หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 1:01 pm
โดย คัดท้าย
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะทำให้คนไม่ตัดต้นยางขายหรือเปล่าครับ ?
แล้วอย่างนี้ ไม้ยางพาราจะหายากและแพงหรือเปล่าครับ ... ปกติเฟอร์นิเจอร์นี่ต้องใช้แต่ไม้ยางพาราหรือเปล่า หรือว่า จริงๆใช้ไม้อย่างอื่นแทนได้ถ้าไม้ยางแพงครับ ?
แล้วอย่างนี้ จะกระทบมั้ยครับ ?
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 1:11 pm
โดย CK
ได้ยินมาว่า ปกติถ้าครบ 70 ปี ยังไงก็ต้องตัด เพราะน้ำยางเหลือน้อย ไม่คุ้ม
ไม้ยางพาราหายากและแพงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแล้วครับ คงจะแพงขึ้นไปอีก
ไม้ยางพาราถูกกว่าไม้เนื้อแข็งครับ ข้อดีของเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพาราคือ ราคาถูก
แต่ถ้าราคาไม่ถูกอีกต่อไป ...
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 1:13 pm
โดย คัดท้าย
อืมม ครับ แล้วอย่างนี้ VI ควรมองแบบไหนครับ ... ???
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 1:26 pm
โดย ปรัชญา

ยางพาราน่าปลูกครับ
เพื่อนกันไปซื้อที่ดิน สปก.ที่สุโขทัย 100ไร่
ไร่ละ2.500บาท(สองพันห้าร้อยบาท)
เมื่อปีก่อน
ซื้อกล้ายางพารามาจากใต้ ค่ารถขนส่งต่อเที่ยว7500บาท
ค่าต้นกล้ายางพารา ถุงละ21บาท ถุงละต้น
ซื้อที่ดินเสร็จก็ไถ ค่าไถชั่วโมงละ400บาท
เอาไม้ในไร่ซึ่งเป็นป่าเสื่อมโทรม
นำมาปักรั้ว ปลูกบ้าน ขุดสระน้ำ5ลูก
ไถถนนรอบที่ดิน ปลูกสะตอเป็นแนวรั้ว
เลยถามว่าแล้วมันจะคุ้มไหม
เขาบอกอยู่ในเมือง เงินล้านสองล้านทำอะไรไม่ได้
เลยไปซื้อที่ ปลูกยางพารา ไม่เอาเงินอุดหนุนภาครัฐ
อีก5ปีก็กรีดยางได้
อาจให้คนอื่นมาเช่า
หรือขายยกแปลง
หาก2วิธีนี้ไม่ได้ผล ก็งัดแผน3ออกมาใช้
ไปเป็นชาวไร่ซะเลย จ้างคนงานมากรีดยาง
เจ้าของบไร่ก็ดูแลและขายยางไปคงพอกินพอใช้พอมีเหลือ
กรีดได้สัก15ปีรวมปลูก20ปี ก็ตัดต้นยางพาราขาย
ให้เขาซื้อไปทำไม้ เอ็มดีเอฟบอร์ด หรือทำเฟอร์นิเจอร์
แบบบริษัทแฟนซีวู๊ด เที่ยวซื้อนั่นล่ะ
กำไรขายต้นยาง ได้เงินสักก้อน
แถมได้ที่ดินฟรี อีก20ปี
ที่ดินทำไร่ อาจได้ราคาสักไร่ละ3หมื่นบาท
ก็คงได้เงินสัก3ล้าน เก็บไว้บ้างคงมีเงินเหลือสักไม่ต่ำ10
ทั้งที่ลงทุนไม่ถึงล้าน
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 1:57 pm
โดย คัดท้าย
น่าสนใจครับพี่ปรัชญา แต่ช่วงนี้คงไม่ทันแล้วมั้งครับ เห็นคนแห่ไปปลูกยางกันแหลกเลย คิดว่าอาจมาแนวนากุ้ง หรือเปล่าเนี่ย ..
