยังติดอยู่เหมือนเดิม
และบางวันติดมากขึ้นอีก

กลุ้มจริง

เพราะรถยังใช้น้ำมันอยู่ รถจึงยังติด

ถ้าเมื่อไรรถเปลี่ยนมาใฃ้ไฟฟ้าเมื่อไร

ให้น้ำมันแพงยังไง ถูกยังไง รถก็ไม่ติด

ต้นทุนของความเสี่ยงครับ ยิ่งคนไม่มั่นใจระบบขนส่ง ก็จะมีคนจำนวนนึงที่มีกำลังทรัพย์เพียงพอก็จะหันไปซื้อรถใช้ อีกทั้งปัจจุบันโปรโมชั่นกระจาย ดาวน์ 0% บ้างละ และต้นทุนทางสังคน เป็นที่ยอมรับโดยพฤตินัยว่า รถยนต์ เสมือนเครื่องแสดงฐานะหรือฐานันดรศักดิ์เลยทีเดียว คนนึงนั่งรถเมล์ คนนึงขับToyota คนนึงขับBenz คนนึงขับMaserati มาพร้อมกันจะได้รับการตอบรับจากสังคมเหมือนกันไหมครับ อีกประเด็นก็คือภาษีบริษัท หลายๆบริษัทพอเกิดรายได้มากๆไม่รู้ทำอะไรก็ซื้อรถผู้บริหารครับ (แบบว่าคิดอะไรไม่ออกแล้วกระมัง)

ไม่สำนึกไงครับ รัฐออกเงินให้นิ

เข้าใจว่าหลายคนมีความจำเป็นไม่เหมือนกัน แต่คนที่สามารถจอดรถ เพื่อขึ้นรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินได้ควรจะทำอย่างยิ่ง

หัวหน้าผม เงินเดือนเป็นแสน ยังนั่งมอเตอร์ไซต์ + รถไฟใต้ดิน เลย คนมีรถไม่ได้แค่แสดงฐานะอย่างเดียวหรอกครับ แสดงถึงหัวคิดด้วยว่าอะไรควรทำตอนนี้

ช่วงนี้ผมเห็นเพื่อนๆ หลายคนซื้อรถกัน ใจจริงอยากจะด่าแต่ก็เป็นเรื่องของเขาแหละ เงินเขา แต่อย่าลืมว่าน้ำมันนั้นมีภาษีของคนอื่นอยู่ด้วย

อยากให้เสียสละกันบ้าง ไม่ใช่คิดแต่ความสบาย

พูดแบบติดตลกน้ำมันแพงรถติดเพราะคนไทยมีเงินซื้อได้บ่หยั่ง......รถจะหยุดติดเมื่อน้ำมันหมดถึงมีเงินก็ไม่มีปัญญาซื้อเมื่อนั้นปัญหารถติดเนื่องจากน้ำมันแพงก็จะหมดไป

รถยนต์นอกจากจะใช้เป็นยานพาหนะตามหน้าที่ใช้สอยแล้ว ยังใช้บอกฐานะทางสังคมด้วย (ระดับผู้บริหารเลยเลิกใช้ไม่ได้)

Financial Engineer เขียน:รถยนต์นอกจากจะใช้เป็นยานพาหนะตามหน้าที่ใช้สอยแล้ว ยังใช้บอกฐานะทางสังคมด้วย (ระดับผู้บริหารเลยเลิกใช้ไม่ได้)

มันไม่ใช่เฉพาะรถหรอกนะ ระบบเจ้าขุนมูลนายของไทยก็ยังมีให้เห็น เฟอร์นิเจอร์ประดับบารมีบอกฐานะในบริษัทฯ

1. รถยนต์+คนขับ(Option)
2. เลขา
3. มือถือ
4. Notebook
5. ห้องทำงาน
6. ฯลฯ