Thai VI

8) กรณีที่ให้ข่าวหนังสือพิมพ์จะเอาชาเขียวไปขายในโรงเรียน
นี่หรือวิสัยทัศน์ของCEO การตลาดผิดรูปแบบ

ภาพพจน์บิดเบี้ยว ขาดคุณธรรมและไม่มีความรับผิดชอบ


ข่าวจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ๙ มิย ๔๘

อา นึกว่าหมายถึง CTX9000

CK เขียน:อา นึกว่าหมายถึง CTX9000

ซีทีเอ๊ก คงต้องดูวิสัยทัศน์ความรับผิดชอบผู้นำ
ชาขายในโรงเรียน ต้องดูความรับผิดชอบครูอาจารย์
จะสอนกันอย่างไร เด็กห้ามดื่มชากาแฟ คงต้องเปลี่ยนการสอนใหม่
เป็นเด็กควรดื่มชากาแฟเพื่อสุขภาพ

8) เบียร์ช้าง ถูกต่อต้านการเข้าตลาด
แล้วบริษัทที่เข้าตลาดแล้ว ทำการตลาด
แบบมอมเมาเยาวชน
จะมีใครคนไหนเป็น หัวเรือไ ล่ออกจากตลาดไหม

มหา5ขัน ว่างมาแจม หรือทำเป็นไม่เห็น

ผมเองมีอยู่อย่างนึง
ที่ตั้งใจไว้คือ
ถ้าชัดแจ้งว่าบริษัทไหนมีส่วนทำลายสิ่งแวดล้อม
อย่างจงใจ เช่น แอบปล่อยน้ำเสีย อากาศเสีย
ผมจะไม่ซื้อหุ้นบริษัทนั้นๆ
ส่วนชาเขียวขายเด็ก ผมอยากทราบข้อมูลความเห็น
จากนักวิชาเกิน อย สาธารณสุข นักโภชนาการ
พอดีผมไม่ได้อ่านรายละเอียดข่าว

วันนี้ผมอ่านข่าว ชาเพียวริคุ ของทีซี ฟามาซูติคอล
เพิ่มวิตามินb12 และ L-glutamine
ผมก็ไม่แน่ใจว่าดื่มแล้วเกิดประโยชน์ หรือโทษ
ประมาณว่าเอาชูกำลัง มาผสมผสานเข้ากับชาเขียว
มันก็ยังคงมีน้ำตาล มีคาเฟอินอยู่

ต.หยวนเปียว เขียน:ผมเองมีอยู่อย่างนึง
ที่ตั้งใจไว้คือ
ถ้าชัดแจ้งว่าบริษัทไหนมีส่วนทำลายสิ่งแวดล้อม
อย่างจงใจ เช่น แอบปล่อยน้ำเสีย อากาศเสีย
ผมจะไม่ซื้อหุ้นบริษัทนั้นๆ
ส่วนชาเขียวขายเด็ก ผมอยากทราบข้อมูลความเห็น
จากนักวิชาเกิน อย สาธารณสุข นักโภชนาการ
พอดีผมไม่ได้อ่านรายละเอียดข่าว

วันนี้ผมอ่านข่าว ชาเพียวริคุ ของทีซี ฟามาซูติคอล
เพิ่มวิตามินb12 และ L-glutamine
ผมก็ไม่แน่ใจว่าดื่มแล้วเกิดประโยชน์ หรือโทษ
ประมาณว่าเอาชูกำลัง มาผสมผสานเข้ากับชาเขียว
มันก็ยังคงมีน้ำตาล มีคาเฟอินอยู่

อะไรที่มากับกระแส มักไปกับกระแส

ตลาดวัยรุ่นเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด กำลังซื้อสูงสุด ตัดสินใจง่ายสุด
ระดับมาร์จิ้นสูงสุด

ADVANC, ORANGE และ DTAC คงจะทราบดีกว่าใคร

เมื่อคิดจะรุกตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ต้องเจาะกลุ่มนักเรียน-วัยรุ่น
และสร้างกระแสให้ได้