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 1:59 pm
โดย นอกกรอบ
อยากให้ราคาน้ำยางราคาลงเยอะๆ
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 2:04 pm
โดย คัดท้าย
นอกกรอบ เขียน:อยากให้ราคาน้ำยางราคาลงเยอะๆ
เท่าที่ฟังพี่ปรัชญาบอก คงรอ 4-5 ปีครับ
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 2:05 pm
โดย ปรัชญา
คัดท้าย เขียน:น่าสนใจครับพี่ปรัชญา แต่ช่วงนี้คงไม่ทันแล้วมั้งครับ เห็นคนแห่ไปปลูกยางกันแหลกเลย คิดว่าอาจมาแนวนากุ้ง หรือเปล่าเนี่ย ..
ยังน่าทัน แต่เราไม่เป็นไม่มีพวก
ขืนไปซื้อไร่ปลูกไว้ ไม่มีคนเฝ้า พวกเผาไร่ เจ๊งเลย
อีสานแถวอำเถอพรเจริญ ติดน้ำโขง หนองคาย
พวกซื้อยกตำบลเลยก็มี
อีกไม่กี่ปีภาคใต้ ต้นยางก็หมดสภาพ
พออายุ20ปี ยางออกน้อยไม่คุ้มการทำสวนยาง
ก็ต้องขายต้น ตัดทิ้ง รับช่วงกันพอดี
อีกอย่าง ยังหาวัสดุอะไรทดแทนยางพาราไม่ได้
ยางรถยนต์+เครื่องบิน วัสดุก่อสร้าง อื่นๆ
น่าทำ แต่ตัวผมกับคุณคัดท้าย คงบ๊าย-บาย สละสิทธิ์
ที่ปลูกส่วนใหญ่เป้นคนภาคใต้ มาซื้อที่ดินปลูกกัน
คงเตรียมอพยบมาอยู่ในอีก4ปีข้างหน้า
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 2:53 pm
โดย CK
ผู้จัดการรายวัน เขียน:ฤาเศษเงินจะดับอนาคตยางใต้?
Source - ผู้จัดการรายวัน (Th)
กรุงเทพฯ--25 พ.ค.--ผู้จัดการรายวัน
รายงาน
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
ปี 2442 พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี หรือ คอซิมบี้ ณ ระนอง ผู้ปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้ของไทยได้นำต้นยางมาปลูกที่ จ.ตรัง พร้อมๆ กับวาดหวังว่าวงการธุรกิจยางไทยจะเจริญเติบโต ซึ่งก็เป็นจริงที่นับตั้งแต่ปี 2537 ที่ผ่านมาไทย คือ ผู้ส่งออกผลผลิตยางให้แก่ตลาดโลกรายใหญ่ที่สุด สร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศมาแล้วมากมายมหาศาล หรือคิดเป็นปีละหลายหมื่นล้านบาทแล้วเวลานี้
จากยางต้นแรกที่หยั่งลงลงบนแผ่นดินด้ามขวานทองของไทย แม้ในวันนี้ต้นยางของปักษ์ใต้ก็ได้แพร่พันธุ์กระจายไปสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้CDJคนไทยกว่า 6 ล้านคนหรือประมาณ 10% ของประชากร :7J'มีพื้นที่ปลูกทั้งหมดกว่า 12.6 ล้านไร่ แต่สำหรับพื้นที่ปักษ์ใต้ในฐานะแหล่งกำเนิดของต้นยางไทยแล้ว ณ เวลานี้ก็ยังคงครองความเป็นที่หนึ่งในวงการยางในทุกๆ ด้านเสมอมา
ทว่าหาก พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ผู้ได้รับยกย่องให้เป็นบิดาแห่งวงการยางไทย ได้รับรู้ว่า ณ ปี พ.ศ.2548 รัฐบาลไทยกำลังทำโครงการส่งเสริมการปลูกยาง 1 ล้านไร่ โดยมอบให้กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบ และมีการทำสัญญาผูกขาดการขายกล้ายางให้CDJบริษัทเจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ เครือซีพี 90 ล้านต้น ซึ่งนำผลกระทบให้เกิดการผันผวนปั่นป่วนในวงการยางไทย
