Thai VI

ว่าท่านใช้ SET index, SET50, SET100 ในชีวิตการลงทุนประจำวันอย่างไรครับ

ที่ว่า SET จะไป 1000 พอร์ทท่านจะกำไรเท่าไหร่

หาก SET เหลือ 100 พอร์ทท่านจะขาดทุนเท่าไหร่

ท่านรู้ได้อย่างไร.......

ผมเคยใช้ set index ทำ benchmark โดยวัดค่า sharp ratio เปรียบเทียบกับพอร์ตของตัวเอง แต่ตอนนี้เลิกทำแล้ว เพราะขี้เกียจ

ไม่ใช้เลยค่ะ หุ้นที่สนใจทั้งที่มีและไม่มี ไม่ค่อยชอบวิ่งตามดัชนีเลย

พี่ไม่เคยคิดจะ benchmark ตัวเองกับดัชนีเลยครับ น้องนักดูดาว ...........

sharpe ratio ใช้ยังไงครับ

ไม่เคยใช้เลย ไม่มีประโยชน์สำหรับผม อิ อิ

เลิกใช้หมดแล้วครับ

พอกันทีกับการ ทำนายทิศทางตลาด

ไม่เคยใช้เลยเช่นกันครับ

เคยใช้อยู่ในช่วงแปดเดือนแรกของการลงทุน และแล้วเราก็เห็นทางสว่างจากเวบนี้ทำให้เราไม่สนใจมันอีกต่อไป....Welcome to the real world เหมือน Matrix ไหมครับ

ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างก็มีดัชนีทุกตลาด
หากไม่มีใครดู.. จะทำขึ้นมาทำไม

ดูดัชนี..
ก็ใช่ว่าจะเสียประโยชน์หรือไม่ได้ประโยชน์
อาจจะได้ประโยชน์อย่างเหลือเชื่อก็ได้

jaychou เขียน:ว่าท่านใช้ SET index, SET50, SET100 ในชีวิตการลงทุนประจำวันอย่างไรครับ

ที่ว่า SET จะไป 1000 พอร์ทท่านจะกำไรเท่าไหร่

หาก SET เหลือ 100 พอร์ทท่านจะขาดทุนเท่าไหร่

ท่านรู้ได้อย่างไร.......

เราก็พูดถึงแต่ตัวของเราและของของเรา
เราไม่คิดถึงสิ่งที่เกิดกับชาติบ้างละ

ถ้า SET เหลือ 100 จุด..
ถ้าเป็น VI หุ้นในพอร์ตของท่านจะมีกำไร 1,000% เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่พอร์ตของบางคนก็อาจจะมีกำไร 1,000% ได้

ถ้า SET เหลือ 100 จุด..
บาทก็จะอยู่ที่ 500 บาท/USD
เงินก็จะเฟ้อ 500%

ราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 100 บาท/ลิตร
ค่ารถเมล์อยู่ที 20 บาท
ข้าวราดแกงจานละ 100 บาท

ฯลฯ

ดูเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้ไปทำนายทิศทางอะไร

ดูว่าตัวเองเทียบกับตลาดเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าดีกว่าก็โอเค ถ้าแย่กว่าก็ต้องมานั่งดูว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง พลาดตรงไหนครับ

ใช้ SET Index ประกอบการดูกราฟอย่างเดียวครับ

8) สำหรับผมๆว่ามันเป็นอินดิเคเต้อร์ชนิดนึง
มันถึงกะทำลายเศรษฐกิจของประเทศได้หรือเปล่า
สติปัญญาทางด้านนี้ผมยังไปไม่ถึง
อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมคุยกะเพื่อนๆ
ในเรืองที่เข้าใจตรงกันได้
ว่าสภาพตลาดหุ้นโดยรวมเป็นอย่างไรในขณะที่คุยกัน

ดูเฉยๆครับแต่ที่พยายามให้มากขึ้นคือทำความเข้าใจกับบริษัทที่เราเป็นเจ้า
ของหรือบริษัทที่เราสนใจจะลงทุนเพิ่มครับ

วันแห่งอิสรภาพ เหรอเฮีย

อืม จิ๊กอู๋ จิ๊ก อิก

ผมจำมาไม่รู้พูดถูกสำเนียงหรือเปล่า

น่าอิจฉาจัง

ทำไมของผมขึ้นมากสุดแค่เท่าเดียวเอง

ผมไม่ใช้เพราะมันไม่ได้มีประโยชน์ อาจจะใช้ไม่ได้ เบี่ยงเบน? หรืออะไรก็แล้วแต่

ผมว่ามันไม่ได้เป็นอะไรที่รุนแรงถึงขั้นทำลายชาติกระมังครับ

set indexเป้นดัชนีการซื้อขายหุ้นของตลาดบ้านเรา เรายังมี GDP มีดัชนีชี้วัดอะไรอีกมากมาย

อารมณ์ตลาดสะท้อนที่ set index ในแต่ละวัน ในระยะยาวมันเป็นตัวบอกว่านักลงทุนเชื่อมั่นในหุ้นในตลาดแค่ไหน

พูดแล้วงง

8) นานๆจะเห็นทีนะครับ
กระทู้คู่ขนาน
มันส์มาก
ดัชนีไทยแกก็เก่งนะ
แต่คนอื่นๆก็ไม่ธรรมดา