เงินทองนั้นหายาก แต่ใช้ง่าย เพราะคนใช้ไม่ได้หา :lovl:

เหตุผลที่ผมไม่เคยแอ๊ด OISHI เข้ามาในหุ้นที่สนใจจะซื้อเลย
(ถึงแม้จะมีการติดตามกระแสราคาเป็นระยะ) ก็เป็นเหตุผลเดียว
กับที่หลายคนตัดสินใจซื้อและถือ OISHI

คุณตัน

ผมเห็นโฆษณาสมัยนี้แล้ว ชอบสร้างค่านิยมผิดๆ

เช่น โฆษณาน้ำมันเครื่อง ชอบเน้นว่าใช้แล้วเครื่องแรง แล้วสังคมก็จะมีวันรุ่นตั้งแก๊งรถซิ่งกวนเมือง

โฆษณาเครื่องสำอาง สบู่ ชอบเน้นให้ผู้หญิงทำตัวให้สวยเพื่อดึงดูดผู้ชาย หรือแม้แต่แย่งกันจีบผู้ชาย เห็นแล้วสงสารสังคม

:lol: :lol: :lol: :lol:

เห็นด้วยกับพี่ฉัตรชัยเต็มๆ

ผมนึกถึงคำพูดของคุณ มิยาซากิ......( หรือเปล่า..จำไม่ได้ คนที่เขียนพ่อรวยสอนลูก )

โรงเรียน มหาลัย โดยส่วนใหญ่ ( ไม่ร้อยเปอร์เซนต์ ) ก็จะสอนคนมาเพื่อทำหน้าที่เป็นลูกจ้าง เพื่อผลประโยชน์ของเจ้าของกิจการ ซึ่งก็ยังพอรับได้

โฆษณาเองก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบการเต็มๆ ( เพื่อประโยชน์ของสังคมน้อยมาก ) อันตรายจริงๆ อนาคตคงจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

:lol: :lol: :lol: :lol:

โรเบิร์ต คิโยซากิ

ผมเองอยากเห็นข้อเท็จจริงว่า
คาเฟอีนในชาเขียว เทียบกับ Pepsi, coke , หรือขนมชอคโกแลต
อันไหนมากกว่าน้อยกว่ากันแค่ไหน
แล้วมันอันตรายกับเด็กเพียงไร
เราควรจะต่อต้านกันว่า Pepsi, Coke หรือชาเขียวห้ามขายใน รร. หรือไม่
ใครกันไม่รับผิดชอบต่อสังคมบ้าง

ส่วนเรื่อง Vi กับกำไรในกระเป๋า
ผมว่าส่วนมากสนใจกำไรในกระเป๋ามากกว่า
หากการผิดต่อสังคม เป็นแค่สีเทาๆ ไม่ถึงกับดำ
เช่น การโฆษณา จูงใจ การตลาด หรือ อะไรที่ไม่ผิดกันจะแจ้ง
ก็คงยอมรับกำไรในกระเป๋าดีกว่า

แต่ถ้าผิดต่อสังคมอย่างจัง ส่วนมากคงรับไม่ได้ มั๊ง??
ส่วนเรื่องไหนใครว่า จะแจ้ง หรือไม่นั้น เถียงกันไม่รู้จบครับ

ส่วนOISHI ผมว่าหลายท่านในนี้ก็คงกำไรกับ OISHI กันพอควร
จริงไหมหละ ???

คลายเครียด เขียน:ผมกำลังคิดจะตั้งกระทู้ถามนักลงทุนแนววีไอพอดี
ทีนี่แหละครับจะได้รู้ว่า

ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวจากราคาหุ้น
กับการรับผิดชอบต่อสังคม

นักลงทุนที่เรียกตัวเองว่าวีไอ
จะเลือกอันไหนเป็น value ในใจตัว

เคยอ่านบทความของ ดร นิเวศน์ เกี่ยวกับหุ้นช่วยชาติบางจากน่ะครับ
อ่านแล้วก็มาคิดๆว่าเออนะ เราจะเลือกแบบไหน

ตอนจบยอมแพ้ตัวเอง เลือกผลประโยชน์ส่วนตัวครับ (พูดถึงเฉพาะใน case หุ้นบางจากน่ะครับ)