โดยเฉพาะความพลิกผันที่มีต่อวงการยางในพื้นที่ปักษ์ใต้ ซึ่งเป็นแผ่นดินที่โอบรับหลุมศพของท่านไว้ ท่านจะรู้สึกต่อเรื่องนี้เช่นไร
ห่วงเศษเงินจากโครงการทำลายระบบ
ในจำนวนพื้นที่ปลูกยางทั่วประเทศ 12.6 ล้านไร่ ตามสูตรของโครงการส่งเสริมปลูกยางล้านไร่คือ 90 ต้น/ไร่นั้น หากคิดเป็นจำนวนต้นยางที่มีอยู่ในเวลานี้จะได้ประมาณ 1,134 ล้านต้น ซึ่งในจำนวนนี้มีความต้องการกล้ายางเพื่อรองรับการโค่นแล้วปลูกใหม่ รวมถึงมีพื้นที่ปลูกใหม่ๆ เกิดขึ้นด้วยประมาณ 10% ของจำนวนต้นทั้งหมด หรือราว 113.4 ล้านกล้า/ปี ซึ่งมีการซื้อขายกันจากแหล่งเพาะกล้ายางพันธุ์ดี 5-6 บาท/กล้า
จึงประมาณได้ว่าจะมีเงินสะพัดในวงการผู้ประกอบการเพาะพันธุ์ยางถึง 680 ล้านบาท/ปี และในจำนวนนี้เกือบทั้งหมดกระจุกตัวอยู่ในภาคใต้
จากการเกิดขึ้นของโครงการปลูกยางล้านไร่ของรัฐบาล โดยต้องการกล้ายางใหม่กว่า 90 ล้านต้นในช่วง 3 ปี แม้จะนำไปปลูกในภาคอีสานและเหนือก็จริง แต่ก็ปรากฏชัดแล้วว่ามีการเข้าไปกว้านซื้อกล้ายางในภาคใต้อย่างชนิดส่งผลสะเทือนเลือนลั่น เพราะได้ก่อให้เกิดการทำยางตาสอยแพร่ระบาดอย่างหนัก อันส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเพาะกล้ายางพันธุ์ที่ได้มาตรฐาน
จากการสำรวจของ "ผู้จัดการรายวัน" พบว่า ช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมามีนายหน้าบริษัทใหญ่เข้าไปกดราคากล้ายางในภาคใต้จนเหลือแค่เฉลี่ย 4 บาท/ต้น หากคิดจากที่โครงการของรัฐต้องการกล้ายางในแต่ละปีเฉลี่ยกว่า 30 ล้านต้น ก็ประมาณได้ว่าจะมีเงินในส่วนนี้ไหลเข้าสู่ผู้เพาะพันธุ์กล้ายางประมาณ 120 ล้านบาท/ปี หรือรวม 3 ปีที่ต้องการกว่า 90 ล้านต้นจะได้ประมาณ 360 ล้านบาท
"ผมไม่อยากให้เศษเงินที่ถูกแบ่งจากโครงการของรัฐบาลที่มีวงเงินสูงถึง 1,370 ล้านบาท แล้วตกมาถึงผู้ผลิตกล้าเพียงแค่ประมาณ 360 ล้านบาทใน 3 ปีมาทำลายระบบการผลิตของเรา ซึ่งตอนนี้มันผิดเพี้ยนไปหมด ทั้งด้านการผลิตที่มีกล้ายางตาสอยระบาดหนัก หรือราคาที่ถูกกดให้ต้องจำนนกัน เมื่อโครงการนี้หมด เราก็ต้องอยู่กันต่อไปนานเท่านาน" ผู้ประกอบการเพาTกล้ายางมาตรฐานรายใหญ่รายหนึ่งใน จ.ตรังกล่าว
สอดรับกับผู้ประกอบการอีกจำนวนมากที่เห็นตรงกันว่า วันนี้วงการผู้เพาะกล้ายางในภาคใต้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในเรื่องของภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของตลาด
วิตกแบรนด์ "ตรัง" เสื่อม