ไม่เคยคิดครับว่า ถ้า Index ไปถึงเท่านั้นเท่านี้ แล้ว port จะเป็นเท่าไหร่
เพราะมันมันค่อยไปทางเดียวกับ
แต่ก็ไม่ใช่ไม่ดู index เลย
ก็เรียกว่าชำเลือง แล้วกันครับ
เอาไว้ดูอารมณ์ตลาดน่ะครับ
เช่นบางหุ้นที่เราสนใจกำไรดี แต่ market mood ไม่ดี
ราคาก็เลยถูกๆ ไม่ไปไหน ก็เป็นโอกาสในการทยอยเก็บครับ
อะไรประมาณเนียะ

CK เขียน:sharpe ratio ใช้ยังไงครับ

ใช้ประเมิน performance ของ portfolio โดยหาจากอัตราส่วนระหว่างผลตอบแทนต่อความเสี่ยง ครับ

ยกตัวอย่าง ถ้าคุณมี sharp ratio มากกว่าตลาดแสดงว่า
1. คุณเสี่ยงน้อยกว่าตลาดเพื่อได้ผลตอบแทนเท่าตลาด หรือ
2. คุณได้ผลตอบแทนมากกว่าตลาดถ้าความเสี่ยงเท่ากัน หรือ
3. อื่นๆ

ผมดูแต่ SET Index ตัวเดียวครับ
ในความคิดของผมตอนนี้
SET Index มีความสัมพันธ์กับอารมณ์ของคนเล่นหุ้นส่วนใหญ่ และ เพราะผมประเมินคร่าวๆโดยไม่มีข้อมูลพื้นฐาน(เดา) ว่าชาวVIในตลาดหุ้นไทย ณ.วันนี้ไม่น่าจะถึง10%ของตลาดหุ้นไทย(จะเรียกว่าไม่มีอำนาจซื้อนำตามหลักTemple Boxing ได้ไหมนี่) ดังนั้น ผมจึงคิดว่าคนเล่นหุ่นอีกไม่น้อยกว่าครึ่งยังคงรับอิทธิพลจากSET Index
ไว้ถ้าประชากรVIเกินครึ่งของตลาดผมคงจะเลิกมอง SET Index ครับ

ผมคิดว่า set เป็นตัวบอกอารมณ์ของตลาดครับ มันกระทบความรู้สึกของเราทุกวัน สมัยก่อน set มีผลต่อการตัดสินใจซื้อขาย หลังจากอ่าน web นี้กะหนังสือของดอกเตอร์นิเวศน์แล้ว ก็พยายามไม่สนใจมันมากนักครับ

ไม่ใช้เหมือนกันครับ

adi เขียน:.......ใช้ประเมิน performance ของ portfolio โดยหาจากอัตราส่วนระหว่างผลตอบแทนต่อความเสี่ยง ครับ
...........................................................................

ถ้าเป็นไปได้ขอให้คุณ adi ช่วยแสดงวิธีคิดหาเรโช ที่ชื่อเจ้า Sharp นี้หน่อยนะครับ ??

ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นแนวคิดเปรียบเทียบกับแนวคิดของ Warren Buffett ซึ่งเขาจะใช้ DJIA (Dow-Jones Industrial Average)เป็นแกนหลักเพื่อเปรียบเทียบกับผลงานในพอร์ตของเขาในสมัยที่เขาก่อตั้ง Buffett Parnerships Limited ซึ่งก็เป็นการย้อนยุคไปอยู่ช่วงปี 1955-6เป็นต้นมาจนกระทั่งยกเลิกไป แล้วมาก่อตั้ง Berkshire Hathaway อีกทั้งเขายังเทียบกับกองทุนรวมขนาดใหญ่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นอีก 3-4 กองทุน(โดยเป็นทั้งกองทุนเปิดและปิด ซึ่งลงทุนในตลาดหุ้นราว 95%ของพอร์ต - ซึ่งผู้บริหารกองทุนเหล่านั้นมีแนวคิดและนโยบายการลงทุนต่างไปจากพอร์ตที่เขาบริหารอยู่โดยสิ้นเชิง) เขาตั้งเป้าไว้ว่าต้องเหนือกว่าเจ้า DJIA 10 จุด เช่น หาก DJIA ตกมาก เขาตั้งเป้าระยะห่างไว้ 10 จุด นั่นคือ ลบน้อยกว่า DJIA 10 จุด ในทางกลับกันหาก DJIA เป็นบวก เขาก็ตั้งเป้าให้พอร์ตตัวเองเหนือกว่า 10 จุด เป็นต้น

ซึ่งผลงานพอร์ตของเขาเหนือชั้นกว่าตัวเปรียบเทียบโดยตลอด ซึ่งก็เป็นการยืนยันว่าแนวทางการทุนแนวประเมินมูลค่า(value investment) ของเขาเหนือกว่าแนวใดๆในโลกานี้
ขอบคุณล่วงหน้าในความเอื้อเฟื้อ ครับ!

การเปรียบเทียบเป็นสิ่งที่ดีครับ

เป็นการวัดตนเอง เพื่อแข่งกับตนเอง
พัฒนาตนเอง


คนที่ไม่วัดผลตนเอง ยากที่จะพัฒนาได้