ส่วนเรื่องสังคมนี่ อืมมม ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ครับ

ไม่เห็นด้วยอย่างแรงครับ มอมเมาเด็ก

ผมเห็นโฆษณาสมัยนี้แล้ว ชอบสร้างค่านิยมผิดๆ

เช่น โฆษณาน้ำมันเครื่อง ชอบเน้นว่าใช้แล้วเครื่องแรง แล้วสังคมก็จะมีวันรุ่นตั้งแก๊งรถซิ่งกวนเมือง

โฆษณาเครื่องสำอาง สบู่ ชอบเน้นให้ผู้หญิงทำตัวให้สวยเพื่อดึงดูดผู้ชาย หรือแม้แต่แย่งกันจีบผู้ชาย เห็นแล้วสงสารสังคม

เห็นด้วยครับ แถมสมัยนี้ ยังโจมตีคู่แข่งกันซึ่งหน้าอีกด้วย
ไม่ค่อยควบคุมสื่อกันเท่าไร เอาแต่ผลประโยชน์กัน.......

น่าจะส่งเสริมการดื่มนมมากกว่า สักวันนึงเราจะโต

การมอมเมาที่เห็นได้อย่างชัดเจนแบบนี้ ผมว่าธรรมาดา ไม่น่าจะมีอะไรซักเท่าไร ส่วนการมอมเมาที่ลึกล้ำ เช่น วัฒนธรรม ค่านิยม ศาสนา ลัทธิ อะไรทำนองนี้ ผมว่าน่ากลัวกว่ากันเยอะ

:lol: :lol: :lol: :lol:

ตอบคำถามเฮียคลายเครียดครับ

หุ้นที่เกิดประโยชน์ต่อชาติ และต่อโลก อย่าง solar ผมอยากซื้อใหม อยากครับถ้าอยู่ในราคาที่ผมคิดว่ามี value คุ้มกับเงินที่จ่ายไป

หุ้นเบียร์หุ้นเหล้า ถ้าอยู่ในราคาที่ผมคิดว่ามี value ผมจะซื้อใหม เคยถามตัวเองหลายรอบแล้ว พิจารณาผลกระทบแล้ว คำตอบก็ยังเป็น " ซื้อ " ครับ

ไม่รู้จะทำยังไง

ผลกระทบด้านจิตใจ ผมอยากให้คนไทยกินเบียร์ กินเหล้ามากๆใหม ( ถ้าผมซื้อหุ้นไปแล้ว ) ลึกๆก้นบึ้ง น่าจะอยากนะ ยิ่งกินเยอะยิ่งดี เกิดอุบัติเหตุเท่าไหร่คงมองไม่เห็น

ผลกระทบด้านพฤติกรรม ผมจะเชียร์ให้คนกินเหล้ามากๆใหม ยังไม่ได้คำตอบครับ แต่ก็เดาว่า พฤติกรรม น่าจะเป็นไปตามจิตใจ

ปล. ผมเองเป็นคนที่ทั้งกินเบียร์ กินเหล้า สูบบุหรี่ ครับ ยอมรับว่าเป็นคนไม่ดี ก็กำลังหาทางปรับอยู่ครับ

เลือก จริยธรรม คุณธรรม ในใจก่อนค่ะ

"สปาย"ทุ่ม400ล้านเปิดเกมบุก ทะลวงออนพรีมิส-รุกครอบครัว

"สปาย" สยายปีกบุกช่องทางออนพรีมิส หมายตาเจาะศูนย์อาหารเกิดใหม่ 10,000แห่ง สร้างพฤติกรรมดื่มควบคู่กับกิน ขยายฐานสู่กลุ่มครอบครัว ทุ่มงบ 400 ล้านบาท ลุยบีโลว์เดอะไลน์เต็มสูบ ประเดิมเปิดตัว "อินสปาย แบรนด์ดิ้ง คอนเทสต์" สิ้นปีกวาดรายได้ 2,500 ล้านบาท