สำหรับ จ.ตรังที่มีการประมาณการว่า มีการผลิตกล้ายางคุณภาพส่งออกไปทั่ว ทั้งในและนอกประเทศในอัตรา 40% ปริมาณรวมทั้งประเทศนั้นภายหลังจากเกิดโครงการนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็ตื่นตัวที่จะส่งเสริมให้มีการทำกล้ายางคุณภาพ เพื่อส่งให้กับโครงการ แต่เมื่อถึงวันนี้กลับเป็นจังหวัดอันดับต้นๆ ของภาคใต้ที่มีการระบาดของกล้ายางแปลงตาสอยอย่างหนัก
"เกษตรกรที่สร้างสวนยางพาราจะเสียใจไปตลอด 25 ปีของอายุต้นยาง หากเลือกพันธุ์ยางไม่ดีมาปลูก เป็นพันธุ์ผสมที่ไม่แท้ ให้น้ำยางน้อย ต้นยางโตช้า หน้ายางเปื่อย และต้นยางตายเร็ว เป็นต้น แต่ราชการที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานได้ช่วยกันกำกับดูแล ให้ความรู้ เพื่อการเพาะพันธุ์ยางที่ถูกต้อง โดยมีการตรวจสอบเดือนละหลายๆ ครั้ง เพื่อการเพาะชำพันธุ์ยางที่ถูกต้อง จึงรับประกันได้ว่าพันธุ์ยางพาราที่ออกไปจากจังหวัดตรังจะไม่ทำให้ผู้สร้างสวนยางรายใหม่ผิดหวังแน่นอน"
ข้อความดังกล่าวตัดทอนมาจาก หนังสือจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ส่งถึงเกษตรกรผู้เพาะพันธุ์ยางในพื้นที่เมื่อ ก.ค.2546 ช่วงที่รัฐบาลกำลังเริ่มทำโครงการนี้ ลงนามโดยนายสงวน จันทรอักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังในสมัยนั้น หรือที่ชาวตรังรู้จักกันดีในสมญา "ผู้ว่าฯพาหุง" เพราะมีเอกลักษณ์ส่วนตัว คือ มักจะยกเอาบทสวดพาหุงมาเตือนสติประชาชนทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อให้คนเหล่านั้นมีความประพฤติที่ดี เป็นศรีแก่บ้านเมือง
โดยหนังสือดังกล่าวส่งถึงผู้ประกอบอาชีพเพาะพันธุ์ต้นกล้ายางเพื่อให้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับพัฒนาคุณภาพของต้นกล้ายางพารา เพื่อรองรับโครงการส่งเสริมการปลูกยางพารา 1 ล้านไร่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งโครงการดังกล่าวก่อให้เกิดความต้องการต้นกล้ายางในปริมาณที่สูง นับเป็นโอกาสทองของเกษตรกรผู้เพาะพันธุ์ยางพารา
เมื่อโครงการนี้เริ่มมีการดำเนินการเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ปรากฏว่า เกษตรกรกลับไม่ได้มีโอกาสที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม เกี่ยวกับวางแผนและการจัดการเรื่องจัดหาต้นกล้ายาง ตรงกันข้าม กลับตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหลือบเมกะโปรเจกต์นี้
หวั่นเป็นแผนฮุบของทุนใหญ่
การจัดหาต้นกล้ายางที่ขาดการวางแผนที่เหมาะสมตั้งแต่ต้น ประกอบกับนายหน้าบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ฟันกำไรส่วนต่างจนอิ่มหนำสำราญและมากดราคาต้นกล้ายางจากเกษตรกร จากราคาของต้นกล้ามาตรฐาน 5-6 บาท/ต้นให้เหลือเพียง 3.5-4.5 บาท/ต้น เกษตรกรตกอยู่ในสภาวะที่ไม่มีทางเลือก จึงสนองตอบด้วยการทำยางตาสอยให้ตามราคาที่ต้องการ
