Thai VI

สดๆ ร้อนๆ เมื่อกี้นี้เอง

ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนหน้า ก็อยู่ที่ 56.7 แล้ว

ดัชนี Baltic Dry Index อยู่ที่ 2,586 ลดจากสูงสุดที่ 6,200 กว่าๆ
ตอนต้นปี กำลังจะไปทดสอบ year low ของปีที่แล้ว

หุ้นส่งออกน่าจะมีเฮนะครับ

เฮ เฮ เฮ ด้วย ... โฮ :lovl:

ส่งออก กลุ่มไหนครับพี่ CK
จะขอร่วมเฮด้วยคน

Baltic Dry Index คืออะไรเหรอคับ

Baltic Dry Index เป็นดัชนีค่าระวางเรือในเส้นทางยุโรปครับ
size น่าจะใกล้เคียงกับเรือตู้ RCL ...

ผมมีแต่ส่งออกเป็น EUR :lovl: เลยไม่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งเท่าไหร่
ส่วนหุ้นนำเข้าดันเป็น USD :lovl: ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

ผมว่าจะเท่าไหร่ก็ได้ แต่ขอให้นิงๆหน่อย อย่างนี้ค้าขายยากเหลือเกิน

CK เขียน:Baltic Dry Index เป็นดัชนีค่าระวางเรือในเส้นทางยุโรปครับ
size น่าจะใกล้เคียงกับเรือตู้ RCL ...

ผมมีแต่ส่งออกเป็น EUR :lovl: เลยไม่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งเท่าไหร่
ส่วนหุ้นนำเข้าดันเป็น USD :lovl: ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่

คุณ roadtrip โพสต์ไว้ในสินธร ครับ BDI เห็นแล้วเสียว .. แต่ก็น่าจะดีกับส่งออก

ค่าระวางเรือลง น่าจะแปลว่า เศรษฐกิจไม่ดีสิครับ เกี่ยวมั้ย

Baltic Dry Index เป็นดัชนีค่าระวางเรือในเส้นทางยุโรปครับ
size น่าจะใกล้เคียงกับเรือตู้ RCL ...

แล้วจะมีผลกับ PSL TTA หรือเปล่าครับ เพราะว่าเป็นเรือเทกอง สงสัย????

อย่างที่คาดกันไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วครับ ค่าระวางเรือคงจะลงมา รับข่าวเรือ super post panamax เข้าประจำการ ตอนนี้เหล็ก ยิ่งถูก ยิ่งหาง่าย เส้นทางยุโรปก็น่าจะโดนก่อนเพื่อนครับ

PTL อาจได้ผลประโยชน์
ชิปที่ใช้กับ เครื่องไฟฟ้า อาจได้ประโยชน์

กุ้ง ไปอเมริกา อาจได้ประโยชน์ 2 เด้ง
RCL ที่เพิ่งเปิดสายยุโรปคงได้ รับ impact แต่ถ้าvolume สินค้าเพิ่มขึ้น ธุรกิจ feedering น่าจะยังช่วยได้บ้าง

เมื่อคืนดูช่องตลท.ของไททีวี มีสัมภาษณ์นักเศรษฐศาสตร์ของ สแตนดาร์ด ชาร์ตเตอร์คนหนึ่ง น่าเสียดายที่ผมจำชื่อเธอไม่ได้ แต่เธอเป็นคนที่อธิบายเรื่องการไหลเข้าออกของเงินทุนได้กระจ่างมากๆ

เธอบอกว่า 5 ปีที่ผ่านมา บัญชีทุนของไทยติดลบตลอดเพราะต้องทยอยใช้หนี้ต่างประเทศคืน (ผลพวงวิกฤตเศรษฐกิจ) แต่บัญชีเดินสะพัดเป็นบวกอย่างมากเพราะค่าเงินที่อ่อนลงเกือบเท่าตัวทำให้ส่งออกได้ดี หักลบกันแล้วเงินจึงไหลเข้าประเทศทุกปี
ส่งผลให้ทุนสำรองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ทำให้มีเงินไหลเข้ามาในระบบเศรษฐกิจมากทำให้สภาพคล่องล้นระบบ ดอกเบี้ยแบงก์ไม่ขึ้น

แต่ 5 ปีต่อจากนี้ไป เราต้องลงทุนเมกะโปรเจ็คต้องใช้เงินมหาศาล ต้องกู้เงินต่างประเทศเพิ่ม และต้องนำเข้าวัตถุดิบในการก่อสร้างซึ่งไม่มีในประเทศ ดังนั้นในช่วง 5 ปีนี้จะเห็นค่าเงินบาทอ่อนลงอย่างมาก บัญชีเดินสะพัดจะขาดดุล บัญชีทุนจะเป็นบวกแต่สุทธิแล้วเงินทุนน่าจะไหลออก เงินทุนสำรองจะลดลง สภาพคล่องในแบงก์จะหายไป ดอกเบี้ยแบงก์จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่เคยคิดกันไว้ ทั้งหมดนี้นับเป็นการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพราะเมื่อเมกะโปรเจ็คเสร็จในอีก 5 ปีข้างหน้า ไทยจะกลับมาดีใหม่เพราะต่างชาติจะสนใจลงทุนมากขึ้น เนื่องจากการคมนาคมที่สะดวกและต้นทุนขนส่งของประเทศที่ลดต่ำลง

CM ตอนค่าเงินอ่อน ธุรกิจไปรุ่งนะครับ

กับพวก elec.

ถ้าจะรุ่งก็คงยังไม่ส่งผลในช่วงเวลาอันใกล้นี้หรอกครับ จะส่งผลก็น่าจะซักไตรมาศ3ไปแล้ว เหตุเพราะทฤษฎี J-curve effect ครับ