นางเรวดี สุภัทรขจร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาการตลาดและการค้า บริษัท สยาม ไวเนอรี่ เทรดดิ้งพลัส จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสปาย ไวน์ คูลเลอร์ เปิดเผยว่า นโยบายการทำตลาดโดยรวมปีนี้ เน้นขยายฐานลูกค้าในช่องทางออนพรีมิส ประเภทกลุ่มร้านอาหารหรือศูนย์อาหารมากขึ้น โดยจะอาศัยโพซิชั่นของสินค้าที่เป็นไวน์ เข้าหากลุ่มผู้บริโภคในลักษณะรับประทานอาหารควบคู่กับไวน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มครอบครัวมากขึ้น จากเดิมมีกลุ่มเป้าหมายหลักอายุ 18-25ปี อีกทั้งยังเตรียมทำตลาดเพื่อให้แต่ละเอาท์เลต มีสินค้าที่ครบ 4 รสชาติ ประกอบด้วย คลาสสิก ไวท์ เรด และแบล็ก จากเดิมในแต่ละร้านจะมีสินค้าไม่ครบทุกรสชาติ
------------------------
อ่านแล้วคิดอย่างไงครับที่เค้าบอกว่า"โดยจะอาศัยโพซิชั่นของสินค้าที่เป็นไวน์ เข้าหากลุ่มผู้บริโภคในลักษณะรับประทานอาหารควบคู่กับไวน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มครอบครัวมากขึ้น"

ที่มาhttp://www.manager.co.th/Business/ViewNews.asp ... 0000076436

8) ตัดมาแป่ะ เดี๋ยวหาว่าปล่อยข่าวไล่หุ้น





โออิชิลุยเปิดตลาดชาเขียวในโรงเรียน

สรุปโปรโมชั่น รวยฟ้าผ่า สร้างยอดขายได้มากถึง 1.2 พันล้านบาท ขยายตัว 64%

"โออิชิ" กรุยทางขายชาเขียวแบบกล่องในโรงเรียน-ร้านอาหาร-สนามกอล์ฟ คาดรายได้รวมทั้งปีทะลุ 5,000 ล้านบาท ชูชาเขียวปั๊มรายได้ต่อเนื่อง หลังหมดโปรโมชั่นรวยฟ้าผ่า เตรียมสร้างช่องทางการจำหน่ายสู่ต่างจังหวัด รับเพิ่มกำลังการผลิตชาเขียวแบบขวดเป็น 45 ล้านขวด

นายตัน ภาสกรนที ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัทโออิชิ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ทั้งปีนี้ที่ 5,000 ล้านบาทจากปีที่แล้ว ที่มีรายได้ 3,271 ล้านบาท โดยรายได้ในปีนี้ จะมาจากชาเขียว 3,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของยอดขายรวม และเป็นรายได้จากร้านอาหาร 1,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30%

ทั้งนี้ เชื่อว่ารายได้ ณ สิ้นปีนี้จะสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากความต้องการบริโภคชาเขียวในตลาดประเทศไทยยังมีอีกมาก โดยคาดว่าสิ้นปีนี้มูลค่าตลาดชาเขียวจะอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท และในปี 2-3 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาดรวมจะปรับตัวขึ้นมาเป็น 20,000 ล้านบาท

"ตลาดชาเขียวยังสามารถเติบโตได้อีกมาก เห็นได้จากตลาดชาเขียวในประเทศจีน ฮ่องกง รวมทั้งญี่ปุ่นนั้นตลาดน้ำชาโตกว่าน้ำอัดลมค่อนข้างมาก และการที่มีผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น บริษัท โคคา โคลา จำกัด และบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด เข้ามาในตลาดชาเขียวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อส่วนแบ่งการตลาดของเรานั้น เราไม่กลัวเพราะที่ส่วนแบ่งการตลาดของเราลดลงนั้นเป็นเพราะมูลค่าตลาดรวมสูงขึ้น ไม่ใช่ลดลงเพราะยอดขายลด" นายตันกล่าว