"กล้ายางตาสอย" ที่นิยมทำกันอย่างแพร่หลายเพื่อส่งให้กับบริษัทใหญ่ในเวลานี้ กรรมวิธีส่วนใหญ่ใช้ต้นยางแก่ที่มีอายุเกินกว่า 6-7 ปีไปแล้วและเป็นต้นยางที่มีการเปิดหน้ายางเพื่อกรีดเอาน้ำยางไปแล้วด้วย ดังนั้นกล้าพันธุ์ที่ได้ไปจึงไม่สมบูรณ์ แค่ปลูกไม่ถึงปีก็จะมีการออกดอกและผล เมื่อต้นโตเปลือกจะบาง หน้ายางเปื่อย น้ำยางที่ได้ก็จะลดลงเมื่อเทียบกับการปลูกกล้ายางพันธุ์คุณภาพถึงกว่า 30-40%
เป็นที่น่าสังเกตว่าช่วง 2 ปีที่ยางตาสอยระบาดหนักในหลายจังหวัดภาคใต้ จนถึงขณะนี้ยังไม่เคยมีหน่วยงานใดลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างเอาจริงเอาจัง ทั้งๆ ที่การกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ผิด พ.ร.บ.ควบคุมยางและถือเป็นการกระทำที่สร้างความด่างพร้อยให้กับวงการเพาะพันธุ์ยางในภาคใต้
"เป็นไปได้ไหมว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ เข้ามาทำให้ตลาดเพาะพันธุ์ยางในภาคใต้ให้ปั่นป่วน เพื่อในอนาคตจะได้เข้ามาควบคุมตลาดกล้ายาง เพื่อผลประโยชน์อันเบ็ดเสร็จในอนาคต" หนึ่งในผู้ประกอบการเพราะพันธ์กล้ายางใต้ บอกเล่าในเชิงตั้งคำถามให้ฟัง
25 ปีที่อีสาน-เหนือต้องรับกรรม
ย้อนกลับไปดูเนื้อหาบางตอนในหนังสือที่ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ส่งไปถึงผู้ทำแปลงเพาะพันธุ์ยาง เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามข้อปฏิบัติของทางจังหวัด เพื่อรองรับโครงการปลูกยาง 1 ล้านต้น ของรัฐบาล ที่ให้ถือปฏิบัติดังนี้
1.จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตสำนึกที่ดีต่อวิชาชีพ มีความซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงตรง ให้ความเป็นธรรมต่อลูกค้าเสมอ 2.ต้องมีความตั้งใจจริงและมีความมุ่งมั่นที่จะทำแปลงเพาะพันธุ์ยางตามกระบวนการ กรรมวิธีและขั้นตอนที่ทางราชการกำหนด โดยเคร่งครัด
3.จะต้องรับผิดชอบ ทำการผลิตและจำหน่ายยางพันธุ์ดี โดยจะยึดผู้สั่งซื้อคือ "ลูกค้า"ที่ต้องให้บริการด้วยความซื่อสัตย์ให้ได้ยางพันธุ์ดีไปปลูก และ 4.จะต้องร่วมมือกับทางราชการในการส่งเสริมการเพาะพันธุ์ยางให้ได้คุณภาพและจะเข้าร่วมกระบวนการในการนำไปสู่การรับรองคุณภาพ ตามมาตรฐานที่ทางจังหวัดกำหนด
ด้วยความตระหนักที่จะรักษาศักดิ์ศรี เกียรติยศ และชื่อเสียงของจังหวัดตรัง สำนึกในคุณงามความดีของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ และตบท้ายด้วยคำขวัญที่ว่า "ยางพันธุ์ดี มีอยู่ที่ตรัง รับประกันคุณภาพ" และ "ซื้อพันธุ์ยางที่ตรัง ไม่ผิดหวังตลอดชีพ"
แต่เมื่อมองเข้าไปในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมล้วนมีแต่สิ่งที่ตรงกันข้าม และแน่นอนว่าเกษตรกรภาคอีสานและเหนือที่ได้พันธุ์ยางตาสอยที่ไม่มีคุณภาพไปปลูก ก็จะต้องเสียใจไปตลอด 25 ปี ของอายุของต้นยาง อีกทั้งต้องเป็นทุกข์ไปตลอดชีพ--จบ--
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 6:00 pm
โดย โป้ง
ทุจริตอยู่ครับ
เป็นความซวยของคนซื้อ (ชาวอีสาน)
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 9:34 pm
โดย Stock Broker
แล้ว STA ล่ะครับจะวิ่งมั้ย
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 7:01 am
โดย ลุงขวด
ต้นยางแก่กว่า 30 ปี จะไม่มีน้ำยาง ต้นยางต้นใหญ่ ๆ แบบ อยู่มาแล้วกว่า 50 ปี พวกนี้ ไม่สามารถจะทำ เฟอร์นิเจอร์ได้ เพราะ ไม้จะมีเนื้อ ดำ... ไม่ ขาวเหมือน ต้น ประมาณ 30 ปี
วันนี้ได้ตกลงซื้อต้นกล้า มาลงใน สวนที่จันทร์บุรี จำนวน 2200 ต้น...... ได้ตัด ต้นไม้ผลออก ต้นทุเรียน เงาะ และ มังคุด ไถ กลบ บ่อน้ำไปหนึ่งบ่อ เก็บไว้อีกบ่อ เสียค่าจ้าง รถแมกโค ลุยป่าไป ชั่วโมงละ 1200 บาท ทำไปเกือบอาทิตย์ เสียค่า รถเกรดดินปรับที่อีก ชั่วโมงละ 1000 บาท และ ว่าจ้าง รถไถฟอร์ด มาเก็บงานอีก ชั่วโมงละ 450 บาท ต้นกล้าไปซื้อมาต้นละ 14 บาท.... ลงไปเกือบสองแสนบาทแล้ว ยังไม่ได้อะไรเลย เสียค่าคนดูแลเฝ้าสวนอีก เดือนละ 3 พันบาท...... ยาฆ่าหญ้า ปุ๋ย อีก........ เป็นการลงทุนระยะยาวจริง ๆ ..... ไว้รอ อีก 5 ปี ค่อย ว่า กันว่า จะให้น้ำยางได้เท่าไหร่ หาเรื่องสนุกกับการลงทุนไปอีกแบบ หนึ่ง .......... แล้วถ้าได้พันธุ์ยางพาราไม่ดีมา คงเปรียบเหมือนซื้อหุ้นแล้วกลายเป็น สูญ เหมือนกัน
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 7:15 am
โดย ปรัชญา
ลุง ต้นกล้ายาง มี3เบอร์ เบอร์ใหญ่หรือเล็ก14บาท
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 7:48 am
โดย ลุงขวด
ยางพันธ์ 600 เบอร์ใหญ่ หรือ เล็ก คงหมายถึงยอด ฉัตร ที่เป็น ชั้น ๆ หรือเปล่า ... เขาจะมาส่งวันเสาร์นี้ เลย วันอาทิตย์จะลงไปดู มีญาติ ติดต่อให้ คิดว่า ไม่น่าจะผิดหวัง..... เพราะจองไว้ หลายเดือนแล้ว
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 8:08 am
โดย ปรัชญา
หมายถึงยอดฉัตร น่ะครับ
ยอดฉัตรสวย โอกาสตายจะน้อยลง
ปลูกแล้วก็ปล่อยตอนหน้าฝน
ยืนตัวได้ ปีหนึ่งก็ใส่ปุ๋ย2ครั้ง
คนดูแลก็คอยดูไม่ให้หญ้าสูงท่วมต้นยาง
อีก5ปี ลุงก็เป็นเจ้าของสวนยาง
เขาเรียก นายหัว
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 11:32 pm
โดย ztep