เขากล่าวต่อว่า โปรโมชั่นรวยฟ้าฝ่าในเดือนมี.ค.ถึงเดือนพ.ค.สร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ถึง 1,121 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 64% เทียบกับยอดขาย 3 เดือนที่ไม่มีโปรโมชั่น หรือเทียบกับเดือนธ.ค.-ม.ค.ที่มียอดขายประมาณ 684 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความมั่นใจว่า แม้ว่าจะไม่มีโปรโมชั่นมากระตุ้นการบริโภค ยอดขายชาเขียวก็ยังเติบโตต่อเนื่อง เห็นได้จากช่วงที่มีโปรโมชั่นนั้น สินค้าขาดตลาดจำนวนมาก จากเดิมที่สินค้าจะเพียงพอสำหรับตลาดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเท่านั้น

สำหรับโปรโมชั่นรวยฟ้าผ่าของโออิชิ จะเป็นการมอบโชคใต้ฝา 1 ล้านบาท จำนวน 30 ฝา ซึ่งจะหมดเขตในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้ ยังเหลือรางวัลอีกประมาณ 4-5 ฝา หรือ 4-5 ล้านบาท

นายตัน กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทกำลังเร่งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสู่ต่างจังหวัดอีกประมาณ 20-30 ราย เนื่องจากตลาดต่างจังหวัดเป็นตลาดที่บริษัทไม่สามารถกระจายสินค้าไปได้แต่มีปริมาณความต้องการสูง โดยเบื้องต้นบริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับช่องทางการขายก่อน

โดยการซื้อเครื่องจักรในการผลิตขวด PET เพิ่มอีก 2 เครื่องด้วยจำนวนเงิน 250 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตชาเขียวแบบขวดเป็น 45 ล้านขวดต่อเดือน จากเดิมที่สามารถผลิตได้ 30 ล้านขวดต่อเดือน โดยจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนธ.ค.ปีนี้

"เราเพิ่มเครื่องจักรเข้ามาอีก 2 เครื่อง จะทำให้กำลังการผลิตเราเพิ่มขึ้น และยอดขายเราก็จะโตตามกำลังการผลิต ส่วนเงินทุนที่เรานำมาลงทุนนั้นมาจากกำไรสะสมของบริษัท ที่มีอยู่ประมาณ 400 กว่าล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าได้แม้จะนำเงินส่วนนี้มาลงทุนก็ไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัท รวมทั้งไม่กระทบต่อการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นด้วย" นายตันกล่าว

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนการขยายช่องทางจำหน่ายชาเขียวแบบกล่อง โดยจะรุกเข้าไปขายในโรงเรียน ร้านอาหาร รวมทั้งสนามกอล์ฟให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ยอดขายชาเขียวแบบขวดและกล่องเติบโตไปในสัดส่วนที่เท่ากัน รวมทั้งจะมีการเริ่มผลิตและจำหน่ายสินค้าใหม่ในครึ่งปีหลังนี้ด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัทมั่นใจว่าจะมีรายได้สูงกว่าไตรมาสที่ 1 ที่มีรายได้ 1,189 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสที่ 2 บริษัทจะรับรู้รายได้จากการติดตั้งเครื่องจักร บรรจุชาเขียวแบบขวดที่ติดตั้งในเดือนมี.ค.ได้เต็มที่ ประกอบกับในไตรมาสที่ 2 บริษัทจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเช่นเดียวกับไตรมาสที่ 1 ที่บริษัทใช้งบโฆษณามากกว่าที่ตั้งไว้ถึง 4% หรือคิดเป็นการใช้เงินเกินงบที่ตั้งไว้ 40 ล้านบาท

ทางด้านความคืบหน้าในการร่วมมือกับพันธมิตรนั้น ขณะนี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปเรื่องความร่วมมือกับพันธมิตรได้เร็วๆ นี้ โดยที่ผ่านมา มีบริษัทจำนวนมากมาเจรจากับบริษัท สำหรับเป้าหมายในการหาพันธมิตรในครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างช่องทางการจำหน่ายให้มีความแข็งแกร่ง

นายตัน กล่าวต่อว่า ในเดือนส.ค.นี้ บริษัทจะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลของบริษัทให้กับนักลงทุนสถาบันที่ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจำนวนมาก เนื่องจากที่ผ่านมา ได้มีนักลงทุนสถาบันทั้งในแถบเอเชียและสหรัฐอเมริกา มาสอบถามข้อมูลบริษัทรวมถึงมุมมองและทิศทางการบริหารงาน เนื่องจากนักลงทุนสถาบันมีความต้องการลงทุนในบริษัทระยะยาว

http://www.bangkokbiznews.com/2005/06/0 ... s_id=13239

ผมว่า ถ้าครูมีคุณภาพ ทุกอย่างก็ดีครับ

ปฏิญาณนักลงทุนของผม

๑ ไม่ลงทุนในบริษัทที่ขายผลิตภัณฑ์ให้โทษแก่สังคม โดยตรง เพราะโดยอ้อม ผมไม่มีปัญญาไปสืบทราบได้

๒ บริจาคทุกๆ ๑๐ เปอร์ เซ็นต์ ของกำไร แต่ถ้าขาดทุนก็ ว่ากันทีหลัง

เบียร์ช้าง ถูกต่อต้านการเข้าตลาด
แล้วบริษัทที่เข้าตลาดแล้ว ทำการตลาด
แบบมอมเมาเยาวชน
จะมีใครคนไหนเป็น หัวเรือไ ล่ออกจากตลาดไหม

มหา5ขัน ว่างมาแจม หรือทำเป็นไม่เห็น

ถ้าจำไม่ผิด Dr. ก็ถือหุ้น SSC แล้ว Pepsi นี้ไม่ดีต่อสุขภาพแบบสุดๆ แถมเอาเงินไปให้ USA ซื้อจรวดมาถล่มชาวบ้านอีก

ไม่ไปไล่เค้าออกจากตลาดบ้างละครับ ไหนๆก็เหมือนจะเป็นคนดีทั้งที ก็เอาให้มีแค่ Standard เดียวซิครับ

ผมไม่รู้ว่าเจ้าของเค้าไปทำชั่วกะใครไว้ที่ไหน ถ้ารู้ช่วยบอกกันก็ดีนะ เพราะผมม่ายเข้าใจเลยว่าจะไปวิจารณ์เค้าเสียๆหายๆทำไม งงๆๆ

สร้างสรรค์ ผมขอนับถือครับ

แถมเอาเงินไปให้ USA ซื้อจรวดมาถล่มชาวบ้านอีก

เคยคิดงั้นเหมือนกันครับ ตอนสงครามอิรักใหม่ ๆ ผมไม่กินน้ำอัดลมเลย กินแต่ยูนิฟกรีนที เลิกใช้คอลเกต มาใช้ดอกบัวคู่แทน :lol:
ตอนนี้กลับไปกินโค้ก/เป๊ปซี่ เหมือนเดิมแล้วครับ แต่ยาสีฟันไม่เปลี่ยน :lol: :lol:

คิดเห็นเหมือนคุณ CK ครับ

ปัญหาเรื่องเครื่องดื่มที่ผมเห็นว่าสำคัญก็คือ ความหวาน

น้ำอัดลมผู้คนส่วนใหญ่มักจะมีความรู้เรื่องเหตุภัยกันอยู่แล้ว

แต่ชาเขียวที่คนทั่วไปมักรู้แต่ถึงประโยชน์ แต่โทษภัยเรื่องความหวานยังไม่มีใครรู้

เรื่องนมรสหวาน ก็มีส่วนทำให้เด็กเล็กๆติดรสหวาน ซึ่งเป็นสาเหตุโรคภัยต่างๆตามมา

เห็นด้วยกับพี่ chatchai และพี่ jeng ครับ คนเราเดี๋ยวนี้ ถูกเพาะบ่มความรู้สึกนึกคิดโดยสื่อต่างๆอย่างมาก โดยเฉพาะทาง TV (หนังและโฆษณา)
: รถเจ๋งๆต้องแรงและเร็ว, ลุกผู้ชายเจ๋งต้องกินเหล้า กินแบล็ค