พ่อผมมีสวนยางหลายไร่พอสมควร และแกจบเกษตร คงน่ามีความรู้ดี ลองถามว่าไอ้พวกที่จะให้ทำกันแถวภาคอื่นๆจะเวิร์คไหม ได้ผลสรุปว่าไม่ได้ง่ายกันอย่างที่พวกน้าๆ มาโพสต์กันหรอกนะ ถ้าเป็นสไตล์นักลงทุนอย่างเดียวไม่ลุยแบบนักธุรกิจ อาจไม่รอดอย่างที่คิด และผมมีความเชื่อว่าราคายางอีก 5-10 ปีข้างหน้าอาจไม่เป็นเช่นนี้ก็ได้ ช่วงนึงไม่ถึง 10 ปีที่แล้ว ราคาเคยตกไปแถว 16-18 บาทก็มี ตอนนี้รู้สึก 50 นิดๆมั้ง ช่วงที่ฟ้าใสอะไรมันก็ดูดีไปหมด แถวบ้านตอนนี้ปลูกเต็มไปหมดเลย ดีที่พ่อทำมานานแล้ว ตอนนี้รับเต็มๆ:lol:
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 9:07 am
โดย ลุงขวด
ลงทุนทำสวนยาง เป็นสิ่งที่ยาก ทางอิสาน ค่อนข้างจะแล้ง .... แต่ทางระยอง และ จันทบุรี ฝนตกชุกกว่า ........ เคยไปดูที่พักแห่งหนึ่ง มีต้นยาง ปลูกเต็มไปหมด ทำให้รู้สึกร่มเย็น สบาย ดี ไม่รก เท่าไหร่..... ผมว่า ชอบที่ให้ความร่มเย็นดี ครับ
ราคายางคงไม่ตกไปแบบเดิมอีกแล้ว ผมไม่รู้ว่า ถ้ามีผลผลิตออกมา มาก ความต้องการใช้ ยังขึ้นมา ทันหรือ เปล่า.......เห็นมีทำยางรถ เป็นส่วน และทำ กาวยาง ถ้าพัฒนาทำอย่างอื่น แทน พวก พลาสติดได้ ก็ แจ๋วไปเลย..... การยุ่ยสลายของยาง ผมว่า เร็วกว่า พลาสติคมากเรื่อง ช่วยสิ่งแวดล้อมไปได้อีกทางหนึ่ง
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 11:46 am
โดย SmileGraycop
ผมปลูกพวกไม้ผลครับ มีที่อยู่หกไร่ ผมคาดว่าถ้าปลูกยางกันเยอะๆอีกประมาณ7ปีข้างหน้าผลผลิตน่าจะเฟ้อ พอดีไม่มีความต้องการของยางในอนาคตอยู่ในมือเลยประมาณเอาอย่างนี้

ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 11, 2005 2:04 pm
โดย ลูกอิสาน
ลุงขวด เขียน:ต้นยางแก่กว่า 30 ปี จะไม่มีน้ำยาง ต้นยางต้นใหญ่ ๆ แบบ อยู่มาแล้วกว่า 50 ปี พวกนี้ ไม่สามารถจะทำ เฟอร์นิเจอร์ได้ เพราะ ไม้จะมีเนื้อ ดำ... ไม่ ขาวเหมือน ต้น ประมาณ 30 ปี
วันนี้ได้ตกลงซื้อต้นกล้า มาลงใน สวนที่จันทร์บุรี จำนวน 2200 ต้น...... ได้ตัด ต้นไม้ผลออก ต้นทุเรียน เงาะ และ มังคุด ไถ กลบ บ่อน้ำไปหนึ่งบ่อ เก็บไว้อีกบ่อ เสียค่าจ้าง รถแมกโค ลุยป่าไป ชั่วโมงละ 1200 บาท ทำไปเกือบอาทิตย์ เสียค่า รถเกรดดินปรับที่อีก ชั่วโมงละ 1000 บาท และ ว่าจ้าง รถไถฟอร์ด มาเก็บงานอีก ชั่วโมงละ 450 บาท ต้นกล้าไปซื้อมาต้นละ 14 บาท.... ลงไปเกือบสองแสนบาทแล้ว ยังไม่ได้อะไรเลย เสียค่าคนดูแลเฝ้าสวนอีก เดือนละ 3 พันบาท...... ยาฆ่าหญ้า ปุ๋ย อีก........ เป็นการลงทุนระยะยาวจริง ๆ ..... ไว้รอ อีก 5 ปี ค่อย ว่า กันว่า จะให้น้ำยางได้เท่าไหร่ หาเรื่องสนุกกับการลงทุนไปอีกแบบ หนึ่ง .......... แล้วถ้าได้พันธุ์ยางพาราไม่ดีมา คงเปรียบเหมือนซื้อหุ้นแล้วกลายเป็น สูญ เหมือนกัน
ตกลงว่า ลุงขวดได้เป็นชาวสวนยางแล้วนะครับเนี่ย :lol: :lol:
น่าจะไปได้ดีครับ แถวจันน่าจะมีฝนชุกพอสมควร
ลุงปลูก 2200 ต้น ก็ประมาณ 30 ไร่ใช่ไหมครับ
พันธ์ 600 เป็นพันธ์เก่าแก่ ให้น้ำยางดีและให้เนื้อไม้มาก แต่ใบจะน้อยหน่อย
น่าจะเหมาะกับการปลูกที่จัน พันธ์ยางไม่ค่อยมีปัญหาปลอมปนนะครับ ไม่เหมือนปาล์มที่หากเป็นพันธ์ปลอมแล้วจะเสียหายมาก
อีก 6 ปีก็คงกรีดได้ ช่วงนี้ก็ต้องลงทุนอย่างเดียวโดยเฉพาะปีแรก
ปีต่อๆไปก็ถางปีละ 2 ครั้ง ใส่ปุ๋ย ปลูกซ่อมบ้าง
หากน้ำมันยังแพง ยางคงราคาไม่ตกมากครับ
เว้นแต่ 3 บริษัทยาง(บริดโตน มิชชิลิน กู๊ดเยียร์)
รวมหัวกันกดราคารับซื้อ ราคาคงเพิ่มขึ้นได้ไม่มาก
ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 9:10 pm
โดย ลุงขวด
ไปดูแล้ว ต้นกล้า แกนมันใหญ่พอใช้ได้ แต่ ต้นเล็กไปหน่อย.... แค่ มาก มี 2 ฉัตร ส่วนใหญ่มี ฉัตรเดียว..... .. มีผสมกันระหว่างต้นที่สมบูรณ์และไม่สมบูรณ์ เขาว่า ต้องดูที่ใบ ใบใหญ่ ๆ แสดงว่า สมบูรณ์ ดี.........คงเริ่มลงได้พรุ่งนี้ มีของเดิมประมาณ 6-7 ไร่ ที่โตแล้วเกือบ 10 ปี ตอนนี้ปิดหน้ายางอยู่เพราะ ฝนตกบ่อย ไม่ได้กรีดยาง .... ส่วนที่ทำใหม่นี่ ประมาณ 26 ไร่ ........ที่ลงทุนเพราะชอบตรงที่ ห่างจากถนนใหญ่ ประมาณ 100 เมตรเอง..... ไม่ได้หวังกำไร แต่หวังมีสมบัติ เก็บเอาไว้... เอาไว้อยู่ตอนชราอีกหน่อย และ ปลีกวิเวก หนีสังคมเมืองกรุง

ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 9:14 pm
โดย ปรัชญา
ลุงน่าจะซื้อ3-4ฉัตรนะครับ อัตราการตายน้อยครับ
มีที่ดินติดกับลุงขายไหมครับอยากไปอยู่ใกล้ๆตอนชรา

ปีนี้น้ำยางแพงแบบนี้ ส่งเสริมให้ปลูกกันเยอะเลย .... จะ ?
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2005 9:31 pm
โดย Jeng
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ไปดูแล้ว ต้นกล้า แกนมันใหญ่พอใช้ได้ แต่ ต้นเล็กไปหน่อย.... แค่ มาก มี 2 ฉัตร ส่วนใหญ่มี ฉัตรเดียว..... .. มีผสมกันระหว่างต้นที่สมบูรณ์และไม่สมบูรณ์ เขาว่า ต้องดูที่ใบ ใบใหญ่ ๆ แสดงว่า สมบูรณ์ ดี.........คงเริ่มลงได้พรุ่งนี้ มีของเดิมประมาณ 6-7 ไร่ ที่โตแล้วเกือบ 10 ปี ตอนนี้ปิดหน้ายางอยู่เพราะ ฝนตกบ่อย ไม่ได้กรีดยาง .... ส่วนที่ทำใหม่นี่ ประมาณ 26 ไร่ ........ที่ลงทุนเพราะชอบตรงที่ ห่างจากถนนใหญ่ ประมาณ 100 เมตรเอง..... ไม่ได้หวังกำไร แต่หวังมีสมบัติ เก็บเอาไว้... เอาไว้อยู่ตอนชราอีกหน่อย และ ปลีกวิเวก หนีสังคมเมืองกรุง
ผมเคยไปเมืองคนยักมาครับลุงขวด ต้นไม้ทุกชนิด ที่เมืองไทย มีที่นั่นก็มี แต่ใหญ่กว่า สูงกว่า เกือบทั้งหมด
คนก็ตัวใหญ่กว่าด้วย
อันนี้เรื่องจริงนะลุง ยกตัวอย่างดอกชบา ใหญ่เท่าหน้าภรรยาผมเลย มีรูปให้ดูด้วย